การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 91

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 91 – เลือดฉัน เลือดเธอ…

“เพื่อน….”

เมื่อปากของเลทิเซียพึมพำคำนี้ออกมาไม่รู้ว่าเป็นนิมิตรก่อนตายหรือยังไง มันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วอก

ความทรมานที่เธอได้ลืมหายไปหวนกลับมา แต่ขณะเดียวกันร่างกายก็ไร้สิ้นเรี่ยวแรง คอตกลงไปด้านข้างที่มีเลือดของตัวเองอยู่เป็นบ่อ

แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงมาจนทำให้เกิดเงาสะท้อนแม้จะยังคลมีความมืดมิดของรัตติกาล แต่ก็สะท้อนใบหน้าของเลทิเซีย….. ทำให้ภาพที่สะท้อนออกมานั้นเป็นภาพใบหน้าตัวเองครึ่งซีก

“เพื่อน…”

เลทิเซียพึมพำจิตใจของเธอรู้สึกปวดร้าว อาจจะเป็นเพราะเธอที่ใกล้ตายทำให้ความทรงจำของเธอชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้นเป็นพิเศษ

หรือเป็นเพราะอะไรก็แล้วแต่ ภาพสะท้อนนั้นสะท้อนเป็นความทรงจำอย่างหนึ่งก่อนที่ภาพความทรงจำที่สูญหายไปจะหวนกลับมา

เลทิเซีย… ไม่สิ.. เรนยืนอยู่ในห้องเรียนเขาอายุประมาณประถมชั้นที่ห้าเท่านั้น ที่หลังมีกระเป๋าหนึ่งใบในมือถือผ้าสีขาวเช็ดโต๊ะที่มีรอยเปื้อนอยู่

แม้ร่างกายของเขาจะใหญ่แต่เขาก็ทำความสะอาดโต๊ะที่มีคำด่าเขียนอยู่ในห้องเรียนคนเดียว..

ดวงอาทิตย์ใกล้ที่จะลาขอบฟ้าแล้ว แต่เขายังพยายามเช็ดต่อไป.. ก่อนที่จะหยุดมือลง… น้ำตาหยดลงบนโต๊ะ

“ทำไม… ฉันทำอะไรผิด.. ทำไม..”

น้ำตาของเขาไหลลงบนเก้าอี้ ประตูห้องเรียนถูกล็อกด้วยระบบที่ทันสมัยและเขาถูกขังไว้ในห้องเรียนคนเดียว ได้ยินแค่เสียงร้องไห้ของตัวเอง

แต่ในตอนนั้นเอง… ประตูก็เปิดออกช้าๆ … สายตาของเรนหันไปทันทีตอนนั้นก็มีเด็กผู้อายุน้อยกว่าเขาหรือพอๆ กับเขายืนอยู่

“เอ๊ะ นายมายืนร้องไห้อะไรอยู่ในนี้เนี่ย? ว่าแต่ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ? นายนี่ขี้แยชะมัดเลยให้ตายสิ อะนี่ ผ้าเช็ดหน้า!”

ก่อนที่ภาพจะตัดไปจัดมาในหัวของเลทิเซีย เป็นภาพของเธอคนนั้นแม้เลทิเซียจะยังคงจำใบหน้าหรือเสียงไม่ได้

แต่ตั้งแต่นั้นพวกเธอก็อยู่ด้วยกัน.. จะว่าไปไม่รู้ว่ากี่สัปดาห์นะที่เธอพูดกับเลทิเซียว่า

“พวกเราเป็นเพื่อนกันนะ! มีอะไรต้องปรึกษากันสิ!”

เธอคนนั้นสอนคำว่าเพื่อนให้เลทิเซียในตอนที่ยังเป็นเรน.. ใช่แล้วเลทิเซียได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสถึงมาก่อน

เป็นความรู้สึกอบอุ่นของเพื่อนนั่นเอง… เลทิเซียรู้ว่าในชีวิตนี้ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าครอบครัว นั่นคือสิ่งที่เธอเชื่อมาตลอด

แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เธอปรึกษาเรื่องครอบครัวกับเพื่อน ปรึกษาทุกอย่างราวกับมีสายสัมพันธ์ที่ผูกมัดกัน…..

“นี่เธอได้ยินไหมว่า คนที่ชื่อเรนและดูน่ากลัวๆ นั่นน่ะ มีความสัมพันธ์ต้องห้ามกับสาวตัวเองล่ะ”

“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกันนะ.. ไม่แค่นั้นเขายังมีกับน้องสาวตัวเองด้วย.. น่ากลัวนะตำรวจมัวทำอะไรอยู่ ฉันพนันได้เลยว่าเขาต้องใช้กำลังกับพี่และน้องสาวแน่ๆ”

“…..”

เลทิเซียที่เป็นเรนยืนอยู่.. แล้วมันตั้งแต่เมื่อไหร่ดันนะที่เสียงซุบซิบนินทาแบบนี้ดังขึ้นมา ตั้งแต่ก่อนหน้า?

ไม่.. ไม่ใช่.. มันเป็นตั้งแต่ตอนนั้น เลทิเซียรู้ดีแต่เลทิเซียก็พยายามเชื่อ.. เหมือนกับที่เชื่อในตัวพี่และน้องสาวเธอวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า

“อ่าว มาแล้วเหรอ…”

“ฉันมีเรื่องจะปรึกษา…”

“อ๋อ.. เรื่องที่เธอถูกนินทานั่นน่ะเหรอ?”

“….เธอรู้ได้ยังไง…”

เลทิเซียที่อยู่ในร่างเรนตอนแรกพูดแบบก้มหน้า เพราะไม่กล้าที่จะไม่เชื่อใจเพื่อนที่สำคัญ..

แต่พอคำพูดหนึ่งหลุดออกมาจากปากของเธอคนนั้น.. ทำให้เลทิเซียหันขึ้นมามองอย่างช่วยไม่ได้.. ในตอนนั้นเธอก็มองเห็ยรอยยิ้ม

รอยยิ้มของเธอคนนั้นที่เลทิเซียไม่เคยเห็นมาก่อน… เป็นรอยยิ้มที่อกของเลทิเซียแทบฉีกขาด

“อืม… ก็ฉันเป็นคนบอกคนอื่นไงล่ะ อ๊าาา พอดีกว่า.. เพื่อนรักนะ..บ้างล่ะ พวกเราเพื่อนสนิทกัน…บ้างล่ะ ดูชวนอ้วกสุดๆ เชื่อไปได้ไงไม่รู้นะ นายนี่มันไร้เดียงสาได้ที่เลยจริงๆ”

“…”

“ฉันจะบอกให้ว่าฉันเกลียดคนโง่แบบนายมาก เบื่อที่จะเล่นเป็นเพื่อนกับนายล่ะ… ใจอ่อน โลเล ขี้ขลาด คนแบบนายน่ะ สมควรอยู่คนเดียวมาตั้งแต่แรกแล้ว! ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้หรอก เฮอะ”

พนันได้เลยว่าสีหน้าของเลทิเซียในยามนี้ทรมานขนาดไหนเสียงกรีดร้องดังออกจากปากของเลทิเซียที่อยู่ในร่างเรน

“ร้องน่ารำคาญจริงๆ ก็—”

เลทิเซียฟังไม่จบเพราะเธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างพังทลาย.. แต่ในตอนนั้นเองมือของเธอคนนั้นก็จับเขาที่หัว

“จำไว้ซะว่า.. คนแบบนายมันไม่มีใครอยากยุ่งด้วยหรอก… และฉันก็รู้สึกขยะแขยงเต็มทีเหมือนกัน”

รู้สึกตัวอีกทีดวงตาของเธอก็เปิดขึ้นเห็นท้องฟ้าและตึกเรียน เธอกำลังร่วงจากดาดฟ้าและ “ตึบ!”

รู้สึกตัวอีกทีเธอก็มาอยู่บนตักของเอลน่า..

“พี่..ฉัน…”

“พี่ขอโทษ.. พี่ขอโทษ.. พี่ผิดเอง.. ทุกอย่างเป็นความผิดของพี่.. อีกกี่ครั้ง.. ต้องอีกกี่ครั้งกัน… พี่ขอโทษ..”

ดวงตาของเธอมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตานั้นทำเอาหัวเลทิเซียรู้สึกเจ็บปวดทรมาน เพื่อน.. เพื่อน! เพื่อน!! เพื่อน!!!!

“ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไรเรื่องร้ายๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลืม.. พี่ขอโทษ.. พี่ขอโทษ..”

“เพื่อน…”

เลทิเซียน้ำตาไหลออกจากดวงตา รอยยิ้มที่เสแสร้งของเธอคนนั้นที่พูดคำว่าเพื่อนออกมา.. สีหน้าห่วงใย

หรือทุกสิ่งทุกอย่างมันกลายเป็นภาพกระจกที่แตกออก!

“อ๊ากกกกกกกก!”

เลทิเซียร้องออกมาในโลกปัจจุบัน ดวงตาของเธอแดงก่ำไปด้วยความสับสนดิ้นบนพื้นทั้งๆ ที่เกือบจะตายอยู่รอมร่อ

แต่ร่างของเธอสั่นไปหมด ใบหน้าเต็มไปด้วยความทรมาน หากจะบอกว่าถ้าจิตใจแตกสลายจนเป็นคนสติไม่สมประกอบก็ไม่แปลกอะไร

“เลทิเซีย!! เลทิเซีย!! ใจเย็นๆ!”

ร่างของทสึรุสั่นสะท้าน หัวใจถูกบีบรัด สภาพของเลทิเซียในตอนนี้หากไม่ใช่คำว่าคนคลั่งสติไม่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่ต่างเท่าไหร่นัก

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะเป็นความจริง หรือเป็นแค่ความฝันเพราะเลทิเซียคิดไปเอง แต่ก็ไม่ผิดแน่ที่นี่จะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เลทิเซียไม่สามารถเชื่อใครได้

แน่นอนว่าทสึรุไม่รู้ว่าเลทิเซียพึ่งฝันถึงเรื่องที่เธอกลัวมากที่สุดมา ทำให้เธอสับสนกับท่าทางของเลทิเซีย

เจ็บปวดไม่ต่างกัน การที่เธอเห็นคนรักเป็นแบบนี้ แต่ในตอนนั้นเอง… “แคร่ก..” พื้นดินพลันแตกร้าว…

สีหน้าของทสึรุเปลี่ยนสีพยายามจะอุ้มเลทิเซียและหลบหนีออกจากตรงนี้ แต่เพราะการต่อต้านสติแตกของเลทิเซียทำให้

หน้าผาที่พวกเธออยู่พังถล่ม เป็นเพราะการปะทะจากการต่อสู้ของทสึรุนั่นแหละ ตอนนี้ทสึรุสามารถหลบหนีได้.. แต่เธอกับกอดเลทิเซียแน่น

“ข้า… ขอโทษ…”

เธอพอเดาว่าเลทิเซียถูกกระตุ้นจนเป็นแบบนี้เพราะคำพูดใดคำพูดหนึ่งของเธอ เธอยังไม่รู้จักอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเลทิเซียแท้ๆ

เธอทำให้เลทิเซียเป็นแบบนี้.. แต่พอคำขอโทษที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและน้ำตาของทสึรุทำเอาร่างกายของเลทิเซียสั่นสะท้าย

ราวกับเป็นคำพูดของเอลน่า… ทั้งคู่ร่วงหล่นลงสู่ก้นทะเล…. เพราะแรงกระแทกสู่ผิวน้ำและเศษหินที่ถล่ม ส่งผลให้ร่างเลทิเซียกับทสึรุแยกจากกัน

“ฉัน..จะตายแล้วสินะ..”

เลทิเซียค่อยจมดิ่งลงใต้ทะเลลึก.. เธอพึมพำออกมาในใจ… แต่ว่าเธอน่ะไม่อยากตาย.. อย่างน้อยก็มีชีวิตอยู่

แต่ว่าเธอจะทำอะไรได้ว่ายน้ำไม่เป็น แขนขาด ขาหัก… เธอช่วยตัวเองไม่ได้ .. สายตาของเธอเงยมองไปยังผิวน้ำที่มีแสงจันทร์สลัวๆ สาดลงมา

แต่ในตอนนั้นเองเงาสีดำก็ลอยแหวกว่ายดำน้ำลงมากอดเลทิเซียไว้อีกครั้ง… แต่เลทิเซียก็ดิ้นรน.. เธอเชื่อใจไม่ได้หรอก..

ดวงตาของทสึรุแดงและรู้สึกโกรธเลทิเซีย.. เธอนึกสิ่งหนึ่งออกมาได้ก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดไหลออกมา

จับใบหน้าของเลทิเซียและประกบริมฝีปากใส่ปากเลทิเซีย ใต้ท้องทะเลยามราตรีมีแค่ความเงียบงันสงบ…

ปากของพวกเธอสัมผัสกันเลือดจากปากของทสึรุไหลเข้าไปในปากของเลทิเซีย.. ในขณะที่ทสึรุก็กัดลิ้นเลทิเซียจนเลทิเซียสติกระจ่างชัดขึ้น

และทสึรุก็ดูดเอาเลือดของเลทิเซียจากลิ้นของเธอเข้าสู่ท้องตัวเอง พอถอนริมฝีปากออกมาในท้องทะเลอันเงียบสงบ ไม่มีอากาศ

แต่ปากของทสึรุเปิดออกไม่สนว่าน้ำจะเข้าไปในปากหรือท้องตัวเองหรือไม่ เธอตะโกนออกมาเสียงดังลั่นอยู่ข้างหูเลทิเซีย

“แค่นี้ เลทิเซียก็มีเลือดข้าอยู่ในตัว และข้าก็มีเลือดเลทิเซียอยู่ในตัว… พวกเราน่ะมีสายสัมพันธ์กันแล้ว!”

ดวงตาของเลทิเซียเบิกกว้าง… น้ำตาไหลออกมาจากดวงตา… ไม่รู้ว่าเธอต้องการให้เธอคนนั้นทำแบบนี้ขนาดไหน…

มือของเลทิเซียยกขึ้นและกอดทสึรุกลับ… ราวกับว่าเธอถวินหาสิ่งนี้.. เธอถวินหาทสึรุมานานแสนนาน น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาไม่หยุด

และ… ร่วงหล่นไปจนถึงน้ำวนสีดำใต้ทะเลลึก.. ร่างของทั้งสองหายวับไปจากนั้นทันที.. ก่อนที่จะน้ำวนสีดำจะค่อยๆ สลายหายไป

……..

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท