การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 95

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 95 – เวทมนตร์

“ทำบ้าอะไรของเจ้าเนี่ย เสียเวลาเลยเห็นไหม”

ข้าบ่นออกไปพลางใส่กระดุมเสื้อ (?) แอนนี่ไม่ได้ฟังข้าเลยสักนิด ให้ตายสิ.. กลับมาที่ปัจจุบันที่ที่จะพาพวกเราไปยังมิติพิเศษคือ

ทะเลสาบดาวตกแห่งนี้ ซึ่งมิติจะเปิดออกทุกๆ คืนพระจันทร์เต็มดวงตอนเวลาที่ดวงจันทร์แขวนอยู่กลางฟากฟ้าพอดี

มิติจะปรากฏขึ้นใต้ทะเลสาบแห่งนี้ในที่ไหนสักแห่ง ซึ่งต้องใช้เวลาค้นหาอีกดังนั้นหากช้าไปประตูมิตินั้นก็ปิดอีก

แล้วทะเลสาบไม่ใช่เล็กๆ ซะด้วยนะ เรื่องนี้ทำเอาข้ารู้สึกหงุดหงิดจึงฟาดหัวแอนนี่ไปทีหนึ่ง

“เจ้ามันไม่รู้จักเวล่ำเวลา! โดนแบบนี้สมควรอยู่แล้ว!”

“ข้าผิดเองๆ แต่ก็ยังโชคดีนะ”

เหมือนแอนนี่จะยอมรับผิด เธอเช็ดริมฝีปากที่มีคราบอะไรไม่รู้ติดอยู่ ข้าอดที่จะรู้สึกเขินอายไม่ได้

แต่ที่แอนนี่บอกว่าโชคดีคือ.. ตอนนี้ข้ากับเธอมองเห็นน้ำวนที่อยู่ใกล้ๆ บางทีอาจจะเป็นประตูมิติแน่ๆ

ใช่ ดูเหมือนมันจะบังเอิญมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้พอดี.. หากถามว่าถ้ามันปรากฏง่ายขนาดนี้แล้วจะไม่มีคนเข้าไปเอาก่อนเหรอ

แน่นอนว่าความลึกลับของทะเลสาบดาวตกนี้ดึงดูดคนจากโลกนี้อยู่พอสมควร แต่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าที่นี่คือต้นกำเนิดที่ทำให้มิตินี้ดำรงอยู่เลย

ข้าไม่รู้ว่าคนจากโรงเรียนเอเรียสไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน.. แต่คนจากโรงเรียนเอเรียสเหมือนจะมีคนเข้ามาโลกชิ้นส่วนหลายร้อยคนเลยล่ะ

ขนาดโรงเรียนไลเบอร์ของข้ารวมข้ากับแอนนี่แล้วยังไม่เกินห้าสิบคนเลย แถมยังมีอาจารย์คนหนึ่งตามมาด้วย

ข้าเลยได้ข้อสรุปว่าพวกเขารู้เรื่องอาวุธชิ้นนี้มาก่อนและเป้าหมายที่มายังที่นี่คงจะเป็นเพราะอาวุธชิ้นนั้นแน่ๆ

“ไปกันเถอะแอนนี่”

“อืม”

เธอพยักหน้า ข้าจึงสร้างม่านพลังด้วยอาร์ติแฟ็คก่อนจะโดดลงไปในน้ำ อันที่จริงข้าสามารถใช้เวทมนตร์ได้นะ

ดังนั้นจึงสามารถกระตุ้นใช้งานอาร์ติแฟ็คได้ไงล่ะ แม้อุปกรณ์เวทมนตร์จะใช้งานได้โดยไม่ต้องกระตุ้นด้วยเวทมนตร์ แต่สำหรับอาร์ติแฟ็คบางชนิดนั้น

มันต้องใช้เวทมนตร์ในการกระตุ้น และอาร์ติแฟ็คชิ้นนี้เช่นกัน อาร์ติแฟ็คแบ่งออกเป็นหลายระดับมาก อาร์ติแฟ็คที่ไม่จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ในการกระตุ้นถือเป็นของระดับต้นๆ

หายากมากแม้แต่ในโลกใบนี้… ในโลกนี้จากที่ฟังต่อกันมาในตระกูลข้า โลกนี้ไม่ได้ปิดผนึกพลังเวทมนตร์แต่อย่างใด

แต่กฎเกณฑ์นั้นมันไม่สอดคล้องกับโลกด้านนอก ว่าง่ายๆ คือถึงแท้เราจะมีพลังเวทมนตร์ แต่ถ้าใช้ออกไม่ถูกวิธีมันก็ไม่ทำงานนั่นแหละ

เหมือนเทน้ำเติมใส่แก้ว คำถาม.. ถ้าหากข้าเอาก้นขวดเทน้ำใส่แก้ว ไม่มีทางที่น้ำจะไหลออกมาจากก้นขวด … ถ้าไม่เจาะรูน่ะนะ

ใช่ เวทมนตร์มนุษย์ในโลกด้านนอกมันไม่สอดคล้องกับโลกนี้ แถมการใช้เวทมนตร์ในโลกนี้ไม่ได้อาศัยแค่ ‘องค์ความรู้’ แต่อาศัย ‘ปริมาณ’ ด้วย

ว่าง่ายๆ คือ ต้องเอาเผ่าปีศาจกับเผ่ามนุษย์มาผสมกันเป็นอย่างเดียว จะได้มีทั้งความรู้และปริมาณพลังเวทที่พอจะร่ายใช้ได้

ยุ่งยากใช่ไหมล่ะ.. ส่วนเรื่องเวทมนตร์ในโลกนี้ข้าก็ไม่สันทัดเท่าไหร่หรอก แต่ข้าใช้ไม่ได้แน่นอนเพราะพลังเวทมนตร์น้อยเกินไป

เวทมนตร์ในโลกนี้หรือถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ เวทมนตร์คืออนุภาคหรือมวลขนาดเล็กเหมือนกับสสารชนิดหนึ่งที่แพร่อยู่ในทุกๆ สรรพสิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นอากาศ พื้นดิน ต้นไม้ น้ำ วัตถุ.. ทุกสิ่งทุกอย่างมีเวทมนตร์ประกอบอยู่ในองค์ประกอบวัตถุด้วย

ในโลกด้านนอกของข้านั้น วัตถุที่มีพลังเวทมนตร์อยู่ด้านในจะถูกนับว่าเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ แค่กิ่งไม้กิ่งหนึ่งก็สามารถฟันดาบได้

แต่โลกนี้ทั้งใบ แค่ใบไม้ใบเดียวก็มีพลังเวทมนตร์ไหลเวียนอยู่.. และนั่นเป็นต้นกำเนิดของอาร์ติแฟ็คได้เมื่อเขียนอักษรรูนไปควบคุมและปรับเปลี่ยนพลังเวทมนตร์

ว่าง่ายๆ คือใช้รูนควบคุมเวทมนตร์ภายในวัตถุทำให้เกิดอาร์ติแฟ็คนั่นแหละ เพียงแต่ว่า…รูนนั้นคือสิ่งที่แม้แต่นักวิทยาเวทระดับโลกยังแก้ไขไม่ได้เลยนะ!

ดังนั้นการสร้างอาร์ติแฟ็คแทบเป็นไปไม่ได้ อีกอย่างถ้าจะหอบเอาใบไม้กลับโลกเดิมไป คุณสมบัติเวทมนตร์ภายในจะหายไปกลายเป็นใบไม้ธรรมดา

ที่ทำได้โดยไม่มีปัญหาก็มีแค่อาร์ติแฟ็คนั่นแหละ ดังนั้นพวกใบไม้ที่คุณค่าหาใดเปรียบไม่ได้พวกนี้ก็กลายเป็นของไร้ค่าไป

แต่ข้าเคยได้ยินว่ามีคนคนหนึ่งจากลัทธิหนังสือกล่าวไว้ว่า ของพวกนี้มันแค่ของไร้ประโยชน์แถมเจ้าตัวยังเขียนรูนขึ้นมาสองตัวแบบสบายๆ

ทั้งๆ ที่พึ่งรู้จักกับอาร์ติแฟ็ค.. เป็นคนในโลกชิ้นส่วนนี่น่ะนะ แต่สำหรับข้าคิดว่านั่นคงเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ การคิดอักษรรูนขนาดใช้เวลาครึ่งชีวิตยังถือว่าเกินความจริง

แต่ก็นะบางทีโลกนี้อาจจะอยากให้มีคนสร้างอาร์ติแฟ็คปรากฏขึ้นมาอีก เลยสร้างนิทานปรัมปราให้เป็นแรงบันดาลใจนั่นแหละ (?)

เอาเถอะช่างเรื่องเวทมนตร์ไปก่อนเพราะตอนนี้ข้ากับแอนนี่มีแสงโอบล้อมรอบกายเป็นก้อนวงกลมแสงและค่อยๆ ดิ่งลงใต้น้ำ

“เป็นไงล่ะอาร์ติแฟ็คข้าได้รับมาจากท่านแม่!”

ข้าอดที่จะถูจมูกพูดไม่ได้ นอกจากจะป้องกันน้ำและช่วยการมองเห็นใต้น้ำแล้วยังช่วยให้ดำน้ำได้เองเพียงแค่ใช้ความคิด

ข้าคิดแบบนั้นก็เชิดอกของตัวเองขึ้นอย่างภาคภูมิใจ แอนนี่ก็พูดอย่างขอไปทีใส่ช้า มันทำให้ข้าไม่พอใจเล็กน้อย เธอพูดว่า..

“จ้าๆ ดีมากเลยจ้า สะดวกสบายมากเลยจ้า”

“แอนนี่ เจ้านี่เป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักไหลตามน้ำเอาซะเลย เพราะแบบนี้ไงถึงได้ไม่มีหนุ่มมาแล”

“แล้วมันเกี่ยวกันไหมล่ะยะ!”

ข้าหงุดหงิดเลยกวนส้นเท้าแอนนี่กลับจนทำให้เจ้าตัวรู้สึกโกรธขึ้นมาได้บ้าง ก็ทำให้ข้าอารมณ์ดีขึ้นมาทันที

ไม่นานพวกเราก็มาถึงก้อนพลังงานสีดำใต้ทะเลลึก มองดูเผินๆ ราวกับหลุมดำขนาดย่อม แต่ทว่าแรงดูดไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น

ไม่นานพวกเราก็ถูกดูดเข้าไปในหลุมดำนั้น ทุกอย่างพร่าเลือนมุมมองสายตามืดสลัวลงราวกับแสงสว่างบนโลกได้หายไป

ข้ายื่นมือไปจับมือกับแอนนี่เพราะกลัวว่าจะพลัดหลงกันระหว่างข้ามมิติ พอรู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนมีแรงผลักบางอย่าง

ความมืดสลายหายไปจนหมดสิ้น ที่ปรากฏตรงหน้าคือใต้ทะเลลึกและแรงดันน้ำที่ผลักร่างของข้ากับแอนนี่จนลอยขึ้นไปข้างบน

และข้ากับแอนนี่ก็เผลอพริบตาเดียวก็มาลอยอยู่กลางทะเลสีฟ้า และห่างไกลออกไปไม่กี่เมตรมีเกาะแห่งหนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว

ในขณะเดียวกันท้องฟ้าก็เหมือนจะมืดครึ้มมาก่อนหน้าแล้ว ข้าเก็บอาร์ติแฟ็คทันที แอนนี่เองก็สังเกตเห็นเธอเลยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“คงเป็นที่นั่นใช่ไหม?”

“ข้าก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น”

ข้าตอบออกไปแบบนั้น ก่อนจะหันไปหาแอนนี่แล้วเธอก็หันกลับมาหาข้าพอดี ก่อนที่ข้าจะพูดออกไป

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”

“อืม!”

ข้าไม่รู้ว่าที่นี่มีอันตรายแบบไหนอยู่ ยังไงก็ตามแต่… เมื่อมาถึงที่นี่แล้วจะให้กลับไปมือเปล่าก็คงไม่ได้!

อีกอย่างนะ จากที่ข้าฟังมามิติแห่งนี้คือมิติรกร้างที่ถูกเรียกว่าเป็นมิติที่ไร้จุดาสิ้นสุด.. ข้าหมายถึงว่ามันไม่มีจุดสิ้นสุดเลยอ่ะ

อีกทั้งเป็นมิติที่ตัดขาดจากโลกโดยแท้จริง นั่นหมายความว่าที่นี่ไม่เชิงเป็นโลกในชิ้นส่วน เพราะเป็นโลกที่ตัดขาดจากทั้งโลกนอกชิ้นส่วนและในชิ้นส่วน

แม้จะมีกฎเกณฑ์เดียวกับโลกในชิ้นส่วน แต่ก็ไม่ได้อยู่ส่วนไหนของโลก นั่นหมายความว่าแม้แต่อาร์ติแฟ็คเคลื่อนย้ายของข้าก็ใช้ไม่ได้

มีเพียงสามทางที่จะออกจากโลกนี้ได้ หนึ่งคือการออกไปทางเดิม… แต่การจะออกไปทางเดิมนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เพราะทางที่เราเข้ามาคือประตูที่ดูดเข้ามา

หมายความว่าการจะกลับออกไปต้องทวนกระแสของการดูดนั่นแหละ ซึ่งสำหรับข้า ข้าเองก็ไม่มั่นใจว่าสามารถทวนกระแสแรงดึงดูดได้หรือไม่

และวิธีที่สองคือควบคุมสิ่งที่ทำให้เกิดมิตินี้จนเราออกไป และนี่คือเป้าหมายของข้า … ส่วนวิธีสุดท้ายคือการ..

ทำลายโลกที่ไร้จุดสิ้นสุดนี้!

ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้

……

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท