การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 99

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 99 – โรงเรียนเอเรียส

บรรยากาศภายในบ้านไม้หลังเล็กๆ กลับมาหนักอึ้งอีกครั้ง แม้ทสึรุจะไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะว่าเลทิเซียไม่ได้ตายจริงๆ นี่น่า

มีอะไรให้เธอคิดมากกันล่ะ? แต่ว่าเซเลียกับแอนนี่ไม่ใช่แบบนั้น เพราะพอเจอพูดมาแบบนั้นต่อให้เซเลียที่ดูท่าทางจะฉลาด

แถมยังมองขาดทุกสถานการณ์ พอมาเจอสถานการณ์แบบนี้เธอก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

มีเพียงเสียงพายุฝนฟ้าที่ดังจากนอกบ้าน ทำให้บ้านไม้โยกคลอน แต่ก็ไม่มีลมหรือฝนสาดเข้ามา

เรียกได้ว่าไม่ควรประมาทฝีมือการสร้างบ้านของทสึรุเลยแม้แต่น้อย แต่ก็เพราะเป็นแบบนี้แอนนี่กับเซเลียได้แต่มองหน้ากันด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ส่วนทางฝั่งทสึรุนั้น เธอก็ไม่ถนัดเรื่องคุยกับคนอื่นเมื่อไม่มีคนเปิดหัวข้อสนทนาเธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกัน

แต่ตอนนั้นเองทสึรุเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก็เปิดปากเล่าเรื่องขึ้นมา แม้พวกเซเลียกับแอนนี่จะตกใจ แต่ก็เห็นหน้าทสึรุที่จ้องไปยังเด็กผู้หญิงที่ชื่อเลทิเซียแล้วเล่า

“เธอกำลังเล่า…ให้..อึก”

แม้แต่แอนนี่ยังต้องกลืนน้ำลาย ต่อให้ทสึรุเข้าใจว่าเลทิเซียหลับก็ไม่น่าจะเล่าให้คนหลับฟังนี่น่า

เซเลียก็ไม่ต่างกัน แต่ทสึรุไม่สนใจเลยแม้แต่นิด เธอเล่านิทานให้เลทิเซียฟังราวกับเล่าให้คนคนหนึ่งกำลังนั่งฟังเธออยู่จริงๆ

อันที่จริงทสึรุก็เล่าแบบนี้ทุกวันตั้งแต่พาเลทิเซียมานอนในบ้านไม้หลังนี้ เหมือนกับว่าถ้าเธอไม่เล่า เธอจะนอนไม่หลับยังไงยังงั้น

ส่วนเรื่องที่เล่าก็มีแค่เรื่องเดียว คือเรื่องภูตแห่งความรักนั่นแหละ เธอเล่าแต่เรื่องเดิมๆ ก็เธอไม่เคยฟังนิทานก่อนนอนมาก่อนนี่

ทสึรุไม่มีพ่อแม่ให้กล่อมนอนหรือเล่านิทานจนตัวเองหลับ ไม่แปลกที่เธอจะไม่ค่อยรู้เรื่องนิทาน อันที่จริงการที่เธอจำนิทานเรื่องนี้ได้ก็น่าตะลึงมากแล้ว

ดังนั้นจะว่าทสึรุก็ไม่ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับเซเลียและแอนนี่เหมือนจะพึ่งเคยฟัง พวกเธอจึงตั้งใจฟังมาก

แอนนี่ไม่เท่าไหร่ แต่เซเลียยิ่งฟังยิ่งขมวดคิ้วก่อนจะเปลี่ยนเป็นแปลกใจ รวมไปถึงตกตะลึงกับนิทานเรื่องนี้..

…….

ในขณะเดียวกัน ด้านนอกมิติพิเศษจำเพาะภายในชิ้นส่วนเวหา ณ ทะเลสาบหลุมอุกกาบาตนั้นใกล้ๆ มีชายทะเล

แม้ไม่ได้เป็นชายหาดแต่ก็ไม่ได้เป็นหน้าผา เพราะรอบๆ นี้มีแต่หินขรุขระไม่เป็นระเบียบ แน่นอนว่าที่นี่ไม่ใช่ทิศทางเดียวกับที่ทสึรุและเลทิเซียเคยอยู่

แถวนี้ถัดจากชายทะเลก็มีป่า แต่ป่าแถวนี้เป็นป่าร่มสบาย ไม่มีหญ้ารกหูรกตา แต่เต็มไปด้วยร่มธรรมชาติ และดูเหมือนตอนนี้จะเป็นตอนกลางวัน

ต้องทราบไว้ก่อนว่าโลกในชิ้นส่วนเวหานี้ ไม่ได้มีเวลาเป็นของตัวเอง แต่ก็เห็นชัดเจนว่าไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับโลกด้านนอก

บางทีโลกนี้ผ่านไปสิบปีโลกด้านนอกอาจจะผ่านไปหมื่นปี หรือบางทีโลกนี้เวลาอาจจะไหลผ่านไปหมื่นปี แต่โงกด้านนอกแค่ผ่านไปเพียงปีเดียว

ใช่แล้ว คำตอบคือเวลาในโลกนี้มันไม่ตายตัว บ้างก็ช้าบ้างก็เร็ว และเรื่องเหล่านี้ไม่มีใครสังเกตเห็นหรือทราบ

หากให้เปรียบเทียบมันคงเหมือนกับโลกนี้เป็นเกมเกมหนึ่ง และผู้คนทั้งโลกคือตัวละคร บางทีอาจจะถูกกดเร่งเวลาหรือยืดเวลา

เรื่องเหล่านี้ไม่มีใครทราบ อีกทั้งโลกนี้ก็ดำรงอยู่เพราะอาร์ติแฟ็คบางอย่างเท่านั้น ทั้งอาร์ติแฟ็คนั้นยังไม่ใช่อาร์ติแฟ็คประเภทสร้างโลก

และแค่การที่มันทำให้พื้นที่จากโบราณกาลดำรงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ก็น่าจะสุดยอดแล้ว แต่มันไม่เพียงเอาแค่พื้นที่แต่เวลามันยังฉุดดึงให้ดำรงอยู่มาได้มาจนถึงตอนนี้

นั่นก็ทำให้มันเรียกได้ว่าค้ำฟ้ามากแล้ว หากโลกแห่งนี้พังทลายลงหรือสูญหายไปตอนไหนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก

ดังนั้นเรื่องของเวลาในโลกนี้ไม่เสถียรนั้นจึงไม่แปลก อย่างไรซะพื้นที่และเวลาในโลกนี้ก็ล้วนไม่มีต้นกำเนิดแล้ว

และแน่นอนว่าต่อให้เป็นเซเลียและแอนนี่เองก็ไม่ทราบถึงเรื่องนี้!

ดังนั้น ณ โลกภายในชิ้นส่วนเวหานี้อาจจะมีเวลาผ่านไปเป็นเดือนถึงสองเดือน แต่เวลาภายในมิติจำเพาะนั่นอาจจะผ่านไปแค่สัปดาห์เดียวหรือหนึ่งวันเท่านั้น

เรียกได้ว่าในโลกนี้นั้นทุกอย่างไร้ความแน่นอน!

และตอนนี้ในโลกภายในชิ้นส่วนเวหาผ่านไปเป็นเดือนแล้ว ตั้งแต่แอนนี่กับเซเลียเข้าไปในมิติจำเพาะแม้ในนั้นจะผ่านไปยังไม่กี่ชั่วโมง

และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเลทิเซียกับทสึรุเข้าไปในมิติจำเพาะเพียงสองสัปดาห์ แต่มิติพิเศษในโลกนี้กลับเปิดขึ้นมาอีก

ทั้งๆ ที่ควรจะเปิดขึ้นทุกๆ เดือน ในคืนพระจันทร์เต็มดวงและลอยอยู่กลางอากาศที่สิบสองนาฬิกาพอดิบพอดี เพราะโลกนี้ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน

แต่ตอนนี้เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงกลับผ่านไปแล้วถึงหนึ่งเดือน และแน่นอนนี่ก็เรื่องปกติ อันที่จริงบางทีในโลกนั้นอาจจะผ่านไปเป็นพันปีถึงจะครบเดือนในโลกนี้

ไม่รู้ว่าครั้งนี้โชคดีหรือโชคร้ายเวลาในมิติจำเพาะนั่นถึงหดสั้นขนาดนี้…

และในป่ารอบๆ ทะเลสาบมีกลุ่มคนนับร้อยที่กำลังพักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ อันที่จริงกลุ่มคนนับร้อยนี้ดูเหมือนจะเป็นเด็กที่อายุแค่สิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น

แถมสวมชุดของนักเรียนจากโรงเรียนไหนสักแห่ง หากเซเลียหรือใครก็ได้ที่อยู่ในมิติจำเพาะตอนนี้มาเห็นคงรู้ทันทีว่า.. นี่คือชุดประจำตัวของนักเรียนโรงเรียนเอเรียส

และเด็กๆ เหล่านี้ อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็ล้วนเพราะเป็นนักเรียนใหม่เกือบทั้งสิ้น ส่วนคนที่ยืนมองอยู่หน้าทะเลสาบเหมือนจะไม่ใช่เด็ก

แต่เป็นผู้ชายที่มีอายุ แต่ก็ยังหล่อเหลาเรียกได้ว่าสาวๆ เห็นก็คงกรีดทันที.. ในตอนนั้นเองก็มีชายอายุพอๆ กันเดินเข้ามา

“รองผู้อำนวยการ.. ทำเรื่องแบบนี้โดยไม่ทันได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการแบบนี้.. มันจะดีจริงๆ เหรอ…?”

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก อาจารย์ไนท์.. ถ้าหากเราได้สิ่งนั้นมาเธอต้องว่าอะไรเราไม่ได้แน่ๆ”

“แต่ว่า…”

“พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องพายให้ถึงฝั่ง! ผู้อำนวยการเธอยังเด็กเกินไป! เดิมทีของสิ่งนั้นก็ควรมาอยู่ที่โรงเรียนเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!”

คนที่ถูกเรียกอาจารย์ไนท์คนนี้คือศาสตราจารย์ด้านอุปกรณ์เวทมนตร์ เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์เวทมนตร์รวมถึงพยายามวิเคราะห์และหาวิธีสร้างอาร์ติแฟ็ค

และของที่สร้างโลกได้โดยไม่ได้ตั้งใจแบบอาร์ติแฟ็คชิ้นที่พวกเขาหมายตานั้น.. น่าจะเป็นจุดพลิกผันของเขาเลย!

พอได้ยินคำพูดของคนผู้เป็นรองผู้อำนวยการเหมือนเขาจะหายใจคล่องขึ้นมานิดหน่อย.. รองผู้อำนวยการสังเกตเห็นอาการกลัวของศาสตราจารย์ไนท์

ก่อนที่เขาจะหันสายตาไปมองพวกนักเรียน

“โชคไม่ดีที่พวกเราพามาได้แค่นักเรียนใหม่..”

เขาถอนหายใจออกมา ต้องรู้ก่อนว่าแม้จะเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนเอเรียสเขาก็ไม่สามารถกักตัวนักเรียนได้

เขาจึงได้แต่ใช้ข้ออ้างให้ผู้อำนวยการว่าจะสอนพิเศษสำหรับนักเรียนใหม่ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าหากเข้าไปในโลกชิ้นส่วนอาจจะบาดเจ็บสาหัสเอาได้

เพราะยังไงซะก็ดูแลนักเรียนหลายร้อยคนไม่ได้ตลอดเวลา ใช่.. รองผู้อำนวยการคนนี้รู้แต่แรกด้วยเหตุผลบางอย่างว่า

ชิ้นส่วนเวหาจะปรากฏก่อนกำหนดนั่นเอง.. และเมื่อเข้ามาในโลกนี้ชะตากรรมโรงเรียนเอเรียสไม่ได้แย่เหมือนพวกทสึรุ

เพราะยังไงซะพวกเขาก็มีรองผู้อำนวยการนำ.. ก่อนที่เขาจะอธิบายเป้าหมายและทางออกให้กับนักเรียน

ต้องมีใครคนหนึ่งผ่านบททดสอบบางอย่างของอาร์ติแฟ็คโลกแห่งนี้ ถึงจะออกไปได้.. แน่นอนว่าเด็กที่เข้ามาใหม่ยังไม่รู้เรื่องชิ้นส่วนเวหามากนักจึงถูกชักจูง

หากเป็นเด็กปีสองขึ้นคงหลอกไม่ได้.. เรียกได้ว่าเข้าทางรองผู้อำนวยการเลย แต่แน่นอนว่าชีวิตของนักเรียนทุกคนล้ำค่ามาก แต่ละคนล้วนเป็นลูกคนใหญ่คนโต

ถึงจะเป็นรองผู้อำนวยการหากทำเด็กพวกนี้ตาย คงแบกรับไม่ไหว… ดังนั้นรับประกันได้เลยว่าบททดสอบไม่มีทางถึงชีวิตอย่างแน่นอน.. คิดว่านะ…

เมื่อยามราตรีค่อยๆ มาเยือน ดวงตาของรองผู้อำนวยการเปล่งแสงวาววับก่อนจะพูดขึ้น… เวลาเที่ยงคืนก็หวนกลับมาอีกครา

“ทุกคน เตรียมพร้อม!!”

มุ่งหน้าสู่มิติจำเพาะ!

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท