การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 124

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 124 – แผ่นดินบนท้องฟ้า

ภายใต้การปะทะเมื่อครู่ทำให้เลทิเซียต้องสร้างพลังขึ้นมาป้องกันไว้อย่างสุดกำลัง แต่ทว่าร่างก็ยังถูกซัดกระเด็นจนกระแทกพื้นของเกาะทันที

“ตู้ม!” เสียงปะทะดังขึ้น ร่างของทสึรุก็ไม่ต่างกันแม้จะพุ่งไปแต่เพราะการปะทะของแสงสีฟ้ากับสึนามิสีดำเกิดเป็นคลื่นลมกวาดใส่ทุกสิ่งรอบด้าน

ส่งผลให้ร่างทสึรุแม้จะไม่มากเท่าเลทิเซียแต่ก็ยังกระเด็นกวาดเอาต้นไม้บนเกาะหักโค่นไปหลายสิบต้น

แน่นอนว่าเงาพร่าเลือนก็โดนเช่นกัน แต่ไม่มากเท่าสองคน อีกทั้งในยามนี้เพราะการที่เลทิเซียทุ่มกำลังป้องกันตัว

พลังเวทที่ควบคุมเงาร่างอยู่ก็หยุดควบคุมซึ่ง มันฉวยโอกาสนี้ในการกำจัดพลังเวทในร่างของตัวเองไปจนหมดสิ้น

และพลังเวทของเลทิเซียที่ใส่เข้าไปในร่างของอีกฝ่ายเหมือนจะส่งผลให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้นเพราะเปลี่ยนเวทมนตร์เลทิเซียเป็นของตัวเอง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ร่างของเลทิเซียที่ถูกฝังลงบนพื้นดินก็สัมผัสได้ทันที แต่เหมือนเงาพร่าเลือนจะไม่ยอมให้เลทิเซียลุกขึ้นมา

มันพุ่งดิ่งลงไปหาเลทิเซียด้วยความเร็วสูง แน่นอนว่าทสึรุก็เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาเธอรีบลุกขึ้นมาแม้กระดูกแขนซ้ายจะหักไปแล้ว

“เลทิเซีย!!”

แต่ในแทบจะพริบตานั้นเองแสงสีฟ้าที่ปะทะกับสึนามิสีดำจนกระจายออกเป็นวงกว้างแต่น้ำสีดำนั้นกลับถูกแสงนั้นดูดกลืนเข้ามาจนหมดแทบจะทันทีในตอนที่มันก็กระจายออกเพราะแรงปะทะ

ในขณะที่หลังจากปะทะมันก็หมุนเคว้งกลางอากาศ ภายใต้เสียงคำรามของทสึรุมันก็หมุนเคว้งมาปักอยู่ตรงหน้าเธอ

มันคือหอกเล่มหนึ่งที่มีสีฟ้าที่หม่นแสงเล็กน้อย ปลายหอกหนาใหญ่ในลักษณะเหมือนเจดีย์ แต่เรียวโค้งงามในขณะที่ด้ามจับขนาดพอดีมือนั้นไม่ยาวไม่สั้นจนเกินไป

และมีสีฟ้าของท้องทะเลมองดูเผินๆ เหมือนมันถูกสร้างขึ้นจากน้ำทะเลเพียงแต่ว่าในยามนี้มันหม่นแสงเหมือนกับเป็นการวาดภาพสีฟ้าใส่เพียงเท่านั้น

ทสึรุสัมผัสได้ทันทีว่านี่คือแสงสีฟ้าที่ปะทะกับสึนามิสีดำเมื่อครู่ เธอไม่เคยเห็นมันและไม่รู้จักมัน

แต่พอมันมาอยู่ต่อหน้าเธอ เธอกลับรู้สึกวู่วามอยากจะจับหอกเล่มนี้มาใช้วิชาทวนของตนเองให้หายต้องการ

และตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกมากนัก เธอกัดฟันจับหอกสีฟ้านั่นขึ้นมาและ.. ปาออกไปใส่อีกฝ่ายที่กำลังพุ่งใส่เลทิเซีย

หอกนั้นเหมือนเริ่มจะหมุนควงสว่านและพุ่งดิ่งแหวกว่ายอากาศ ทะลุทะลวงทุกสรรพสิ่ง เพียงแค่ชั่วพริบตาสั้นๆ หอกนั้นก็ปะทะเข้ากับเงาร่างพร่าเลือน

แต่ทว่าดวงตาของเงาพร่าเลือนมองเมินหอกเล่มนี้ เพียงแค่ยกดาบขึ้นสะบัดปะทะกับหอกในทางแฉลบออกข้างจนส่งผลให้วิถีควงสว่านที่เหมือนกระสุนปืนเปลี่ยนทิศไปอย่างง่ายดาย

อันที่จริงหากอาวุธในมือของเงาพร่าเลือนไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของพลังทั้งหมดละก็ หอกเล่มนี้ก็กระเด็นสั่นสะท้านเหมือนกับหมาบ้าวิ่งขนกำแพงแน่ๆ

แต่ทว่าแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ เพียงแค่ไม่ถึงพริบตาด้วยซ้ำก็ตาม แต่สำหรับเลทิเซียนั้นก็มีค่ามาก เธอเสริมพลังร่างกายให้มากกว่าเดิม

จนจากตอนแรกแผลที่ฟื้นฟูกับการบาดเจ็บต่อเนื่องของเสริมพลังเป็นระดับเสมอภาคเท่าเทียมกันแบบ 50-50

แต่ตอนนี้อากาศบาดเจ็บเริ่มมากกว่าและการฟื้นฟูเริ่มจะฟื้นฟูไม่มันอาการบาดเจ็บแล้ว แต่ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังคงได้รับพละกำลังที่มากมหาศาล

เพราะในจังหวะที่อีกฝ่ายใช้ดาบป้องกันหอกของทสึรุเสร็จนั้นร่างของเลทิเซียก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าอีกฝ่ายในระยะประชิด

แต่เพราะอีกฝ่ายใช้ดาบตั้งการ์ดอยู่ที่แขนซ้ายทำให้ข้างขวาไร้การป้องกัน ดาบในมือเลทิเซียก็ฟันเป็นแนวขวางใส่โดยไม่ลังเล

แต่เงาพร่าเลือนนั้นไม่มีทางที่จะยอมให้เลทิเซียโจมตีเผลออีกครั้ง เธอที่ดึงดาบกลับมาป้องกันไม่ทันจึงเลือกที่จะตวัดดาบสวน

แต่เลทิเซียไม่ได้แค่สู้ตามสถานการณ์ทุกครั้งในการโจมตีของอีกฝ่ายเลทิเซียจะเดาแพทเทิร์นการต่อสู้ไว้หลายรูปแบบ

จริงอยู่ที่มนุษย์เรามีความเป็นไปได้ไร้จุดสิ้นสุด แต่ทว่าเลทิเซียก็แค่จำกัดความเป็นไปได้อื่นโดยการทำให้อีกฝ่ายเหลือทางเลือกไม่มากนักแบบในตอนนี้

ทำให้เหมือนเลทิเซียรู้ความจริงว่าจะเกิดแบบนี้อยู่แล้ว ดาบในมือขวาที่เคยยกไปป้องกันแขนซ้ายก็ตวัดกลับคืนใส่คอเลทิเซีย

แต่จู่ๆ วิถีดาบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงดาบที่ควรจะตัดใส่เอวอีกฝ่ายก็ยกขึ้นตวัดปะทะเข้ากับดาบของเงาพร่าเลือน

แน่นอนว่าระยะการเหวี่ยงของเลทิเซียย่อมมากกว่าเพราะเลทิเซียง้างฟันในขณะที่อีกฝ่ายแค่ตวัด จึงเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง “เคร้ง!”

ดาบในมือซ้ายเลทิเซียกระเด็นกลับมา และดาบในมือขวาของเงาพร่าเลือนก็กระแทกไปทางซ้ายจนแขนติดขัดฉับพลัน

ดวงตาเลทิเซียเข้มข้น และแขนซ้ายก็แดงฉานพลังแขนถูกเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันราวกับว่ามันเหนือกว่าพลังกำลังทั้งหมดทั้งมวลบนโลกใบนี้

แขนที่ถูกการปะทะกระเด็นกลับมาก็หยุดนิ่งและตัดฉับใส่คอของอีกฝ่ายแทบจะทันที อีกฝ่ายไร้ทางหลบเลี่ยงแล้ว

“มังกร …. คำราม”

แต่แทบจะในวินาทีที่ดาบกำลังจะตัดใส่คอของอีกฝ่าย ปากก็เปิดขึ้นอย่างสงบเยือกเย็น.. แต่ทว่าเมื่อเสียงนี้ดังขึ้น

คลื่นบีบอัดจากทุกทิศทางก็โอบล้อมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าเลทิเซียเปลี่ยนสีหูแตก ดวงตาเลือดไหล ทุกรูขุมขนบนร่างกายมีเลือดไหลทั้งสิ้น

คลื่นเสียงบ้าคลั่งกวาดทำลายล้างทุกสิ่ง สิงสาราสัตว์จำนวนนับไม่ถ้วนบนเกาะก็หัวระเบิดแตกตายเพราะคลื่นเสียงนี้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลทิเซียที่หูอยู่ใกล้ปากอีกฝ่ายที่สุด ในขณะที่ทสึรุเองก็สมองพร่าเลือนจนเกือบสลบไปเหมือนกัน

เลทิเซียโซเซถอยหลังไปหลายก้าว มือที่ถือดาบสั่นสะเทือนเหมือนจะหมดสติรอมร่อ.. ต้องขอบคุณเวทมนตร์ปีศาจที่ช่วยให้เลทิเซียประทังสติได้

ราวกับทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันที แต่บาดแผลทั้งหมดเลทิเซียก็ฟื้นคืนกลับมา แต่ความรู้สึกปวดหัวเวียนศีรษะยังอยู่

แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้เลทิเซียพักเลย ก่อนที่จะได้ปรับตัวแขนขาก็มีเกล็ดมังกรขึ้นจนแทบเต็มครบทุกส่วน

ขาที่ก้าวออกมาส่งผลให้อากาศบิดเบี้ยวและพังทลายลงแทบจะในชั่วพริบตา และจังหวะที่ขาเหยียบลงบนอากาศ

อากาศก็รอยปริแตกเหมือนกับกระจกดีดร่างของเงาพร่าเลือนพุ่งดิ่งเข้าหาเลทิเซียไม่สนใจทสึรุแม้แต่น้อย

แต่ทว่าในตอนนั้นเองน้ำทะเลก็พลันระเบิดขึ้นกะทันหันราวกับว่าเกิดสึนามิลูกใหญ่กว่าเมื่อครู่ไปหลายขุม มีของขนาดมหึมามองแล้วไม่เห็นจุดสิ้นสุดเลยสักนิดโผล่พุ่งออกมาจากใต้ทะเล

มันดึงดูดความสนใจของเงาพร่าเลือนนั่นทันที ซึ่งเลทิเซียไม่ยอมให้โอกาสหายไปเฉยๆ เธอกัดฟันร้องตะโกนขึ้น

“ระเบิด!”

เสียงระเบิดก็ดังขึ้นจากทุกทิศทางบนอากาศ แรงระเบิดนี้ไม่มีผลต่อร่างกายทสึรุเลย แต่พอมันระเบิดสีหน้าของเงาร่างพร่าเลือนซีดเผือด

ถอยหลังหลบ แต่ทว่าราวกับแรงระเบิดนั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แรงระเบิดนี้คือการระเบิดพลังเวทโดยตรง การทำเช่นนี้อาจจะทำให้ผู้ใช้ได้รับบาดเจ็บจากภายใน เพราะเวทมนตร์คือเรื่องละเอียดอ่อน

แต่มันแลกมากับการสั่นสะเทือนของพลังเวทที่อยู่ใกล้ๆ ว่ากันง่ายๆ คือมันสามารถสลายเวทมนตร์ได้โดยตรงล่ะ แม้จะใช้กับพวกเวทมนตร์แทรกแซงหรือเวทมนตร์ปีศาจไม่ได้

แต่ถ้าเป็นโลกใบนี้ที่ทุกอย่างประกอบขึ้นจากเวทมนตร์อย่างอนุภาคเวทมนตร์โลกใบนี้.. ต้นไม้ พื้นดิน อากาศ เงาพร่าเลือน ล้วนเกิดลางพังทลาย

เงาร่างพร่าเลือนยังดีหน่อยแต่ทุกอย่างนอกจากทสึรุและเลทิเซียกลับพังทลายลงต่อหน้าต่อตากลายเป็นฝุ่นผงอย่างง่ายดาย

การกระทำเช่นนี้ด้านนอกโลกชิ้นส่วนมันทำอะไรใครไม่ได้ก็จริง และแม้แต่วิธีการเช่นนี้เลทิเซียก็พึ่งลองทำเพราะจากการวิเคราะห์ของเธอ

หากเวทมนตร์เจอกับเวทมนตร์ตรงๆ มันจะเกิดการหักล้างซึ่งกันและกัน.. แม้ไม่อาจหักล้างจนชนะแต่ก็สามารถทำลายโครงสร้างความสมดุลได้ พอเลทิเซียเข้าใจตรงจุดนี้

เธอถึงได้ระเบิดพลังเวทออกจากนอกร่างกายด้วย ใช่นอกจากเลทิเซียจะระเบิดพลังจำนวนมากเพื่อดึงดูดความสนใจ

แต่เธอก็ไม่ปล่อยให้ปริมาณเวทที่ถูกปล่อยออกไปไม่เสียเปล่า อาศัยการกระจายของเวทมนตร์จำนวนมากที่ดึงดูดความสนใจให้เวทมนตร์กระจายไปทั่วพื้นที่

และรอจังหวะที่จะระเบิดออก! เงาพร่าเลือนเริ่มแตกกระจาย แขนซ้ายก็เริ่มกระจัดกระจายแม้แต่พลังฟื้นฟูยังคงไร้ผล….

แต่ในชั่วพริบตาเดียวกันเงาสีดำที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ท้องทะเลก็ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า.. บดบังแสงสว่างทำเอาทั้งสามบนเกาะหันขึ้นไปบนฟากฟ้าอย่างพร้อมเพรียง

ทสึรุกับเลทิเซียเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงสับสน.. เพราะในตอนนี้มันมีแผ่นดินสีดำทอดมองไปเห็นจุดสิ้นสุดปรากฏขึ้นแทนท้องฟ้า

แผ่นดินสีดำปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า!

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท