การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 120

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 120 – วิชาดาวไร้ลักษณ์

เงาร่างพร่าเลือนสะบัดดาบหนึ่งครั้งนชั่วพริบตานั้นเอง คลื่นทมิฬสีดำก็ปกคลุมดาวกลายเป็นเหมือนเปลวเพลิงสีดำที่ลุกไหม้บนคมดาบ

โลกที่ปริแตกกำลังจะพังทลายในที่แห่งนี้ ก็เหมือนมีพลังบางอย่างที่สามารถเผาผลาญความมืดมิดทุกส่วนในมิติให้หายไป

ร่างนั้นยกดาบขึ้นช้าๆ ก่อนจะตวัดฟันลงมาด้วยความเร็วสูงเปลวทมิฬพลันขยายยาวอย่างไร้จุดสิ้นสุดตัดลงมาใส่หัวเลทิเซีย

เลทิเซียเป็นคนรอบคอบทันทีที่เธอสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ก็สะบัดมือที่อุ้มทสึรุให้เธอไปอยู่ด้านหลัง..

ถ้าหลบไม่ได้ก็ตอบโต้ไปเลย! เลทิเซียกัดฟันเลียนแบบท่าทางของเงาพร่าเลือนนั่นจินตนาการกระตุ้นถึงเปลวทมิฬและพริบตานั้น

“ตู้มมมม!!!”

เปลวทมิฬมันลุกโชติขึ้นพุ่งทะลวงผ่านท้องฟ้า ปริมาณนั้นมากกว่าของเงาพร่าเลือนนั้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

แต่ทว่าในด้านความแข็งแกร่งอีกฝ่ายกลับเหนือกว่า ส่งผลให้ไม่ว่าพลังเปลวทมิฬจะพวยพุ่งขนาดไหนก็ไร้ซึ่งทางต้าน

แต่ก็อย่างที่ว่าเลทิเซียคือคนที่รอบคอบอย่างถึงที่สุด ชั่วพริบตานั้นเองดวงตาของเลทิเซียก็เปล่งแสง เปลวทมิฬพลันสลับขั้วกะทันหัน

จากเปลวทมิฬเป็นน้ำแข็งสีดำพันธนาการการโจมตีอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว! ตรงข้ามกับเปลวเพลิงคือน้ำแข็ง!

อาศัยจังหวะนี้เลทิเซียพาร่างทสึรุถอยกรูดไปด้านหลังด้วยความเร็วสูง เปลวทมิฬที่ถูกพันธนาการก็กลายเป็นน้ำแข็งทมิฬ

และในชั่วพริบตาต่อมา อีกฝ่ายพลันตวัดดาบออกเป็นแนวขวาง แรงลมมหาศาลพัดกระแทกใส่ภาพประติมากรรมน้ำแข็งทมิฬที่แปลกประหลาดแตกกระจุย

กลายเป็นห่าฝนดาวตกสีนิล! ถล่มใส่เลทิเซียอย่างดุเดือด พูดเหมือนยาวแต่ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

หากพลาดพลั้งในคราเดียวคงถึงแก่ชีวิตไปในทันที.. เลทิเซียเหงื่อแตกถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว

“ฉันต้องใช้เวทมนตร์เท่านั้น หวังพึ่งทักษะที่ไม่รู้จักนี่มันบ้—”

ก่อนที่จะได้คิดจบน้ำแข็งทมิฬก้อนหนึ่งก็พุ่งมากระแทกหน้าของเลทิเซียจนแตกกระจุย ราวกับเป็นแค่เต้าหู้ถูกหินทับ

ทสึรุตกใจต่อภาพตรงหน้า แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ หัวที่พึ่งกระจุยพลันฟื้นคืนกลับมาได้แทบจะในพริบตาเดียว

เลทิเซียยังคงถอยหลังหลบเธอไม่รู้ว่าทักษะมีแบบไหนบ้าง เมื่อกี้พยายามจะใช้เปลวทมิฬให้บีบอัดและระเบิดลง

แต่พบว่าทักษะบีบอัดแบบนั้นดันไม่มี โชคยังดีที่ไหวตัวทันใช้พลังของดาบจูชินเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง ถ้าหากบีบอัดไฟสำเร็จเลทิเซียไม่มีทางตกเป็นรองแน่นอน

เธอจึงไม่สนใจที่จะใช้ในสิ่งที่ไม่รู้อีกต่อไป แต่เธอยังรู้เวทมนตร์ ในขณะที่หลบหลีกน้ำแข็งทมิฬก็คิดในใจ

“บนโลกใบนี้ อนุภาคเวทมนตร์คือสิ่งที่ทำให้เกิดเวทมนตร์ หลักการมันไม่ต่างจากเวทมนตร์แทรกแซงของมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่การแทรกซ้อนแต่เป็นการควบคุม”

“เหมือนกับการใช้เวทมนตร์ปีศาจที่บังคับสร้างขึ้นมาโดยตรง แต่เป้าหมายไม่ใช่สร้างจากความว่างเปล่า แต่สร้างขึ้นจากอนุภาคเวทมนตร์”

“ถ้าเป็นแบบนั้น..”

เลทิเซียปลดปล่อยพลังเวทออกรอบด้าน แต่เห็นได้ชัดว่าเวทมนตร์ของโลกนี้ไม่ตอบสนองเท่าไหร่นัก

“ก็ว่าแล้ว.. งั้นก็”

ดวงตาของทสึรุพลันดำมืดในแทบจะพริบตานั้น ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรืออะไรแต่ในสายตาของทสึรุหลังเลทิเซียมีเงาสีดำมากมายพุ่งออกมา

นี่ไม่ใช่พลังแห่งความมืดหรืออะไรทั้งสิ้น.. แต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น แทบจะพริบตาเดียวที่เลทิเซียระเบิดพลังเวทมนตร์ปีศาจที่ไม่ได้ใช้มานาน

โลกร้อยกิโลเมตรก็แทบจะพังทลายโดยสมบูรณ์ “เปรี้ยง!!!” แต่นี่ไม่ใช่เป้าหมายของเลทิเซีย ในจังหวะเดียวกันเงาพร่าเลือนไม่ทราบนามนั้นก็พลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเลทิเซียราวกับสายฟ้าฟาด

ดาบในมือตวัดลงอย่างแรงจนเกิดแรงลมกรรโชคราวกับเกิดพายุแห่งห้วงมิติที่กำลังแตกสลายขึ้น เลทิเซียสะบัดดาบตอบโต้

“เคร้ง!!!”

กระดูกทั่วร่างเลทิเซียลั่นปริร้าว หน้าของเธอซีดเผือด ร่างปลิวยังดีที่ทสึรุรับไว้เธอตกอกตกใจตะโกนออกมา

“เลทิเซีย!!”

“ฉันไม่เป็นไร… แต่ว่าขนาดนี้แล้วยังไม่พองั้นเหรอ..”

เธอตอบทสึรุบาดแผลทั้งหมดฟื้นคืน เมื่อครู่เธอควบคุมอนุภาคเวทมนตร์เข้าสู่ร่างกายตัวเองเพื่อเสริมพละกำลัง

หากเสริมมากไปจะมีผลเสียต่อกล้ามเนื้อไม่เหมือนเวทมนตร์ในโลกเดิม.. แต่ว่าเมื่อครู่เธอมั่นใจว่าเสริมพละกำลังไปมากพอจะพลิกเกาะได้เลย

และเธอไม่เคยประมาทศัตรูเพราะนั่นคือขีดจำกัดของเธอ แต่ยังสู้อีกฝ่ายด้านพละกำลังไม่ได้เลยสักนิด

ทสึรุกัดริมฝีปาก.. แม้เลทิเซียจะฟื้นฟูได้เพราะอะไรไม่รู้ แต่เธอรู้ว่ามันต้องเจ็บมากแน่ๆ นั่นยิ่งทำให้ทสึรุรู้สึกเกลียดตัวเองที่อ่อนแอ

ในขณะเดียวกันเงาร่างพร่าเลือนไม่ได้ขยับ เงานั้นก้มมองดาบในมือตัวเองก่อนจะหันมองเลทิเซีย..

“ดาบ.. ใช้ผิด”

เสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เลทิเซียตะลึงระคนแปลกใจ จริงอยู่ที่เลทิเซียใช้ดาบจูชินไม่เป็นแต่เลทิเซียคิดว่าเธอเลียนแบบอีกฝ่ายได้ถูกต้องทุกอย่าง

อันที่จริงตามปกติร่างพร่าเลือนนี้คงไม่พูดอะไรในบททดสอบ แต่เป็นเพราะดาบที่เลทิเซียถืออยู่มีบางอย่างเชื่อมต่อกับเงานี้ จะพูดให้ถูกคือ….

เงาพร่าเลือนนี้คือส่วนหนึ่งของดาบจูชินเล่มนี้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในมิติแห่งนี้ เหมือนกับอสูรและบททดสอบต่างๆ นั่นแหละ

หากว่ากันตามความเป็นจริง เลทิเซียในตอนนี้ได้รับการยอมรับจากดาบมาแล้ว ถือว่าเป็นผู้ถือครองไปครึ่งหนึ่งแล้ว

ส่วนอีกครึ่งคือกำจัดเงาพร่าเลือน เพื่อที่จะเอาพลังอีกส่วนของดาบที่ส่งไปสร้างเงานี้นั่นเอง ตามปกติแล้วต้องผ่านบททดสอบที่สามเสียก่อน

แต่ดาบดันทะเล่อทะล่าพุ่งมาหาเลทิเซียเหมือนกับสุนัขเจอเจ้าของอย่างไรอย่างนั้น และคิดว่าผู้ใช้คนก่อนคงไม่ได้คิดถึงความผิดปกตินี้ไว้จนเกิดปัญหาน่าปวดหัวแบบนี้

และในขณะที่เลทิเซียกำลังสงสัยเกี่ยวกับคำพูดของอีกฝ่าย เงาร่างนั่นก็ย่อตัวลงเบามือข้างที่ไม่ได้จับดาบก็กำเป็นวงกลมวางไว้ข้างเอวและ..

ฝักดาบจูชินก็ปรากฏขึ้นและเงาร่างนั้นค่อยๆ เก็บดาบอย่างช้าๆ ทันทีที่ดาบถูกเก็บลงเท่านั้นเอง ทุกอย่างรอบตัวเลทิเซียก็เกิดรอยตัด

รอยตัดนี้มีมากมายนับไม่ถ้วนในกรอบสายตา รอยตัดนี้ราวกับแยกส่วนห้วงมิติความว่างเปล่าโดยตรง ไร้ทางป้องกัน

ปราศจากเวทมนตร์ ปราศจากพลังอะไรทั้งสิ้น.. มีเพียงอย่างเดียวที่สัมผัสได้คือวิถีดาบที่เพียงแค่ใช้สายตามองในจังหวะที่เก็บดาบ

สายตานั่นก็ตัดทะลวงทุกสรรพสิ่ง! วิชานี้ไม่ต่างจากวิชาสุดแกร่งของทสึรุมากนัก แต่ทว่ามันกลับไม่สร้างความเสียหายอะไรให้ผู้ใช้เลย..

ถ้าจะพูดให้ถูก นี่ต่างหากคือวิถีที่แท้จริง! อาวุธก็เหมือนเพื่อนข้างกายหากมันทำร้ายตนเองนั่นก็แค่การยืมใช้!

“วิชาดาวไร้ลักษณ์ …. นภามีคม”

เสียงเงาพร่าเลือนนั้นดังขึ้น ในตอนนั้นเองทุกอย่างราวกับถูกฉีกขาดออกจากกัน มิติแห่งนี้พังทลายลงโดยสมบูรณ์แบบ

แต่ยังโชคดีที่พลังเวทมนตร์เลทิเซียระเบิดออกไม่มีกักเลยก็ว่าได้ แต่น่าประหลาดที่ร่างกายของเธอยังเป็นปกติเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง

แถมทสึรุถึงจะมองเห็นพลังเวทมนตร์ของเลทิเซียแต่เธอก็ไม่ได้คิดว่านี่คือพลังเวทมนตร์ปีศาจแต่อย่างใด

แต่เลทิเซียเองก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเมื่อพลังเวทมนตร์มากมายระเบิดออก ก็กลายเป็นก้อนพลังเวทมนตร์สีดำห่อหุ้มเลทิเซียกับทสึรุเอาไว้

ต้องบอกว่าชื่อจอมมารไม่ได้มาเล่นๆ เลทิเซียไม่ได้ใช้อนุภาคเวทมนตร์อะไรทั้งสิ้น ที่เธอเพียงแค่ใช้เวทมนตร์ของตัวเองมาเป็นเกาะโต้งๆ เลย!

นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนบ้าที่ไหนกล้าทำ แต่ทว่าคนที่มีพลังมากมายอย่างเลทิเซีย เรื่องแค่นี้นับว่าเป็นเรื่องเล็กมาก

คลื่นดาบที่ตัดแยกทุกสรรพสิ่งเมื่อปะทะกับพลังเวทมนตร์อันมากมหาศาลก็ไม่สามารถตัดฝ่าทะลุได้… ต้องทราบว่าไม่ว่าจะเป็นโลกไหนก็ตาม

คนส่วนใหญ่ก็ใช้เวทมนตร์ในร่างเป็นตัวแปรเพื่อเกิดปัจจัยภายนอกเท่านั้น ปีศาจสร้างบางอย่างที่ใช้สู้ด้วยเวทมนตร์

มนุษย์ใช้เวทมนตร์แทรกแซงบางอย่างให้ปรากฏ หรือแม้แต่โลกในชิ้นส่วนนี้ก็ล้วนใช้เวทมนตร์เพื่อควบคุมอนุภาคเวทมนตร์

แต่ที่เลทิเซียทำคือปล่อยพลังเวทออกมาโดยตรงเป็นเกาะป้องกัน! ไม่สามารถพูดได้ว่าไร้เทียมทาน แต่ก็ไม่มีทางวิชาดาบที่ไร้ซึ่งเวทมนตร์หรือทักษะจะตัดผ่านได้

จะพูดง่ายๆ เลย.. เลทิเซียยังไม่รู้วิธีใช้พลังจอมมารของตนเองนั่นแหละ

……..

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท