บทที่ 141 – ห้องของลูเซีย
โดยที่ไม่ทันตั้งตัวเลทิเซียก็ถูกลากมาในห้องของลูเซียซะแล้ว พอเข้ามาในห้อง ก็เหมือนห้องที่เลทิเซียอยู่กับชาร์ล็อตทุกระเบียบนิ้ว
ต่างแค่ของที่วางอยู่และของส่วนตัวของนักเรียนเท่านั้นแหละ ลูเซียจับเลทิเซียไปนั่งบนเตียงแล้วก็พูดขึ้น
“คนที่พักกับฉันเธอไม่อยู่นะ เพราะงั้นฉันเลยอยู่คนเดียวนะ”
ไม่รู้ว่าจะบอกทำไม แต่เธอก็พูดออกมาแล้ว ก่อนที่ลูเซียจะพูดต่อว่า “งั้นรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
ว่าแล้วลูเซียก็เดินไปงมหาอะไรสักอย่าง ในขณะที่เลทิเซียกำลังสับสนกับตัวเองว่า ทำไมถึงถูกปล่อยให้ตัวเองถูกพาในที่แบบนี้
ที่ที่อาจจะเป็นสถานที่ของศัตรู ที่อาจจะเตรียมแผนรับมือฆ่าตัวเองอย่างในห้องของใครก็ไม่รู้
สำหรับเลทิเซียแล้ว คนแปลกหน้าก็เหมือนคนที่ต้องระวัง และยิ่งรู้จักมากก็ยิ่งต้องระวังมาก นอกจากพี่น้องน่ะนะ..
นั่นคือทัศนคติมุมมองต่อโลกของเลทิเซีย มันไม่ได้พึ่งจะมี แต่เธอมองแบบนี้มาตั้งแต่โลกก่อนแล้ว
ดังนั้นเลทิเซียจึงต้องระวังตัวตลอดเวลา ระวังว่าตัวเองจะถูกลอบโจมตีหรือเปล่า ระวังว่าตัวเองอาจจะถึงฆาตได้ไหม
เธอเป็นแบบนั้นมาตลอดต้องระวังในทุกอย่าง เพราะสำหรับเธอมันคือเรื่องปกติที่ควรจะทำ… ถามว่ามันเหนื่อยไหม
มันเหนื่อย บางครั้งเธอก็อยากจะกลับไปอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ นั่นมีพี่สาวน้องสาวอยู่ด้วยกัน อย่างสบายใจ
แต่พี่สาวก็ตายไปแล้ว ตัวเองก็ตายตามมาอีกพอรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ในโลกที่อันตรายนี้แล้ว มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เธอไม่เคยได้พักเลย
พักและเลิกที่จะหวาดระแวง.. มันหายไปตั้งแต่ตอนไหนกันนะ กรอบที่สร้างขึ้นด้วยครอบครัว มีสาวที่คอยปกป้องดูแล มีน้องสาวที่ต้องห่วงใย
มันหายไปหมดเหลือเพียงเรื่องลวงหลอกบนโลกอันโหดร้ายพรรค์นี้.. แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกอยากที่จะปล่อยวาง
พอมองเห็นหน้าของลูเซียที่คุ้นเคย แต่กลับห่างไกลกันมากตรงหน้า มันทำให้เธอสับสรและทำตัวไม่ถูก
ควรจะหวาดระแวงหรือควรจะห่วงใยกัน.. คำตอบมันง่ายแต่เธอกลับไม่ทำ เธอในตอนนี้เหนื่อยมาก.. ไม่ใช่ร่างกายแต่เป็นจิตใจ
มือข้างขวาที่เห็นแก่ตัวนี้ยังคงสั่น มันปัดมือของเลวิเนียทิ้งอย่างไร้เยื่อใย เพราะในตอนนี้เธอมีทสึรุแล้วยังงั้นเหรอ..
“เหนื่อยมาก.. ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก.. พี่.. ลูเซีย… ฉันอยากกลับบ้าน…”
อยากมีผ้าห่มที่พอห่มแล้วไม่ต้องระแวงอะไร อยากมีเตียงที่พอนอนแล้วไม่กลัวว่ามันจะระเบิด อยากจะอยู่ในบ้านที่ไม่ต้องกังวลอะไรเลย
ด้วยความเหนื่อยล้าอันมากมายของเลทิเซีย ไม่ว่าจะเป็นก่อนหน้าที่ต้องสู้กับปีศาจ.. ต้องเจ็บปวดทรมาน ต้องทำเรื่องเลวร้ายกับเลวิเนีย
จะว่าไป.. ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เลทิเซียเรียกเลวี่.. ว่าเลวิเนีย เธอไม่ได้สังเกตเลย… แต่ในตอนนี้เธอไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง พูดไม่ได้ บอกไม่ถูก
อาจจะเพราะเดินทางมาจากที่ไกลๆ ทำให้ร่างกายเองก็เริ่มเหนื่อยหรืออาจจะเป็นเพราะร้องไห้จนเหนื่อย หรือเหนื่อยทางความรู้สึก
ทำให้เลทิเซียในตอนนี้รู้สึกง่วงมาก แต่แน่นอนว่าไม่ว่าเลทิเซียจะง่วงขนาดไหนเธอก็จะต้องมีความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด
แต่ไม่รู้ว่าทำไมในตอนนี้เธอรู้สึกอยากปลดปล่อยทุกอย่าง นอนลงบนเตียงและหลับให้เต็มอิ่มในสักคืน…
“เหนื่อยก็ต้องพักนะคะ..”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา เป็นเสียงที่เลทิเซียได้ยินมานานแล้ว.. ก่อนที่จะมาโลกใบนี้ แต่น่าเสียดายคนที่พูดไม่ใช่คนที่เธอรู้จัก
บนโลกใบนี้ไม่มีลูเซียคนนั้นหรอก………
ด้วยความง่วงที่ถาโถมทำให้เลทิเซียเผลอหลับไปในที่สุด.. เจ้าตัวท่องเข้าไปในโลกความฝันก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“อ๊ะ นี่ฉันหลับเหรอ”
เธอตกใจหันซ้ายหันขวา ก่อนจะเหมือนพึ่งนึกอะไรขึ้นได้ อาจจะเพราะได้นอนจนเต็มอิ่มทำให้สติสตังกลับมาเหมือนเดิมแล้ว
พอหันซ้ายหันขวาก็พบว่ามีคนนั่งฟุบหน้าอยู่บนเตียง ทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้ลอยเข้ามา
“แย่แล้ว..”
เลทิเซียรีบตรวจสอบร่างกายว่ามีอะไรผิดปกติตรงไหนพอ ตรวจหาไม่เจอแล้วก็รีบลุกออกจากเตียง
แต่พอลุกออกจากเตียงถุงบางอย่างก็ร่วงลงบนพื้น “แกรบ” จนเลทิเซียสะดุ้งรีบหันไปดูลูเซีย แต่พบว่าเธอยังไม่ตื่นจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
มาทบทวนสถานการณ์กันก่อน พอถูกพามาในห้องเหมือนลูเซียจะให้อะไรบางอย่างเธอ แต่เหมือนเธอจะง่วงจนเผลอหลับไป
พอนึกถึงเรื่องตอนนั้นเธอก็หน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาทันที
“นี่ฉันทำแบบนั้นได้ยังไง โลกนี้มันอันตรายมากนะ บ้าเอ้ย บ้าเอ้ย!”
เลทิเซียอยากจะตบหน้าตัวเองสักสองสามที แต่พอนึกถึงเรื่องก่อนหน้า.. อารมณ์ก็ร่วงลงเหวอยู่ดีทำให้เธอต้องถอนหายใจออกมา
ในตอนรั้นเองสายตาของเลทิเซียก็หันไปเห็นถุงขนมที่ร่วงลงบนพื้นเมื่อกี้ ใช่ เหมือนจะเป็นถุงขนมนั่นแหละ
“จ๊อกกก~” เสียงท้องของเลทิเซียดังขึ้น.. เธอหิวขึ้นมาสะแล้ว หลังจากมองถุงขนมอยู่พักหนึ่ง มองลูเซียที่หลับสนิท
เธอหยิบถุงขนมขึ้นมาก่อนจะใช้เวทมนตร์สารพัดประโยชน์ที่ช่วยกำจัดพิษไปร้อยพันรูปแบบภายในเวลาสั้นๆ เพราะความเชี่ยวชาญในเวทมนตร์ด้านกำจัดพิษเธอสูงขึ้นมาก
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จก็รีบออกจากห้องนี้ไปพร้อมกับถุงขนมในมือ เลทิเซียเดินออกมาจากห้องลูเซีย
ในตอนนี้เธอยังคงไม่มีอารมณ์ทำอะไรสักอย่าง เลยต้องเดินกลับไปที่พักของตัวเองเงียบๆ ในความมืดมิดยามราตรี
มันทำให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง.. ในความมืดนั้นเลทิเซียที่กำลังเดินกลับก็มองดวงจันทร์
และราวกับว่าดวงจันทร์ได้มองลงมาที่เธอด้วยเช่นกัน ความรู้สึกแบบนั้นทำให้เลทิเซียงุนงง พอรู้สึกตัวอีกทีเธอก็เดินมาถึงที่พักของตัวเองแล้ว
สายตาของเลทิเซียหันไปมองห้องข้างๆ ที่เป็นห้องของทสึรุกับเลวิเนีย… ไฟในห้องยังคงเปิดอยู่เพราะมันมีแสงลอดจากช่องประตู
เลทิเซียถอนหายใจแล้วก็เปิดประตูเข้าไป แต่พอฉันเปิดประตูเหมือนจะเห็นว่าในห้องยังมีแสงไฟอยู่พอประตูเปิดออกก็มีเสียงคนที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง
“เลทิเซียยยยย!!!”
ด้วยปฏิกิริยาตอบสนองในการป้องกันตัวอัตโนมัติของเลทิเซีย เธอยกมือไปข้างหน้าคว้าจับคอเสื้อของคนที่พุ่งมา
เวทมนตร์เสริมกำลังกายทำงานโดยทันทีก่อนที่จะถูกเหวี่ยงกลับหัวทุ่มลงกับพื้นจนร้อง “แอ่ก!”
“ข้าเจ็บนะ เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ย เลทิเซีย”
คนที่พุ่งมาไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากซิลเวียเทพสงครามสุดแกร่งผู้ถูกล้างสมองโดยเลเวีย แต่ว่าล้างไม่สำเร็จ
ด้วยการเข้าใจผิดต่างๆ ทำให้ต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงเลทิเซียและมาเป็นครูในโรงเรียนแห่งนี้ อันที่จริงคนที่เป็นพี่เลี้ยงเหมือนจะเป็นเลทิเซียมากกว่าน่ะนะ
“ก็เธอมาจู่โจมฉันไม่ใช่เหรอ”
“แบบนั้นเขาเรียกพุ่งกอดด้วยความคิดถึงต่างหาก เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นห่วงเจ้าขนาดไหนน่ะ กลัวว่าจะไม่ได้กินอาหารตอนดึกแล้วซะอีก”
เรื่องอาหารสินะ.. เลทิเซียไม่ได้สนใจซิลเวียเท่าไหร่.. ชาร์ล็อตเองก็เดินออกมาพูดขึ้น
“ยินดีต้อนรับกลับนะ”
ชาร์ล็อตก็ยังคงเป็นมิตรเหมือนเดิม แต่เลทิเซียกลับรู้สึกเหมือนคนตรงหน้าไม่ใช่ชาร์ล็อต จึงถอยหลังออกไป
“เธอมันอันน่าไม่ใช่หรือไง?!”
เลทิเซียตกใจมาก.. หัวสมองรีบแล่นทันทีก็เข้าใจแผนการอันน่า นี่คือการลอบโจมตีโชคยังดีที่เธอตอบสนองทัน!
แต่แล้วอันน่าก็เหมือนผิดหวังก็แหงล่ะ ลอบโจมตีไม่สำเร็จนี่น่า หากยังลุกเข้ามาคงมีแต่เสียกับเสีย
“โอเค เธอชนะแล้วชาร์ล็อต ไม่คิดว่าองค์หญิงคนนี้จะแยกออกจริงๆ”
พอพูดแบบนั้นอันน่าก็หายไปแล้วคนตรงหน้าก็เหมือนกลายเป็นเด็กผู้หญิงคนที่ร่าเริงแจ่มใส ชาร์ล็อตแถมตอนนี้มีแก้มแดงหน่อยๆ
ในขณะที่เลทิเซียกับซิลเวียกำลังยืนงงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น….
……..