การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 140

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 140 – ปัญหาของพี่น้อง

เลทิเซียวิ่งไปหลังที่พัก เธอในตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่.. ไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร

เธอไม่ต้องการที่จะให้ใครได้เห็นสภาพตัวเองในตอนนี้ เพราะเธอกลัว.. กลัวจะมีจุดอ่อน.. ใครสักคนเมื่อมีจุดอ่อนถูกเผยออกมาให้ศัตรูเห็น

พวกมันจะสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้ ซึ่งตัวเลทิเซียที่ไม่เคยเชื่อใจใครก็ยิ่งรู้สึกว่าจะแสดงสีหน้านี้ให้ใครเห็นไม่ได้

มีเพียงคนเดียวที่เลทิเซียเชื่อใจในตอนนี้.. คือทสึรุ ใช่.. แต่ว่าสำหรับเลทิเซียที่มองทสึรุเป็นเหมือนน้องสาวและมองเลวิเนียเป็นเหมือนน้องสาวแล้ว

เธอจะมีหน้าไปสู้กับทสึรุได้ยังไงในเมื่อตัวเองพึ่งไม่เชื่อใจในสิ่งที่เรียกว่าน้องสาว .. เธอปัดมือเลวิเนียไป

เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำไปทำไม ทำไมเธอถึงทำแบบนั้น เลวิเนียน่ะเป็นพี่น้อง.. หรือของปลอม.. แต่ว่า… แต่ว่า…

ทุกอย่างในหัวของเลทิเซียกำลังสับสนและขัดแย้งกัน จนทำให้เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์หรือความรู้สึกได้อีกครั้ง

เธอกำลังกลัว กลัวตัวเองในตอนนี้ที่ไม่เชื่อใจในคำว่า ‘พี่น้อง’ สิ่งเดียวที่ทำให้เลทิเซียยึดมั่นในการดำรงชีวิตอยู่

“ทำไมกันล่ะ ทำไม.. ทำไมกัน..”

เธอวิ่งไปพิงหลังผนังหลังหอพักที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน และค่อยๆ ทรุดลงบนพื้น มือข้างที่ปัดมือของเลวิเนียมันยังสั่นไม่หยุด

เธอในตอนนี้กำลังต้องการอะไร หวาดกลัวอะไร เธอไม่รู้ เธอไม่เข้าใจ.. บางครั้งสิ่งที่ไร้เหตุผลที่สุดก็คือความรู้สึก

และบางทีในตอนนี้อาจจะเป็นเช่นนั้น เลทิเซียหวนนึกกลับไปในอดีต.. เธอทะเลาะกับเลวิเนีย.. ไม่สิ..

มันทะเลาะอย่างนั้นเหรอ มันไม่ใช่การทะเลาะด้วยซ้ำ… แต่ว่าในตอนนั้นมันทำให้เกิดบาดแผลในจิตใจของเลทิเซียมากจนเกินไป

มากจนแม้แต่เจ้าตัวยังไม่ทราบ มันทำให้เลทิเซียได้รับรู้ว่าสุดท้ายแล้วโลกใบนี้ ‘ตัวเธอมันอยู่คนเดียว’ โลกได้ตอกย้ำเธอว่าเธอคือตัวคนเดียว

เลวิเนียที่อยู่ตรงหน้ายังเป็นของปลอมที่ถูกปลอมขึ้น สุดท้ายแล้วตัวเธอก็เป็นแค่คนจากต่างโลกที่ไม่รู้จักใครเลย

พอมาถึงโลกนี้ก็ถูกทิ้ง ถูกเก็บมาเลี้ยงและกลายเป็นพี่สาวของเด็กคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนที่มีสายเลือดเดียวกัน เป็นคนแปลกหน้า

แต่ว่าตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาเธอก็หลอกตัวเองว่านี่คือน้องสาวสุดที่รัก ที่ต้องปกป้อง เธอหลอกตัวเองและยึดติด…

ทุกอย่างมันเป็นของปลอม…

“นี่เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”

“ข้าบอกว่าพวกเราไม่เหมาะสมกันแล้ว!”

ในตอนนั้นเองห่างไปหลายสิบเมตรก็มีผู้ชายกับผู้หญิงเดินเถียงกันออกมาจากหอพัก โดยไม่ทันสังเกตเห็นเลทิเซียที่นั่งอยู่ตรงนั้น

หญิงสาวถามด้วยความหงุดหงิด ในขณะที่ชายหนุ่มก็พูดด้วยความเฉยเมย

“ทำไมกันล่ะ! ก็พวกเราน่ะ…”

“ข้ามีคนอื่นแล้ว”

“อะไรนะ… เจ้าพูดว่าอะไรนะ…”

“ข้ามีคนอื่นแล้ว เจ้าไม่ได้ยินหรือไง?!”

“เจ้า.. เจ้า….”

หญิงสาวคนนั้นกัดฟันพูดอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะพูดต่อ “แล้วที่ผ่านมาของพวกเราล่ะ พอมีคนใหม่ที่ตัวเองชอบแล้ว เลยทิ้งข้างั้นเหรอ?!”

“ก็เจ้ามันไม่น่าเชื่อถือ แถมตอนนั้นเจ้ายังปฏิเสธข้า แต่ตอนนี้ข้าเจอคนที่ข้าสามารถเชื่อใจได้แล้วจะเปลี่ยนแปลกตรงไหน?”

“เจ้า…”

“หุบปาก!!!”

ในขณะที่หญิงสาวคนนั้นกำลังจะเถียง เลทิเซียก็ตะโกนออกมาสุดเสียง ทำให้ชายหนุ่มและหญิงสาวตกใจและหันไปดูเลทิเซีย

“ทะ..ท่าน…”

“ฉันไม่ได้ทำแบบนั้น ฉันไม่ทำแบบนั้น ทสึรุกับเลวิเนียน่ะ.. พวกเธอน่ะ… เป็น…”

เธอก้มหน้าก้มตาตะโกนออกมาจนเสียงแหบ ทำให้ชายหนุ่มและหญิงสาวนั้นตกใจกลัวและรีบหนีออกไป เพราะพวกเขารู้จักเลทิเซีย

ในขณะที่เลทิเซียพูดไม่จบเธอก็เสียงเบาลงจนเสียงหายไปในที่สุด.. เธอไม่ได้มีคนที่เชื่อใจใหม่เลยทิ้งคนเก่า

เธอไม่ทำแบบนั้น มันไม่ใช่แบบนั้น! เธอกัดฟันและใช้กำปั้นของตัวเองทุบใส่ผนังอย่างรุนแรง ถ้าหากเสริมพลังบางทีกำแพงนี่อาจจะพังถล่มทันที

แต่เพราะร่างกายของเธอที่ไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้นมันเลยทำให้มีแต่เลือดของเธอที่ไหล เธอทรุดลงกับพื้นอีกครั้ง

“ฉันไม่ได้ทำ…แบบนั้น… ฉันน่ะ…”

น้ำตาของเลทิเซียไหลออกมาจากดวงตาเงียบๆ เธอ… เธอทำแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้เธอได้ทิ้งเลวิเนียเพราะมีทสึรุ

อย่างน้อยตัวเธอในตอนนี้ก็คิดแบบนั้น เธอปฏิเสธไม่ได้แม้จะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม … เพราะสถานการณ์มันบอกแบบนั้น

อันที่จริง สำหรับเลทิเซียแล้วตอนนี้เธอเพียงแค่ไม่รู้ว่าจะไปสู้หน้าเลวิเนียยังไงเท่านั้น เธอกลัวที่จะต้องพูดคุยกับเลวิเนียเพราะเรื่องในคืนนั้น

คืนที่เลทิเซียได้เห็นว่าเลวิเนียทำตัวเย็นชาใส่ และเหมือนว่าเลวิเนียกำลังศึกษาเรื่องตายแล้วเกิดใหม่ทดลองอะไรที่อันตรายด้วยความเป็นห่วงเลทิเซียจึงถามออกไป

แต่เธอกลับตอบกลับด้วยความเย็นชาว่า ‘ไม่มีอะไรเกี่ยวกับท่านพี่หรอก’ คำพูดนั้นมันสร้างบาดแผลมากเกินไป

ตัวเลทิเซียนั้นเป็นคนที่ปฏิเสธคนรอบข้างยิ่งกว่าคนทุกคนในโลกนี้ ดังนั้นเธอจึงเป็นคนที่ยึดติดกับคนจำนวนน้อยที่ตัวเองเชื่อใจมากกว่าคนอื่นเช่นกัน

พอโดนคนคนนั้นปฏิเสธสิ่งที่ตามมาสำหรับเลทิเซียก็คือความเจ็บปวดในใจระยะยาว แม้ในตอนนี้เลทิเซียจะไว้วางใจทสึรุ

แต่ตัวตนของทสึรุหาใช่เลวิเนียไม่ ดังนั้นทั้งสองคนสำหรับเลทิเซียแล้วจึงมีที่ยืนในความเชื่อใจแตกต่างกันว่าง่ายๆ ก็คือแม้จะทีที่พักพิงเพิ่ม

แต่ที่พักพิงเดิมที่เคยผิดใจกันมันกลับไม่ได้ฟื้นฟูเลย แถมคนที่ทำให้เลทิเซียรู้สึกแบบนั้นคือน้องสาวที่อยู่ด้วยกันมานาน

มันทำให้เลทิเซียกลัวที่จะเผชิญหน้า.. และไม่กล้าที่จะพูดคุย ทั้งในความผิดใจในครานั้นยังจุดชนวนให้เลทิเซียรู้สึกว่า ‘ความสัมพันธ์นี้มันเป็นของปลอม’

ในขณะที่ความสัมพันธ์กับทสึรุกลับแน่นแฟ้นขึ้น จนทำให้เลทิเซียยกทสึรุขึ้นมาเปรียบ พอมีคนมากล่าวว่า “พอมีคนใหม่เลยทิ้งคนเก่า” ใกล้ๆ

มันจึงเป็นเหมือนกานทำให้เลทิเซียมองสะท้อนใส่ตัวเอง เธอจึงปฏิเสธ แต่นิ่งปฏิเสธก็ยิ่งหาข้ออ้างมายืนยันว่ามันไม่ใช่แบบนั้น

แต่ยิ่งหาข้ออ้างก็ยิ่งหาไม่เจอ มันจึงกลับกลายเป็นดาบสองคมที่พอหาข้ออ้างไม่ได้ ก็ปฏิเสธไม่ลง

จนสุดท้ายเธอถึงได้คิดเองเออเองไปว่า… ตัวเองเป็นคนที่ทิ้งเลวิเนียเพราะมีทสึรุแล้ว…

เธอจะมีหน้าไปปรึกษาใครได้เรื่องที่เลวทรามแบบนี้ ร่างของเลทิเซียสั่นเบาๆ เธอในตอนนี้นั้น กำลังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก…

“ท่านเลทิเซีย…?”

แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงคนดังขึ้นด้วยความประหลาดใจ ทำให้เลทิเซียเงยหน้าขึ้นมา แม้จะมีคราบน้ำตาติดอยู่ก็เถอะนะ..

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็คือ…คนที่เลทิเซียไม่อยากเจอยิ่งกว่าใครทั้งสิ้นในตอนนี้ แม้แต่ทสึรุก็ยังเทียบไม่ได้… เธอคือ… ลูเซีย

แต่แน่นอนว่าลูเซียที่ว่าไม่ใช่ลูเซียนี้ แม้เลทิเซียจะเผลอนึกไปว่าอีกฝ่ายเป็นน้องสาวแท้ๆ ตัวเองจริงๆ แต่คนตรงหน้าก็ไม่ใช่ลูเซีย

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เอ๋ ทำไมถึงร้องไห้ล่ะคะ?”

ลูเซียถามขึ้นด้วยความสับสน อันที่จริงตั้งแต่วันนั้นเธอก็รู้จักเลทิเซียขึ้นมา เพราะเลทิเซียเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นน้องสาว

หลังจากนั้นเธอก็ได้รู้จักเลทิเซียมากขึ้นผ่านปากคนอื่นน่ะนะ.. สำหรับเธอเลทิเซียเป็นเหมือนชนชั้นสูงอย่างแท้จริง

ถ้าหากให้เธอเปรียบเทียบละก็ ตัวเองคงอยู่ต่ำกว่าเลทิเซียมากเลยแหละ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ เวทมนตร์หรือฐานะ

แต่ว่าพอเห็นสีหน้าของเลทิเซียในตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่า “อะไรกัน เธอก็เป็นเด็กผู้หญิงไม่ใช่หรือไง?”

“ฉะ.. ฉันไม่ได้ร้องสักหน่อย..”

เลทิเซียรีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะกลบอารมณ์ของตัวเอง แต่น่าเศร้าที่คนตรงหน้ามีหน้าตาเหมือนคนที่ตัวเองใจอ่อนด้วยมากที่สุดจนเกินไป

ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง ท่าทาง ลักษณะ ทุกอย่างล้วนเหมือนไปหมด มันยิ่งทำให้ตัวเลทิเซียที่กำลังรู้สึกผิดต่อคำว่า ‘น้องสาว’ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้

เธอรีบเช็ดน้ำตาและพยายามจะลุกขึ้น

“ไม่ได้ร้องตรงไหนกันล่ะ? อืมมม เวลาแบบนี้ต้อง… จริงสิ!”

ลูเซียเหมือมองท่าทางของเลทิเซีย เหมือนเธอจะทนไม่ไหวที่พอเห็นคนเศร้าแล้วไม่ทำอะไรเลย พอเห็นท่าทางแบบนั้นเลทิเซียก็กัดริมฝีปาก

“แม้แต่เรื่องนี้…”

ลูเซียกำลังเหมือนหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าไม้ได้สังเกตเห็นท่าทางของเลทิเซียเลยสักนิดเดียว

“อ๊ะ ฉันลืมไว้ที่ห้องพัก ไปที่ห้องพักฉันกันเถอะ”

ลูเซียพูดแบบนั้นก็จับแขนเลทิเซียลากไปด้วยทันที เลทิเซียพยายามจะสะบัดมือออก แต่ไม่รู้ทำไมแขนเธอในตอนนี้ถึงสั่นมาก..

ไม่กล้าที่จะปัดมือใส่น้องสาวอีกแล้ว.. ไม่สิ.. เธอคนนี้ไม่ใช่น้องสาวสักหน่อย..

…….

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท