บทที่ 139 – การเกิดใหม่…
หลังจากนั้นก็ผ่านมาหลายวัน ฉันก็เข้าใจสถานการณ์ต่างๆ มากขึ้นเพราะว่าเศษชิ้นส่วนเวหาแตกกระจาย
ทำให้ผู้คนด้านในโลกนั้นถูกส่งออกมา เหมือนจะมีอะไรลึกกว่ารั้นแต่ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก
แต่เอาเป็นว่าคนพวกนั้นถูกส่งออกมา แต่เพราะไร่ที่พักพิงจึงต้องอยู่ในเขตไร้อาณา แต่กลับไร้ทรัพยากรทำให้ทางโรงเรียนต้องลำบากทำหน้าที่ดูแลพวกเขา
เพราะกรรมสิทธิ์เกี่ยวกับชิ้นส่วนเวหา ถูกโรงเรียนทั้งห้าดูแล ทั้งให้พวกเขาต้องแบกรับปัญหาไว้ ก่อนจะจับมือกับทุกอาณาจักรทั่วทั้งทวีป
และส่งเหล่าผู้มาจากชิ้นส่วนเวหาไปยังอาณาจักรต่างๆ .. เอ่อ.. นี่เป็นความผิดของฉันสินะ รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ
พี่เคยบอกบ่อยๆ ว่า ไม่ควรทำคนอื่นเดือดร้อน แต่ฉันก็ทำไปซะแล้ว แต่ไงได้ล่ะ มันเป็นการป้องกันตัวโดยชอบธรรมนะ
ช่างเรื่องอื่นไว้ก่อน เพราะฉันขาดเรียนไปนาน แม้จะมีเหตุการณ์ต่างๆ แต่เหมือนว่าต้องตามคนอื่นให้ทันฉันจึงต้องเรียนเพิ่มขึ้น
ดังนั้นฉันในตอนนี้จึงถูกส่งไปโรงเรียน ส่วนทสึรุพ่อกับแม่ส่งกลับไปก่อน ส่วนฉันก่อนหน้านี้ถูกพากลับไปที่อาณาจักรเพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรผิดปกติ
อย่างเป็นโรคอะไรหรือมีเชื้ออะไรหรือเปล่า แต่ก็นะไม่แปลกหรอก ถ้าหากฉันเอาโรคระบาดมาแพร่ใส่คนอื่นในโลกนี้คงลำบากแย่
ไม่แปลกใจที่ต้องระวังขนาดนั้น ก็นะ พวกเขาเป็นถึงเทพกับผู้กล้านี่ ต้องห่วงประชาชนบนโลกนี้เป็นปกติอยู่แล้ว
แต่ว่าทสึรุจะเป็นยังไงบ้างนะ หรือว่าเธอเองก็โดนจับไปตรวจสอบเหมือนกัน ในขณะที่กำลังคิดแบบนั้น รถม้าก็มาถึงหน้าโรงเรียนแล้ว
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นโรงเรียนที่คุ้นเคย แต่จากไปนานหลายเดือนเลยทำให้รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง
แต่ในตอนนั้นเองสายตาของฉันก็หันไปเห็นเลวิเนียยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน ไม่รู้ทำไมพอฉันเห็นเธอแล้วหัวใจฉันก็เต้นไม่เป็นจังหวะรีบดึงหน้ากลับเช้ามาในรถ
ฉัน… มือของฉันยกขึ้นวางที่หน้าอกตอนนี้ฉันกำลังเป็นอะไรไป… หัวใจของฉันมันกำลังเต้นเร็วผิดปกติ
ฉันกุมหน้าอกพยายามสูดลมหายใจเข้า แต่หัวใจก็ยังคงเต้นระรัว ทำไมล่ะ… ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ฉันเป็นอะไรไป..
จนกระทั่งรถม้าหยุดเคลื่อนไหวประตูเปิดออก เสียงของเลวิเนียดังขึ้นมาจากด้านนอกมันทำเอาฉันตัวสั่น
“ท่านพี่!!”
“….”
เธอเดินมารอฉันที่หน้าประตู เธอมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มที่เหมือนเดิมทุกอย่าง เหมือนในอดีต แต่ฉันในตอนนี้กลับรู้สึกแปลกประหลาด
ฉันถอยหลังออกจากหน้าประตูรถม้าโดยไม่รู้ตัว.. ไม่.. นี่คือความกลัว ทำไมล่ะ ทำไม… ฉัน..
“ท่านพี่…?”
ฉันก้มหน้าลงไม่ได้หันไปมองเลวิเนีย ฉันแค่ก้มหน้าและไม่ได้เปิดปากเพียงแค่เดินสวนเธอออกไปโดยไม่พูดอะไร
ฉันแสดงไม่ได้ ฉันโกหกไม่ออก แสร้งยิ้มตอบไม่ได้ ทำไมกันล่ะ ถ้าหากกลัวก็ไม่ต้องทำให้ศัตรูเห็นว่าเรากลัวแบบนี้สิ
ไม่.. เลวิเนียไม่ใช่ศัตรูสักหน่อย.. แต่ว่าเธอน่ะมัน…เป็นของปลอม
“ท่า—”
จู่ๆ มือข้างนั้นที่ฉันพึ่งเดินสวนมาก็จับไหล่ฉันเอาไว้ ร่างกายของฉันรู้สึกตื่นตัว หวาดกลัว.. และปฏิเสธ
มือของฉันยกขึ้นและปัดมือของเลวิเนียออก อย่างรุนแรงเสียงของมือที่ถูกปัดออกดังก้องไปทั่วหน้าโรงเรียนทำเอาคนหันมามอง
“ฉัน…”
ฉันก้มมองมือของตัวเองและหันไปมองเลวิเนียที่กำลังยืนนิ่ง ดวงตาของเธอเหมือนจะมีม่านใสโผล่มาอีกชั้น
ไม่ ฉันเป็นอะไรของฉัน เธอเป็นน้องสาว ฉันอยู่กับเธอมาตลอดสิบกว่าปี พวกเราเติบโตมาด้วยกัน… เธอน่ะแตกต่าง.. แตกต่างจากทุกคน
เธอคือพี่น้อง… แต่ว่าในอกของฉันตอนนี้มันคืออะไรกันแน่ ฉันไม่เข้าใจ นี่มันคืออะไรกัน ฉันถอยหลังพร้อมกับมือที่กำลังสั่นก่อนที่จะ
เดินเข้าไปในโรงเรียน… ฉัน..ไม่เข้าใจ…
……
เลวิเนียก้มมองมือตัวเองที่มีรอยแดงเพราะถูกมือของใครสักคนปัดมันอย่างรุนแรง… มันเป็นรอยฟกช้ำแรกที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตที่เกิดขึ้นโดยคนคนนั้น
คนที่เธอรักและเทิดทูน เดินตามมาตลอด เป็นคนที่เธอรักมากที่สุด แต่มาในตอนนี้มือนั้นก็ปัดมือเธอทิ้งอย่างเย็นชา
สายตาที่มองมามีเพียงความห่างเหิน เธอไม่พูดคำอะไร ราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เลวิเนียถอยหลังนั่งลงบนหน้าประตูรถม้า
“ท่าน..พี่…”
เธอก้มลงมองฝ่ามือของตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไมเพียงแค่โดนปัดมือมันถึงได้เจ็บขนาดนี้ มือที่ปัดมานั้นมีเพียงความอ่อนนุ่ม แต่มันกลับเย็นเฉียบ
ราวกับมันได้บาดแทงลงไปนังเบื้องลึกยิ่งกว่านั้น เลวิเนียไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ว่าเธอก็พอจะนึกออกแล้ว
มือของเธอหยิบเอากระดาษเล่มหนึ่งออกมา ก่อนที่จะฉีกกระดาษทิ้งแล้วก็ตะโกนออกมา
“เป็นเพราะแกคนเดียว ทำไม ทำไม!!”
กระดาษชิ้นนั้นถูกฉีกขาดไปพร้อมกับหัวใจของเธอ เนื้อหาภายในกระดาษมีเพียงข้อมูลที่กล่าวถึงการกลับชาติมาเกิด
เมื่อหลายเดือนก่อนที่เลวิเนียได้แอบไปได้ยินการพูดคุยของเลทิเซียกับลูเซีย เธอก็ได้ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมท่านพี่ถึงได้บอกแบบนั้น
สำหรับเลวิเนียแล้ว เธอรู้ดีว่าพี่ของตัวเธอเองไม่มีทางเพ้อเจ้อไร้สาระ จนพาคนไม่รู้จักไปอยู่ด้วยกันแบบสองต่อสอง..
เธอจึงเริ่มค้นคว้า เริ่มตั้งแต่เรื่องที่ว่าทำไมท่านพี่ถึงบอกว่าลูเซียเป็นน้อง รู้จักมาก่อน? แต่ทำไมลูเซียถึงไม่รู้จัก
หลังจากค้นคว้าไปร่วมเดือนทำให้เธอรู้จักกับการเกิดใหม่.. การเกิดใหม่คือการที่คนคนหนึ่งได้ตายไปแล้วแต่วิญญาณไม่กลับคืนสู่ความนิรันดร์และวัฏจักร
แต่พวกเขาจะผ่านห่วงกาลอวกาศและถือกำเนิดขึ้นมาโดยผสาน ร่างและวิญญาณในอดีตเข้ากับทารกที่พึ่งเกิดใหม่..
แต่ทว่าความทรงจำจะสูญหายไปเพราะการผสานที่เหลือจะมีเพียงแค่ความรู้สึกและ…. ความสามารถ
ใช่.. เธอก็ได้สัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างได้นั่นก็คือ.. บางทีแล้ว.. ตัวเธอเองนั่นแหละที่เป็นผู้เกิดใหม่
แต่ทว่าเธอปฏิเสธมัน .. ใช่แล้ว มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกเพราะว่าข้ามีความรู้สึกเป็นของตัวข้าเอง ข้ารักท่านพี่ ข้าสนใจท่านพี่
เธอคิดแบบนั้น เธอไม่อยากที่จะเป็นคนใหม่ ไม่สิ เธอไม่อยากที่จะเป็นคนที่มาเกิดใหม่ เธออยากจะเป็นตัวเธอที่เป็นลูกของท่านพ่อและท่านแม่
หากตัวเธอไม่ใช่ตัวเธอ.. แล้วท่านพี่จะรู้สึกยังไง ถ้าหากว่าตัวเธอในตอนนี้เป็นแค่ของปลอมที่ถูกใครสักคนที่มาเกิดใหม่คอยควบคุม
ไม่สิ ถ้าจะให้พูดคือตัวเธอนั่นแหละที่เป็นคนคนนั้นซะเอง แบบนั้นเธอไม่เอานะ เธอจะเป็นเธอ เธอไม่อยากเป็นคนอื่น
ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ท่านพี่คงต้องเกลียดข้าแน่ คงมองว่าข้าเป็นคนที่ช่วงชิงน้องสาวของเธอไปตอนเป็นทารก…
เธอปฏิเสธความคิดบ้าๆ แต่เพื่อที่จะปฏิเสธ เธอจึงต้องหาหลักฐาน เธอถอยกลับไม่ได้และไม่สามารถกระทำ
จรกระทั่งในคืนนั้น.. คืนที่พี่สาวของเธอเห็นเอกสารฉบับนี้ เธอกลัว กลัวที่ท่านพี่ของเธอจะเปลี่ยนไป
เพราะหากเลวี่ที่ท่านพี่รู้จักเป็นแค่คนอื่นที่มาสวมบทเป็นเลวี่ เป็นใครก็คงต้องเกลียด เธอเอามือสองข้างขึ้นมากอดตัวเองน้ำตาใสไหลออกมาจากดวงตา
ก้มลง.. ความกลัว ความเศร้า ความโดดเดี่ยวที่เคยคิดไว้ มันเกิดขึ้นแล้วในตอนนี้ ท่านพี่ได้ปัดเธอทิ้งอย่างไร้เยื่อใย ..
จะเป็นอย่างอื่นได้อีกเหรอ นอกจากเธอจะรู้ความลับของเลวี่ตั้งแต่ตอนนั้นจริงๆ ..
“ข้าขอโทษ.. มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ข้า.. ข้า…”
เธอร้องไห้บนรถม้า นั่งกอดเข่าอยู่เพียงคนเดียว… ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของเธอมันเด่นชัด หากมองดีๆ แล้วมันคงไม่ต่างจากตอนเลทิเซียมากนัก
เธอโดดเดี่ยว ไม่มีใครบนโลกเข้าใจเธอ มีเพียงตัวเธอคนเดียวเท่านั้น
ใช่.. ถึงแม้เลวิเนียจะเป็นคนที่ร่าเริงและสนิทสนมกับคนอื่นได้ไว.. แต่ตัวเธอนั้นก็ยังมีระยะห่าง บางทีระยะห่างที่ว่ามันอาจน้อยมาก
เพียงแต่ว่ามันกลับห่างไกลจนไม่มีใครอาจจะเอื้อมเข้ามาถึงและช่วยบอกว่า.. ไม่เป็นไรนะ ปัญหาของเธอไม่มีใครช่วยแบกรับมันไหว
แม้แต่ตัวเธอเอง…
เธอมีตัวคนเดียว…
…………