ณภทัรยืนส่องกระจก และจัดระเบียบเคื่องแบบทหารให้เข้าที่ มีนาหันหลังให้กับเขา ใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มของความชื่นชมยินดีออกมา ผู้ชายในเครื่องแบบทหารดูหล่อเหลาที่สุด เครื่องแบบสีเขียวเผยให้เห็นไหล่ที่กว้างและเอวที่คอดเรียวของเขา รวมไปถึงรูปร่างที่ดูสูงโปร่ง ท่อนขาเรียวยาวที่ทรงพลัง เมื่อจับคู่กับรองเท้าบูตทหาร ช่างดูแข็งแกร่งเสียจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้าที่ใครเห็นต่างเป็นต้องหลงรักใบหน้านี้ ที่เผยให้เห็นถึงความหยิ่งทะนง และอยู่ยงคงกระพัน
เขาหันกลับไปหาเธอแล้วกระดิกนิ้วเรียก : “ปีศาจน้อย มานี่หน่อย ช่วยผูกเนกไทให้ผมหน่อย”
เธอยื่นมือออกไปจัดระเบียบเนกไทให้เขาอย่างตั้งใจ จู่ ๆ เขาก็ก้มหน้าลงมาจูบที่คิ้วของเธอ : “รอผมอยู่ที่บ้านดี ๆ นะ วันนี้ผมจะไปตกปลาใหญ่ให้คุณ”
เธอรู้ดีว่าปลาใหญ่ที่เขาพูดถึงก็คือไกรเลิศ
“ได้ ฉันจะรอคุณ”
เธอดินไปส่งเขาที่ประตู แล้วพูดกำชับว่า : “แผลบนร่างกายของคุณยังไม่หายดี ห้ามต่อสู้กับใครเด็ดขาด เข้าใจไหม ?”
เขารีบจูบแก้มของเธออย่างรวดเร็ว : “คุณวางใจเถอะ เขาไม่มีค่ามากพอที่จะให้ผมลงมือด้วยตัวเองหรอก วันนี้ผมจะเล่นสงครามประสาท”
เขาขึ้นไปบนรถ แล้วมองดูเธอกำลังยืนกอดอกอยู่ที่ประตูผ่านทางกระจกมองหลัง จากนั้นก็สั่งให้คนขับหยุดรถทันที เมื่อลงจากรถ เขาก็รีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปหาเธอ แล้วพูดข่มขู่อย่างดุดันว่า : “ปีศาจน้อย ถ้ายังไม่กลับเข้าไปอีกล่ะก็ ผม……ผมจะจัดการคุณตรงนี้เดี๋ยวนี้ !”
เธอพูดด้วยรอยยิ้ม : “ณภัทร คุณช่วยเปลี่ยนคำขู่ฉันหน่อยได้ไหม ?”
“เด็กดี รีบกลับเข้าไปในบ้านเร็วเข้า ลมต้นฤดูแบบนี้จะทำให้คุณเป็นหวัดเอาง่าย ๆ ผมไม่อยากให้ปีศาจน้อยของผมต้องหนาวตายหรอกนะ”
เธอกัดริมฝีปากแล้วยิ้มแหยออกมา : “คำพูดนี้ใช้ได้ผลยิ่งกว่าเสื้อโค้ตขนสัตว์เสียอีก”
“รีบเข้าไปเดี๋ยวนี้ ! ผมจะเริ่มนับแล้วนะ 1……2……”
เธอหันไปแลบลิ้นใส่เขา จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป หลังจากแน่ใจว่าเธอกลับเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว เขาจึงกลับเข้าไปในรถด้วยความพอใจ
ผู้ช่วยธนาและคิมนั่งพึมพำอยู่ในรถ : “ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นด้วยตาตัวเอง ใครจะไปเชื่อว่านายพลผู้องอาจของพวกเรา จะมีด้านที่อ่อนหวานเช่นนี้ด้วย ?”
คิมทอดถอนใจออกมา : “เฮ้อ ลูกพี่ของเราอ่อนโยนกับเฉพาะพี่สะใภ้เล็กคนเดียวเท่านั้น ช่างน่าสงสารวายุน้อยจริง ๆ……”
ผู้ช่วยธนารู้สึกสงสัย : “เกี่ยวอะไรกับวายุด้วย ?”
ตอนนี้เอง มีเครื่องบินลำหนึ่งกำลังบินอยู่เหนือหัว ด้านบนมีเสียงร้องตะโกนโหยหวนดังลงมา ทั้งสองเงยหน้าขึ้นไปมองทิวทัศน์ที่พิเศษนั้นพร้อมกัน
“เฮ้ เจ้าวายุจะเปลี่ยนกางเกงในตัวอื่นบ้างไม่ได้หรือยังไง ฉันเห็นจนอยากจะอาเจียนแล้ว”
……
ภายในหอประชุมใหญ่ ไกลเลิศแต่งกายด้วยชุดสูทรองเท้าหนัง กำลังกล่าวสุนทรพจน์อย่างออกรสออชาติ ปรางทองยืนอยู่ด้านหลังเขา มองตรงไปยังผู้คนพร้อมพยักหน้าแล้วยิ้มด้วยท่าทีที่สง่างามและอ่อนโยน
เลขาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ยิ้มและคอยคลิกเมาส์ : “ส.ส.ไกรเลิศไม่เพียงแต่มีมุมมองด้านการเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชนอยู่เสมอ และตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาได้บริจาคทุนทรัพย์ส่วนตัวให้กับโรงเรียนประถมขนาดเล็กกว่า 250 แห่ง ต่อไปจะเป็นคลิปวิดีโอสัมภาษณ์”
จอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ในหอประชุมสว่างขึ้น แต่คลิปวิดีโอที่กำลังจะเปิดต่อจากนี้ กลับทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในหอประชุม ภาพที่ปรากฏขึ้นเป็นภาพที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ชายฉกรรจ์จำนวนสี่ห้าคน กำลังปรนนิบัติหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งอยู่ คำพูดสบถต่าง ๆ นานาหลุดออกมาจากปากของพวกเขา เสียงร้องครวญครางของผู้หญิงดูจะมีความสุขยิ่งกว่าใคร ๆ
มีคนตะโกนขึ้นมาว่า : “นั่นมันคุณหญิงปรางทองไม่ใช่หรือ ?”
แสงแฟลชจากล้องของนักข่าว สาดไปที่ปรางทองอย่างต่อเนื่อง เธอรีบเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังไกรเลิศ ยกมือขึ้นปิดบังใบหน้า : “ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉัน……”
ไกรเลิศข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ แล้วจ้องมองไปที่เลขาสาวอย่างดุดัน เธอตกใจจนหน้าถอดสี และรีบลบคลิปวิดีโอออกอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนเมาส์จะถูกควบคุมเอาไว้ จึงไม่เชื่อฟังคำสั่งของเธอ คลิปวิดีโอยังคงเผยแพร่ต่อไป เนื้อหาที่ตื่นเต้นยิ่งขึ้น ท่วงท่าที่ดุเด็ดเผ็ดมันยิ่งขึ้น ถูกเผยแพร่สู่สายตาสาธารณชน
นักข่าวรีบวิ่งกรูกันเข้าไปสัมภาษณ์ : “คุณหญิงปรางทองครับ ผู้หญิงในคลิปวิดีโอคือคุณใช่ไหมครับ ?”
“หญิงหนึ่งชายสี่ พละกำลังของคุณทำให้คนรู้สึกทึ่งจริง ๆ”
“สำหรับคำกล่าวที่ว่า แม่เป็นเช่นไร ลูกสาวก็เป็นเช่นนั้น คุณคิดจะพูดอะไรสักหน่อยไหมครับ ?”
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับส.ส.ไกรเลิศไหมครับ ? เขาเป็นคนปล่อยภาพหลุดครั้งนี้ออกมาไหม ?”
ไกรเลิศเห็นคะแนนของตนเองบนจอโปรเจคเตอร์ลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว ในใจก็รู้สึกทั้งโมโหและโกรธแค้น แต่เพื่อกู้สถานการณ์ทั้งหมดกลับคืนมา จึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปกันปรางทองออกจากฝูงชน และพูดออกมาอย่างขึงขังว่า : “ผมกล้าเอาหัวเป็นประกันว่า ผู้หญิงในคลิปวิดีโอไม่ใช่ภรรยาของผมอย่างแน่นอน ต้องมีคนคิดจะฉวยโอกาสทำลายผม นี่เป็นแผนโจมตีของฝ่ายตรงข้าม ขอร้องทุกท่านอย่าหลงเชื่อผู้กระทำความผิด !”
จู่ ๆ เสียงของจอโปรเจคเตอร์ก็ถูกเพิ่มระดับถึงขีดสุด
“โอ๊ย เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก เร็วหน่อย เร็วหน่อย !”
“คนที่อยู่ข้างบนก็ไม่ต้องหยุดนะ โอ๊ย……”
“เรียกฉันว่าสตรีหมายเลขหนึ่ง เร็วเข้า !”
“สตรีหมายเลขหนึ่ง ดูเหมือนท่านประธานาธิบดีไกรเลิศคงจะทำให้คุณพอใจไม่ได้สินะ ?”
“หึ ! ไอแก่นั่นไม่เคยทำสำเร็จเลยสักครั้ง นิ้วมือยังจะใหญ่กว่าไอ้จ้อนของเขาเสียอีก ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเขาพอจะมีเงินถุงเงินถังอยู่บ้าง ฉันคงไม่มีวันชายตาไปมองเขาเด็ดขาด”
เมื่อได้ยินคำพูดสองสามประโยคนี้ ไกรเลิศก็ไม่อาจข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ได้อีกต่อไป เขาหันไปตบหน้าปรางทองฉาดใหญ่ : “นังแพศยา ! ใครใช้ให้แกออกไปลักกินขโมยกินลับหลังฉัน !”
ปรางทองถูกตบจนมึนงง ฟันของเธอกระเด็นออกจากปากไปหลายซี่ เธอลงไปนอนกุมปากอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวด และบรรดานักข่าวก็เข้ามาห้อมล้อมเธอเอาไว้
ถึงตอนนี้ ไกรเลิศก็ตัดสินใจที่จะละทิ้งปรางทอง เขาจึงหันไปร้องไห้ต่อหน้ากล้องด้วยความโศกเศร้า : “อันที่จริงแล้ว การแต่งงานระหว่างผมกับผู้หญิงคนนี้ หลงเหลือเพียงการแต่งงานแค่ในนามเท่านั้น ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าเธอแอบกระทำเรื่องน่าอับอายลับหลังผมเช่นนี้”
เขาพูดตัดพ้อออกมาทั้งน้ำตา ทำให้ตนเองดูเป็นคนที่อ่อนโยน จิตใจดี และซื่อสัตย์ แต่กลับต้องถูกภรรยาทรยศหักหลังอย่างน่าสงสาร โดยปกติแล้วผู้คนมักจะเห็นอกเห็นใจผู้ที่อ่อนแอ ทุกคนค่อย ๆ หันมาให้ความสนใจกับเขา ตอนนี้คะแนนของเขาในเว็บไซต์ค่อย ๆ พุ่งทะยานขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีชาวเน็ตที่เข้าไปให้กำลังใจในการถ่ายทอดสดของเขา
ไกรเลิศปาดน้ำตาและแอบมองดูคะแนนบนหน้าจอโปรเจคเตอร์ มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มภูมิใจออกมา และในตอนนี้เอง มีผู้ชายรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาและมีท่าทีที่เย็นชาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าสาธารณชน คนคนนั้นก็คือณภัทร ซึ่งทุกคนพยายามตามหาตัวเขามานาน นายพลณภัทร การปรากฏตัวขึ้นของเขา ทำให้บรรยากาศภายในห้องโถงใหญ่เกิดความโกลาหลขึ้น มีเสียงกรีดร้องของบรรดาสาว ๆ ดังขึ้นจากทั่วทุกที่
เขาทำเพียงแค่แสยะยิ้ม ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความยุติธรรมและความชั่วร้าย เพียงพอที่จะดึงดูดทุกคนได้
“นายพลณภัทร ก่อนหน้านี้ที่คุณหายตัวไป มีความเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดีหรือไม่ครับ ?”
“ได้ยินมาว่าคุณกลายเป็นอาชญากรที่ถูกออกหมายจับ ทำไมตอนนี้ถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างง่ายดายล่ะครับ ?”
“หรือคุณเองก็จะมาลงสมัครเพื่อแย่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยครับ ?”
ณภัทรเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างองอาจ เขาหลบเลี่ยงไมโครโฟนของนักข่าว แล้วใช้สายตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว สอดส่ายไปทั่วทุกมุมของหอประชุม : “ที่วันนี้ผมมาก็เพื่อเปิดเผยแผนการสมรู้ร่วมคิด และเพื่อกระชากหน้ากากของคนคนหนึ่งออกมา ถ้าหากทุกท่านไม่ถือสา ก็ขอรบกวนให้อยู่ในความสงบ แล้วคอยจับตาดูการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้น”
เมื่อเห็นกองกำลังทหารติดอาวุธที่ติดตามณภัทรมา ทุกคนต่างเงียบเสียงลงทันที และเฝ้ารอการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างตื่นเต้น
รูม่านตาของไกรเลิศหดลงอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ เขากัดฟันกรอด : “ณภัทร วันนี้เธอคิดจะมาทำลายเวทีอย่างนั้นหรือ ?”
เขาหลุดขำออกมา : “ทำลาย ? ไม่หรอก ผมเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น !”