จอมพลที่รัก – บทที่ 57 หยาบคายตามสไตล์ของณภัทร !

จอมพลที่รัก

แววตาของไกรเลิศสั่นคลอนเล็กน้อย : “ลูก……ลูกพูดเหลวไหลอะไร ลูกก็ต้องเป็นลูกสาวของพ่อไกรเลิศคนนี้นะสิ”

มีนาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา : “คุณกำพลบอกว่า เขากับแม่ของฉันเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกัน ตอนนั้นเป็นเพราะแม่ตั้งต้องฉันจึงถูกไล่ออก ดูเหมือนว่าตอนนั้นคุณคงยังไม่รู้จักกับเธอนะ ?”

ไกรเลิศแอบก่นด่ากำพลอยู่ในใจ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยอมเปิดโปงเรื่องนี้ออกมาก่อนเวลาอันสมควร เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของเขา อีกทั้งยังเตะบอลลูกนี้มาให้เขาอีกด้วย เขาช่างเป็นพวกทรยศและเจ้าเล่ห์จริง ๆ !

“มีนา พ่อเป็นคนเลี้ยงลูกมากับมือตั้งแต่เล็กจนโต พ่อของลูกก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น แล้วทำไมลูกถึงต้องซักไซ้เรื่องในอดีตด้วยล่ะ ?”

“เหอะ ! ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ยอมบอก ?”

ความลับนี้เป็นไพ่ใบสำคัญของเขา เขาจึงไม่มีทางบอกออกมาง่าย ๆ จึงทำเพียงแค่พูดออกมาอย่างไม่แยแส : “พ่อรักแม่ของลูก ดังนั้นถึงได้ตัดสินใจแต่งงานกับเธอ ส่วนเรื่องในอดีต พ่อเองก็ไม่เคยซักถาม แม่เองก็ไม่เคยพูดอะไรออกมา”

มีนาหลุดขำออกมา : “รัก ? คุณคู่ควรที่จะใช้คำนี้ด้วยหรือ ?”

ตั้งแต่ที่เธอจำความได้ แม่ก็ไม่เคยมีความสุขมาก่อน ส่วนไกรเลิศเองก็เอาแต่ทุบตีต่อว่าแม่ แม่ทำได้แค่เพียงกอดเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างเธอเอาไว้ แล้วยืนร้องไห้อยู่ที่มุมห้อง

ไกรเลิศพูดด้วยความรำคาญ : “พ่อยอมรับว่าพ่อหยาบคายกับแม่ของลูก แต่นั่นเป็นเพราะรัก จึงทำให้เกิดความเกลียดชัง ยิ่งรักมากก็ยิ่งเกลียดมาก !”

“เหอะ ! หากคุณรักแม่จริง ก็คงไม่พาสองแม่ลูกนั่นเข้ามาในบ้านหลังจากแม่ตายได้เพียงสามวันหรอก และคงไม่เลี้ยงฉันกับทิวาอย่างทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ มาเป็นเวลาหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นมีทางยอมเผาแม่โดยที่ยังไม่อาจพิสูจน์สาเหตุการตายอย่างแน่ชัดได้ ! ไกรเลิศ คุณกำลังปิดบังอะไรอยู่กันแน่ ?”

ใบหน้าของเขาซีดเผือด : “พ่อจะปิดบังอะไรได้ แม่ตายเพราะอุบัติเหตุ มีนา พ่อรู้ว่าลูกเข้าใจพ่อผิด ต่อไปพอจะชดเชยให้กับลูกทั้งสองคนอย่างดี อีกสองสามวัน พ่อจะไปรับทิวากลับมา”

มีนารู้ดีว่าเขาไม่มีทางบอกความลับกับตนเองอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้รู้สึกมั่นใจเรื่องหนึ่งว่า แม่ตายเพราะถูกฆาตกรรม อีกทั้งเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเกี่ยวพันถึงคนที่เธอเรียกว่าพ่อ อีกทั้งคนคนนี้จะต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่จนถึงขนาดทำให้ทหารชั้นผู้ใหญ่อย่างกำพลและนักธุรกิจใหญ่อย่างไกรเลิศยอมปิดปากเงียบ

“เรื่องของทิวาคงไม่ต้องให้คุณคอยเป็นห่วง ต่อไปฉันกับคุณไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก !”

มีนาพูดประโยคนี้จบ ก็เดินจากไปอย่างเย็นชา มีเสียงก่นด่าของปรางทองดังตามหลังออกมาอย่างต่อเนื่อง : “แกมันใจดำ ทำให้ลูกสาวผู้น่าสงสารของฉันต้องมีสภาพเช่นนี้ ฉันว่าแกคงอย่างจะเหยียบตระกูลพรหมพิริยะของเราให้จมดิน แกมันก็เป็นผู้หญิงชั้นต่ำเหมือนแม่ของแก……”

เผียะ ! ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ก็ถูกมีนาตบเข้าฉาดใหญ่ เธอสะบัดมือแล้วกัดฟันพูดว่า : “แกไม่มีสิทธิ์พูดถึงแม่ของฉัน นี่ถือเป็นการดูถูกเธออย่างหนึ่ง !”

“แก……แกกล้าตบฉันหรือ ? !”

“เหอะ ? หากฉันสืบหาความจริงออกมาได้ แล้วมีความเกี่ยวพันไปถึงตัวแกแม้เพียงสักนิดแล้วล่ะก็ ฉันจะไม่ทำเพียงแค่ตบแกเท่านี้หรอกนะ !”

ฉึบ ! มีนาหยิบมีดปอกผลไม้บนโต๊ะขึ้นมา แล้วปักลงไปบนผลแอปเปิลอย่างแรง ทำให้ปรางทองตกใจจนตัวสั่น รอจนกระทั่งมีนากลับออกไป เธอถึงรู้สึกโล่งอก หัวใจของเธอเต้นระส่ำ : “เด็กคงนี้คงไม่ได้รู้อะไรมาหรอกใช่ไหม ?”

มีนาออกจากคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลพรหมพิริยะ เธอกอดแขนทั้งสองข้างเอาไว้แน่นอย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นฤดูร้อนแสนอบอ้าว แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูหนาวเย็นเยือก ความลับเหล่านั้นเป็นเหมือนหมอกที่เขามาปกคลุมเธอเอาไว้ทีละชั้น ๆ ทำให้เธอรู้สึกปวดหัวและรู้สึกราวกับหัวใจทั้งดวง กำลังตกลงไปในขุมนรก

ขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตาใช้ความคิด จู่ ๆ ก็มีรถบีเอ็มดับเบิลยูแล่นมาด้วยความเร็ว และกำลังจะชนเธอเข้า ณภัทรรีบหักพวงมาลัยทันที เขาใช้รถจี๊ปพุ่งชนเข้าใส่รถบีเอ็มดับเบิลยูคันนั้น รถบีเอ็มดับเบิลยูถูกชนจนกระเด็นไปแผงกั้น สภาพของรถถูกชนจนไม่เหลือชิ้นดี ทำไมถึงไม่รักชีวิตของตัวเองเลยนะ !”

เธออารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อถูกเขาตะคอก ก็รู้สึกหัวเสียขึ้นมา จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า : “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ?”

ทันทีที่เธอพูดจบ ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศกดดันโดยรอบ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง และกำลังมองเธอด้วยสายตาเจ็บปวดและโกรธเคือง อีกทั้งบริเวณหน้าผากของเขาก็เลือดไหลซึมออกมา เธอค่อย ๆ ใจอ่อนและสงบลง หากเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะเขาใช้ไหวพริบพุ่งเข้าชนรถบีเอ็มดับเบิลยูคันนั้น เกรงว่าเธอคงต้องตายไปนานแล้ว

“ณภัทร ขอโทษนะคะ ฉันไม่ดีเอง”

เธอยื่นมือออกไปกอดเขาเอาไว้ จากนั้นจึงใช้ใบหน้าแนบลงไปบนหน้าอกของเขา

ถึงแม้ตอนนี้เขาจะรู้สึกโมโหและไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือของเธอ รวมไปถึงดวงตาที่แดงก่ำ เขาก็ใจอ่อนลงทันที เขายกมือขึ้นแล้วโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน : “เด็กโง่ ! คุณเป็นภรรยาของผม หากไม่ได้รับอนุญาตจากผม คุณก็ลองตายดูสิ ?”

“ณภัทร มีคุณอยู่ด้วยช่างดีจริง ๆ……”

ต่อให้ตอนนี้เธอจะถูกทั้งโลกทอดทิ้ง ถูกทั้งโลกก่นด่าก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเขาก็ยังยืนอยู่ข้างเธอ คอยปลอบใจเธอ ทำให้เธออบอุ่น

“ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง”

“คุณได้รับบาดเจ็บแล้ว ต้องไปโรงพยาบาลก่อน”

“ผมไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องตัวผม เดี๋ยวคุณช่วยทำแผลให้ผมหน่อย”

“แล้วเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีฉัน คุณผ่านมาได้อย่างไร ?”

“ผมผ่านมาได้โดยนับวันที่ได้พบกับคุณ”

เขาพูดออกมาอย่าส่งเดช ทำให้เธอคิดว่าเขานั้นพูดเล่น

ทั้งสองขับรถออกไป ส่วนวายุถูกทิ้งให้จัดการกับเรื่องที่เหลือ เศรษฐีที่สวมใส่สร้อยคอทองคำเส้นใหญ่คนนั้น ทั้งขู่ทั้งตะคอกเขา : “วันนี้ฉันเพิ่งออกรถมาใหม่ ถ้าแกไม่ยอมชดใช้รถคันใหม่ให้ฉันแล้วล่ะก็ ฉันจะทำให้แกไม่มีที่ยืนในประเทศซีดานอีกเลย !”

ณภัทรพามีนามาที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง รอบเกาเกาะแห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยทะเลทั้งสี่ด้าน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็จะเห็นท้องฟ้าสีครามและก้อนเมฆสีขาวที่ลอยไปลอยมา ลมทะเลพัดมาเป็นระลอก ๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย ตรงที่ไกล ๆ มีคฤหาสน์สไตล์ยุโรปเล็ก ๆ หลังหนึ่ง การตกแต่งเป็นไปอย่างหรูหราและเรียบง่าย

“นี่คือบ้านของคุณหรือ ?”

เขาดึงเธอเข้ามากอดในอ้อมแขน : “ต่อไปก็จะเป็นบ้านของคุณเช่นกัน”

“ทำไมไม่เคยบอกฉันมาก่อน ?”

“เดิมทีตั้งใจจะเก็เอาไว้เซอร์ไพรส์คุณตอนแต่งงาน”

เดิมทีเขาวางแผนจะจัดพิธีแต่งงานขึ้นที่นี่ แต่เป็นเพราะตอนนี้เห็นเธออารมณ์ไม่ดี จึงอยากจะพาเธอมาผ่อนคลายอารมณ์

เธอกอดเขาเอาไว้ แล้วหอมแก้วเขาเบา ๆ : “ฉันชอบมากค่ะ”

เขาชี้ใบที่ใบหน้าอีกด้านหนึ่งของเขา : “ยังไม่พอ ยังมีด้านนี้อีก”

ขณะที่เธอเขย่งเท้าขึ้นเพื่อจะหอมแก้มเขา เขาก็จับใบหน้าของเธอเข้ามาจูบอย่างเร่าร้อน ดุดัน และดูดดื่ม จนร่างกายของเธออ่อนระทวย เขากดร่างของเธอลงไปบนพื้น แล้วใช้นิ้วสัมผัสไปทั่วเรือนร่างของเธอ จากนั้นจึงฉีกกระโปรงของเธอจนขาด แล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนหมดเกลี้ยง เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่กำยำและแข็งแรง

“ณภัทร ไม่เอาค่ะ……”

มือทั้งสองข้างของเขาค้ำอยู่บนพื้น จากนั้นจึงแลกเปลี่ยนลมหายใจกับเธอ : “เด็กโง่ ผมแค่อยากทำให้คุณมีความสุขเท่านั้น”

นี่เป็นวิธีแสดงของเขา เป็นวิธีการที่หยาบคาย

เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา : “ทุกครั้งที่คุณไม่สบายใจ ก็จะคิดถึงแต่เรื่องนี้อย่างนั้นหรือ ?”

เขาแสยะยิ้มออกมา : “เมื่อก่อนมักจะใช้การฝึกฝนร่างกายเป็นเครื่องระบายอารมณ์ ตอนนี้จึงลองระบายอารมณ์ด้วยวิธีนี้ดูบ้าง ทั้งสุขกายสบายใจ คุณจะลองดูบ้างไหมล่ะ ?”

จากนั้นเขาจึงนอนแผ่หลาลงบนพื้น ซึ่งมีความหมายโดยนัยว่า Come on baby!

จอมพลที่รัก

จอมพลที่รัก

Status: Ongoing
ครั้งแรกที่เจอเธอ เธอไล่เขาไป เจอกันครั้งที่สอง เธอถือมีดผ่าตัดจ่อที่คอของเขา……แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงรักเธอได้ถึงขนาดนี้ แม้จะโดนหลอกยังไงก็ตาม เขาก็จะเอาเธอมาเป็นภรรยา

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท