จอมพลที่รัก – บทที่ 82 ความเป็นความตายของเขา ยกให้เป็นหน้าที่ฉันเอง

จอมพลที่รัก

เมื่อมาถึงทำเนียบประธานาธิบดีอีกครั้ง เกิดความคิดมากมายขึ้นในสมองของมีนา เขาไม่ใช่คนที่น่าเกรงขามสำหรับเธออีกต่อไป แต่เป็นเพียงแค่ผู้ชายที่ฆ่าภรรยาและทอดทิ้งลูก เป็นคนชั่วที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมและวิธีการที่สกปรก ที่เธอมาวันนี้ ก็เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับแม่ของเธอ !

เธอจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านในนั้น กลับถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรงประตูเข้ามาขวางไว้ : “คุณนายท่านนายพล คุณไม่สามารถเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดีตามใจชอบได้นะครับ”

“ไปบอกท่านประธานาธิบดีของพวกคุณ ฉันมีเรื่องจะต้องปรึกษากับเขา ฉันเชื่อว่าเขาต้องยินดีพบฉันอย่างแน่นอน”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เป็นเพราะเกรงกลัวฐานะของเธอ จึงเดินเข้าไปในป้อมของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและต่อสายโทรศัพท์ ผ่านไปพักใหญ่ มีบอดี้การ์ดสวมใส่ชุดสูท รองเท้าหนังและแว่นดำเดินเข้ามา : “ท่านประธานาธิบดีเชิญให้คุณนายท่านนายพลเข้าพบครับ แต่จะต้องผ่านการตรวจสอบโดยละเอียดเสียก่อน”

มีนายื่นกระเป๋าในมือส่งให้เขา จากนั้นจึงกางแขนออกเพื่อให้เขาตรวจร่างกาย แต่ไม่มีใครรู้ได้ว่าเธอซ่อนปืนเอาไว้ตรงไหน นอกเสียจากณภัทร

ณภัทรเคยถามเธอด้วยอารมณ์ขันว่า คุณรู้ไหมว่าควรจะซ่อนปืนเอาไว้ตรงไหน ?

เธอตอบออกไปหลายที่ แต่เขาก็ยังส่ายหน้าพลางหัวเราะ จากนั้นจึงยิ้มอย่างมีเลศนัย เคยดูสายลับ007ไหม ? สาวบอนด์ล้วนแล้วแต่แอบซ่อนปืนเอาไว้ตรงนี้กันทั้งนั้น แล้วมือของเขาก็ลูบไล้ลงไปตรงหว่างขาของเธอ……

หลังจากที่บอดี้การ์ดตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าบนร่างกายของเธอไม่พบอาวุธใด ๆ จึงได้พาเธอเดินเข้าไปยังห้องรับแขกของประธานาธิบดี : “ท่านประธานาธิบดียังติดธุระอยู่ คุณนายโปรดรอสักครู่นะครับ”

ผ่านไปสักพัก เสียงฝีเท้าที่คุ้นหูก็ดังขึ้น เธอลูบปืนด้วยความด้วยความประหม่า และรู้สึกมั่นใจ จากนั้นจึงจ้องเขม็งไปที่ประตูด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นประตูจึงเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ภูมิฐานและสง่างามของประธานาธิบดี แต่ตอนนี้กลับเป็นใบเป็นหน้าที่ทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน

“คุณหนูมีนามาหานายพลณภัทรหรือ ? วันนี้เขาทำเรื่องลาหยุด แม้แต่การประชุมทางทหารในวันนี้ เขาเองก็ไม่ได้เข้าร่วม”

เธอพยายามข่มความโกรธแค้นภายในจิตใจเอาไว้ จากนั้นจึงแสร้งทำท่าทีสงบแล้วพูดว่า : “ไม่ใช่ค่ะ แต่ดิฉันมาหาท่านด้วยเรื่องส่วนตัว”

เขาทำสีหน้าตกใจ : “เรื่องส่วนตัว ?”

เธอเหลือบมองบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา : “พวกเราคุยกับเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้ไหมคะ ?”

เขามองเธอด้วยท่าทีเคร่งขรึม ราวกับรู้สึกได้ว่าเธอในวันนี้ไม่เหมือนกับทุก ๆ วัน จึงจ้องมองด้วยสายตาที่ระมัดระวัง

เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า : “ทำไมหรือคะ ? ท่านประธานาธิบดีกลัวหรือคะ ? ดิฉันเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง จะทำอะไรท่านได้ ?”

เขายิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “ฮ่าฮ่าฮ่า……ผู้หญิงที่เคยตบหน้าฉันฉาดใหญ่อย่างไม่เกรงกลัวในตอนนั้น จะเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอได้อย่างไร ?”

หากตอนนั้นไม่ใช่เพราะท่านประธานาธิบดีรู้เห็นเป็นใจดิฉันคงไม่ใจกล้าเช่นนั้นแน่นอน อันที่จริงแล้ว ตัวดิฉันเองก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่เปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือของท่าเท่านั้น”

ประธานาธิบดียิ้มแล้วหันไปโบกมือให้บอดี้การ์ด ใบหน้าของบอดี้การ์ดแสดงความกังวลออกมาเล็กน้อย : “ท่านครับ ทำเช่นนี้……”

“คุณนายของท่านนายพลไม่ใช่คนนอก พวกนายคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกก็พอแล้ว”

“ครับ”

ประธานาธิบดีนั่งลงบนเก้าอี้นุ่ม มีสาวใช้รินชาร้อนให้กับเธอ : “คุณหนูมีนา มาด้วยเรื่องงานแต่งงานใช่ไหม ? ณภัทรเคยบอกว่าจะเชิญฉันไปเป็นประธานในงานแต่งงานของพวกเธอ”

มีนามองเขาอย่างเย็นชา : “คุณยังจำ เวธณีได้ไหม ?”

เพล้ง ! แก้วน้ำชาของเขาหล่นลงไปบนพื้นและแตกกระจาย บอดี้การ์ดเมื่อได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งเข้ามาทันที และเล็งปืนไปที่มีนา

ประธานาธิบดีหันไปโบกมือให้พวกเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ เล็กน้อย : “ไม่เป็นไร พวกนายออกไปเถอะ”

หลังจากบอดี้การ์ดถอยออกไปเขาก็พิจารณาใบหน้าของมีนาอย่างละเอียด และเกิดอารมณ์ที่สลับซับซ้อนขึ้นในแววตา : “เธอเป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ?”

มีนาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะคะ”

เขาถอดแว่นตากรอบสีดำลง จากนั้นจึงเช็ดน้ำตาที่เอล้นออกมาจากดวงตา : “จำได้สิ เธอคือรักแท้ในชีวิตของฉัน และเป็นผู้หญิงที่รักฉันอย่างสุดหัวใจ ชาตินี้ไม่มีวันลืมได้”

เขาเสแสร้งได้เก่งจริง ๆ หากไม่รู้ว่าเขาทำอะไรไว้บ้างหลังจากนั้น เธอคงคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ยึดมั่นในความรักจริง ๆ

เขาหันมองมีนาทันที : “ฉันอยากรู้ว่า ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง ?”

มีนาตอบอย่างเย็นชา : “เธอตายแล้ว”

เขาผงะไปครู่ใหญ่ จากนั้นดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า : “เป็นแบบนี้ได้ยังไง ?”

ท่าทีของเขาดูโศกเศร้าเป็นอย่างมาก น้ำตาของเขาไหลอาบแก้ม สูญเสียความสง่างามและความเคร่งขรึมตามปกติของเขาไปโดยสิ้นเชิง เขาฟุบลงไปบนโต๊ะแล้วร้องไห้เงียบ ๆ ทันใดนั้นกระบอกปืนที่เย็นเฉียบก็จ่อลงที่ท้ายทอยของเขา : “คุณเลิกแสดงได้แล้ว เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าคนที่หลอกใช้เธอก็คือคุณ คนที่ทอดทิ้งเธอก็คือคุณ แล้วทำไมต้องแสร้งทำเป็นเสียอกเสียใจด้วย เช่นนี้มีแต่จะทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงเท่านั้น !”

ปัง ! เสียงปืนดังขึ้น มีเสียงเตือนภัยดังขึ้นทั่วทั้งทำเนียบประธานาธิบดี ไม่ช้ารถตำรวจและรถพยาบาลก็มาถึงโดยพร้อมเพรียงกัน และเข้าปิดล้อมทำเนียบประธานาธิบดีเอาไว้อย่างแน่นหนา

ตอนนี้ในโทรทัศน์มีการรายงานข่าวด่วน : “ประธานาธิบดีถูกลอบสังหาร ยังไม่ทราบอาการที่แน่ชัด”

ข่าวนี้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในประเทศซีดาน โดยเฉพาะกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในรอบ 4 ปีที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มวุ่นวาย แต่ละฝ่ายเริ่มแสดงอำนาจออกมามากขึ้น

ทางด้านคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลพรหมพิริยะกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริงยินดี ปรางทองเข้าครัวลงมือทำอาหารด้วยตัวเองสองสามอย่าง จากนั้นจึงยกออกมาอย่างมีความสุข : “ที่รักคะ หากเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าตระกูลพรหมพิริยะของเรากำลังจะลืมตาอ้าปากได้แล้วสินะคะ ?”

ดวงตาทั้งสองข้างของไกรเลิศ เปล่งประกายความตื่นเต้นยินดีออกมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ : “ต้องขอบคุณนังเด็กโง่นั้นจริง ๆ ที่ช่วยเรากำจัดก้างชิ้นใหญ่อย่างดรณ์ไปได้”

ปรางทองหันไปขยิบตาให้เขา : “ที่รักคะ คุณนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”

เธอเดินบิดเอวเข้าไปหาเขา แล้วรินไวน์แดงให้กับเขาจนเต็มแก้ว จากนั้นจึงกัดริมฝีปากและขยิบตา ทำทีท่ายั่วยวนอย่างที่สุด : “ฉันตุ๋นซุปบำรุงร่างกายให้กับคุณ เดี๋ยวคุณต้องทานให้หมดนะคะ”

ไกรเลิศเข้าใจความหมายของเธอดี จึงยิ้มแล้วหันไปจับบั้นท้ายของเธอหนึ่งครั้ง : “คุณมันเป็นปีศาจตัวร้ายจริง ๆ”

เธอทำเสียงกระฟัดกะเฟียดแล้วนั่งลงไปในอ้อมกอดของเขา : “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปรับเขมิกากลับบ้าน เหตุการณ์ก็ผ่านไปนานมากแล้ว เด็กคนนี้ก็ถือว่าได้รับความลำบากไม่น้อย”

“ได้ ตามใจคุณ แต่อย่างไรเสียก็จะต้องดูแลเธอให้ดี ตอนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการเลือกตั้งประธานาธิบดี จะให้เธอออกไปสร้างปัญหาไม่ได้เด็ดขาด”

“วางใจเถอะค่ะ แล้วครั้งนี้คุณจะโอกาสทองนี้ให้กับใคร ?”

แววตาของไกรเลิศแสดงความดูถูกออกมา : “ ผมจะมองโอกาสทองให้กับตัวเองไม่ได้หรือยังไง ?”

ปรางทองอุทานด้วยความตกใจ และกระโดดโหยงขึ้นมาจากตัวเขา : “อะไรนะ ? คุณ……คุณจะลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือคะ ?”

ไกรเลิศจิบไวน์เข้าไปหนึ่งอึกด้วยท่าทางภาคภูมิใจ : “ด้วยทรัพย์สินและเส้นสายที่ผมสั่งสมมาตลอดหลายปี ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ ?”

เขาเบื่อกับการที่จะต้องคอยอยู่เบื้องหลังออกแรงผลักดันคนอื่น แต่ตนเองกลับไม่ได้ประโยชน์อะไรเช่นนี้มานานแล้ว สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาเฝ้าวางแผนมาเป็นเวลานาน

ปรางทองทั้งตกใจทั้งยินดี : “หากเป็นเช่นนี้ ต่อไปฉันก็จะกลายเป็นภริยาประธานาธิบดีแล้วสิคะ ?”

“ต้องเป็นคุณแน่นอน !”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าการันต์นั่น ไม่ต้องคุกเข่าเลียนิ้วเท้าเขมิกาของเราหรือคะ ?”

“เหอะ ๆ……ถึงเวลานั้น ชนชั้นสูงและบรรดาเศรษฐีทั้งหมดในประเทศ จะต่อแถวเข้ามาให้เขมิกาเลือก”

ปรางทองตบหน้าขาฉาดใหญ่ : “เฮ้อ ตอนนั้นที่ตระกูลอัครโภคินเอ่ยปากเรื่องการหย่า หากฉันตกปากรับคำไปเสียก็ดี”

เธอกำลังคิดคำนวนในใจว่า พรุ่งนี้จะไปจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพราะตั้งแต่ที่เลขาธิการยศพลถูกสั่งพักงาน ตระกูลอัครโภคินก็ค่อย ๆ ตกต่ำลงเรื่อย ๆ ครั้งนี้เธอสามารถจัดการกับสุนัขที่ไม่มีทางสู้ได้แล้ว

ในห้องผู้ป่วยวีไอพีลับของโรงพยาบาลราชหลวง แพทย์กำลังตรวจวินิจฉัยอาการบาดเจ็บของผู้ป่วย แล้วรีบตัดสินใจทันที : “จะต้องวางยาสลบทันที และรีบทำการผ่าตัดทรวงอกโดยเร็วที่สุด”

“แต่กระสุนอยู่ห่างจากหัวใจของผู้ป่วยเพียง 0.01 เซนติเมตร หากนำกระสุนออก เกรงว่าเลือดจะไหลเข้าสู่หัวใจของผู้ป่วย ถึงเวลานั้น จะเกิดการอุดตันบริเวณหลอดเลือดใหญ่ ทำให้เสียชีวิต”

“ปัจจุบันภายในประเทศยังไม่มีกรณีผ่าตัดที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งผู้ป่วยเองดำรงตำแหน่งสำคัญ พวกเราจึงต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ”

ปัง ! ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก ปรากฏภาพของผู้หญิงที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด หญิงเสื้อคลุมสีขาวของแพทย์ขึ้นมาสวมใส่บนร่างกาย : “การผ่าตัดครั้งนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง !”

จอมพลที่รัก

จอมพลที่รัก

Status: Ongoing
ครั้งแรกที่เจอเธอ เธอไล่เขาไป เจอกันครั้งที่สอง เธอถือมีดผ่าตัดจ่อที่คอของเขา……แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงรักเธอได้ถึงขนาดนี้ แม้จะโดนหลอกยังไงก็ตาม เขาก็จะเอาเธอมาเป็นภรรยา

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท