การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 90

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 90 – พวกเรา..เป็นเพื่อนกันแล้ว

“……”

เลทิเซียยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี.. สำหรับเธอแล้วคำว่ารักจากคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวน่ะเธอไม่คิดว่ามันบริสุทธิ์

มันเป็นเรื่องไร้สาระที่มีเพื่อหลอกตัวเองว่า ฉันรักเขา เขารักฉัน.. ทั้งๆ ที่ไม่ได้ผูกพันกันด้วยสายสัมพันธ์อะไร แต่กลับบอกว่ารัก

สิ่งนั้นนั่นแหละที่เลทิเซียเรียกว่าแปลกน่ะ ดังนั้นเธอเลยไม่เชื่อเรื่องความรัก เธอคิดว่ามันแค่ของจอมปลอมที่อยากมีความสัมพันธ์ต่อกันเท่านั้น

ใช่ สำหรับเลทิเซียแล้วพวกเขานั้นแค่ ‘อยากมีความรัก’ ไม่ได้ ‘เพราะรักถึงมีความอยาก’ สองคำนี้แม้เหมือนไม่แตกต่างแต่มันแตกต่างมาก

“ข้าน่ะ.. ไม่รู้ว่าเลทิเซียจะเชื่อข้าหรือเปล่า.. แต่ตั้งแต่วันที่เลทิเซียบอกรักข้า… ข้าก็รู้สึกว่านั่นเป็นครั้งแรกเลยที่มีใครสักคน.. ใครสักคนมารักข้า มีคนต้องการข้า.. ข้าที่ไม่เคยมีใครมาห่วงใยเป็นใจคนนี้”

“แต่ว่า.. นั่นน่ะ..”

“ข้ารู้.. ทุกอย่างน่ะเป็นแค่เรื่องโกหก แต่ว่าข้าจะทำอะไรได้ล่ะ”

“ก็แค่…..”

ก่อนเลทิเซียจะได้พูดจบทสึรุก็เอามือปิดปากเลทิเซียไว้ เธอพอเดาคำพูดต่อไปของเลทิเซียได้แล้วทั้งดวงตาของเธอที่แม้จะมีความมั่นใจขึ้นมาแล้วก็ตาม

ในลึกๆ ของดวงตา ทสึรุมองเห็นความแปลกอย่างหนึ่งได้.. นั่นคือเธอกำลังดูถูกตัวเอง สิ้นหวังและไร้หนทาง

อาจจะเป็นเพราะเธอมองเลทิเซียอยู่ตลอดเลยสังเกตเห็นได้ทันที ซึ่งเธอก็พูดขึ้นกับเลทิเซียด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นว่า

“ข้าทิ้งไม่ได้.. ก็เพราะข้ารักเลทิเซียไปแล้ว…และเลทิเซียไม่ควรคิดแบบนั้นว่าตัวเองไม่สมควรมีชีวิตอยู่บ้างละ.. ตายไปบ้างล่ะ…”

“…..”

“ใครเป็นคนตัดสินล่ะว่า เลทิเซียไม่ควรมีชีวิตอยู่? ที่อยู่ตรงนี้ก็มีข้าที่ต้องการให้เลทิเซียอยู่ตรงนี้มีชีวิตอยู่ อันที่จริงข้าก็เห็นแก่ตัว…”

“…?”

“ข้าน่ะต้องการให้เลทิเซียอยู่เพื่อที่จะมอบความรักให้ข้า.. ข้าแค่ต้องการให้คนที่ข้ารัก รักข้าบ้างเท่านั้นเอง…”

เสียงของเธอสงบนิ่งภายใต้ความมืดยามราตรี เลทิเซียนั่งมองทสึรุด้วยสายตาที่สับสน มีเพียงเสียงเลือดของเลทิเซียที่หยุดลงบนพื้นเท่านั้นที่ยังคงดัง

แต่ในตอนนั้นเองเสียงปรบมือก็ดังขึ้นพังทลายความเงียบ สายตาของทสึรุหันไปในทันที

“เป็นภาพที่ดีเลยนะเจ้าคะเนี่ย…”

เสียงนั้นดังขึ้นแม้สำเนียงจะแปลกๆ แต่ก็มีคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือพื้นดินลอยอยู่ทิศตรงกันข้ามกับทสึรุและเลทิเซีย

ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญแบบไหน เพราะเมฆที่บดบังแสงจันทร์จุดที่เสียงนั้นดังขึ้นหายไปพอดี ทำให้สายตาของทสึรุสังเกตเห็นรูปร่างของต้นเสียงได้

เธอเป็นเด็กผู้หญิงมีผมสีเทาดำยาวแต่ถูกม้วนเก็บขึ้นมาบนหัวอย่างลวกๆ เลยดูค่อนข้างที่จะไม่เรียบร้อย

มีเขาที่ยาวโค้งไปด้านหลังเขาสีดำนั้นค่อนข้างยาวที่คอของเธอมีปลอกคอและโซ่สั้นๆ ที่ล่ามติดอยู่

สวมผ้าสีดำตัวหนึ่งปกปิดแค่ส่วนสำคัญของร่างกาย แต่หัวไหล่และต้นขาเปิดจนดูแปลกๆ อาจจะเพราะรูปร่างที่เหมือนเด็กอายุไม่ถึงสิบห้าด้วย

ในมือเธอกอดตุ๊กตาสีดำไว้ อันที่จริงท่าที่เธอลอยอยู่ไม่ใช่ท่ายืนแต่เป็นท่านอนขดตัวกลางอากาศ แล้วที่ขาทั้งสองข้างก็มีปลอกขาที่มีโซ่ติดอยู่เช่นกัน

และแน่นอนว่าที่แขนก็มีเพียงแต่ถูกบังด้วยขาที่นอนขดกอดตุ๊กตา และที่ชัดเจนคือปีกสีดำด้านหลังขนาดไม่ได้ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เล็ก

และมีหางสีดำยาวเคลื่อนที่ไปมา

“เจ้าเป็นใคร..”

ทสึรุสับสน.. เป็นเผ่าอสูร.. ไม่สิ.. เผ่าอสูรอะไรที่มีรูปร่างแบบนี้ กึ่งมนุษย์? ไม่สิ กึ่งมนุษย์ไม่มีทางมีเขาหรือหางแน่ๆ

ก่อนอื่นเลยโลกในชิ้นส่วนเวหานี้อาจจะไม่มีเผ่าอสูรแบบทสึรุอยู่ด้วยซ้ำละมั้ง แล้วตัวเธอคนนี้คือใคร มิตรหรือศัตรู…

แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ทสึรุไม่ต้องการคือการเป็นศัตรู.. เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้นราวกับว่ามันสามารถฉีกทสึรุทิ้งได้โดยไม่ทันหายใจเสร็จ

“เป็นใคร? เจ้าเข้าบ้านคนอื่นแล้วถามเจ้าของบ้านเป็นใครเนี่ยนะ ฮ่าๆ ตลกจังเลย เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นนักรบไม่ใช่ตลกคาเฟ่น่ะ… เอ่อ ว่าแต่คาเฟ่คืออะไรล่ะเนี่ย? อืม ช่างมันเถอะ”

“….หรือว่า…”

“ใช่ ที่นี่บ้านข้า แล้วเจ้าก็พึ่งฆ่าน้องเล็กของไอ้พวกหมาเฝ้าบ้านข้า พวกมันพร้อมที่จะฆ่าเจ้าแล้วเนี่ย อะแฮ่ม เรื่องนี้ต้องขอบคุณข้านะ!”

“….”

ทสึรุสับสนกับท่าทางหยอกล้อและขี้เล่นของอีกฝ่ายได้แต่รู้สึกสับสนอยู่ในใจ พอเห็นท่าทางงุนงงของทสึรุเธอคนนั้นก็อธิบาย

เพราะคิดว่าทสึรุกำลังงงว่า ทำไมต้องขอบคุณนางด้วย นางจึงอธิบายเหตุผล..

“เพราะข้าจะลงมือเอง พวกเจ้าจะได้ตายแบบไม่ทรมานยังไงล่ะ ..คิดว่านะ…มั้ง เอ่อ.. ถึงอีกคนจะทรมานจนใกล้ตายแล้วก็เถอะนะ … แต่เอาเป็นว่าพวกเจ้าเนี่ยโชคดีนะ ท่านพี่ข้าไม่อยู่บ้านซะด้วยไม่งั้นพวกเจ้าคงตายไปตั้งแต่ที่เหยียบเข้ามาในเขตนี้แล้วล่ะ แต่อีกไม่นานก็กลับมาละ”

“ต้องการจะบอกอะไร..”

ทสึรุพูดขึ้นทันที… ในตอนนั้นเองผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มขึ้น.. รอยยิ้มฉีกขึ้นกว้างจนดูน่ากลัว ตุ๊กตาสีดำในแขนก็ฉีกยิ้มตาม

“พูดก็คือพวกเจ้าไม่มีทางรอด.. มีแค่ตายกับตาย.. สิ้นหวังซะสิ”

“….”

“อ่ะแฮ่ม.. ขอโทษที.. พอดีข้าตื่นเต้นไปหน่อย”

เธอกระแอมออกมาก่อนจะปรับสีหน้ากลายเป็นคนช่างพูดและมิตรสัมพันธ์ดีเหมือนเดิมก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่แนะนำตัว

กำลังจะแนะนำตัวแต่ทสึรุก็ตัดสินว่าเธอคนนี้เป็นศัตรู.. ทสึรุจับไม้ได้ท่อนหนึ่งก็พุ่งดิ่งใส่อีกฝ่ายด้วยความเร็วสูง

เป็นการโจมตีเผลอที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้.. แต่ทันทีที่เข้าไปใกล้อีกฝ่ายทสึรุก็ปะทะกับพลังงานบางอย่าง “ปัง!!”

“อ้อก!!”

เธอกระอักเลือดคำโตก่อนจะกระเด็นออกมาร่วงลงพื้นบาดแผลทั่วร่างฉีกขาดจนน่ากลัวขึ้นมาอีกขั้น

อีกฝ่ายเหมือนไม่สังเกตเห็นก่อนจะแนะนำตัวตามปกติ

“ข้าคือหนึ่งในสิบสองมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ลำดับที่สอง เป็นเทพมังกรแห่งความสิ้นหวัง เฟรย์ย่า… เป็นไงล่ะตกใจไหมล่ะ?”

เธอเชิดอกน้อยๆ พูดอย่างภาคภูมิใจ แต่พอสังเกตเห็นร่างเลทิเซียที่ค่อยๆ ลุกขึ้นด้วยบาดแผลที่มากกว่าเดิม

“อ่าว เจ้าไปโดนอะไรมาน่ะ เจ็บแบบนั้นข้าก็ทรมานหนักๆ ไม่ได้ไม่ใช่หรือไง? คนโง่เอ๊ย!”

แม้จะทำเสียงให้ดูน่ารักแต่นิ้วของดีดออกพลังฟื้นฟูจำนวนมากไหลเข้าสู่ร่างทสึรุจนบาดแผลทุกอย่างสลายหายไป แต่ในพริบตาเดียวกันนั้น

“อ๊าาาาาา!”

เสียงกรีดร้องทรมานดังออกจากปากของทสึรุ สีหน้าของเฟรย์ย่าเต็มไปด้วยความยินดี

“ว้าว.. สุดยอดไปเลยในที่สุดก็ทำได้ปรสิตอนุภาคเวท ถ้าท่านพี่รู้ท่านพี่ต้องลูบหัวข้าแน่ๆ เลย.. รีบกลับไปรอท่านพี่ดีกว่า~☆”

“ฝากพวกเจ้าจัดการที่เหลือด้วยนะ”

ตอนแรกเจ้าหล่อนว่าจะจัดการเองแต่เพราะกลัวพี่ดุเลยปล่อยให้หมาป่าเหล่านี้จัดการแทน ยังไงสภาพนี้ก็ไม่มีทางสู้ได้

นั่นคือสิ่งที่เฟรย์ย่าคิด. แต่ทว่าพอเธอจากไปแล้วทสึรุก็พยายามยืนขึ้นจนสำเร็จ ดวงตาของเธอแดงก่ำไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน..

เลทิเซียเห็นทุกอย่าง แต่ลมหายใจเธอก็เริ่มแผ่วเบาขึ้นทุกที ฝูงหมาป่าก็ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ … บีบบังคับให้ทสึรุต้องถอยหลังไปติดขอบผา

“ฉันน่ะ… ฉันน่ะพยายามจะฆ่าเธอนะ…”

ในตอนนั้นเองเลทิเซียก็พูดขึ้น อาจจะเป็นเพราะสติของเธอเริ่มเลือนรางแล้ว.. นี่คือสิ่งที่เธอไม่ได้คิดจะพูด

แต่ทว่าสติที่เริ่มจะเลือนราง บางทีคงเหลือเวลาอีกไม่นานที่เลทิเซียจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ ทำให้เธอพูดสิ่งที่คิดออกมา… เมฆบนฟ้าเริ่มที่จะเคลื่อนที่ออก

จนเผยให้เห็นแสงจันทร์ทำให้มีแสงสว่างคืนมาบ้าง.. เลทิเซียน่ะไม่เข้าใจแม้จะรักแต่ก็ถูกเลทิเซียพยายามฆ่าขนาดนั้นน่ะ…

ทสึรุที่ได้ยินเธอก็สะดุ้ง หันกลับมาเห็นสภาพของเลทิเซีย.. ที่นอนหายใจรวยรินสีหน้าของทสึรุเปลี่ยนสีหากเลทิเซียหลับละก็…

เธอคงต้องตายแน่ๆ ทสึรุรีบตอบกลับไปทันที

“เลทิเซียอย่าหลับนะ… ข้าน่ะ.. ต่อให้ข้าไม่ได้รักเจ้าข้าก็ทำแบบนี้อยู่ดี.. ก็เพราะว่า… พวกเราน่ะ…. เป็นเพื่อนกันแล้วนี่น่า!! เพราะงั้นอย่าหลับนะ! ข้าขอร้องล่ะ!”

………

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน