การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 144

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 144 – ตัวตนที่บิดเบี้ยว

หากจะถามว่าทำไมเลทิเซียถึงแสดงสีหน้าแบบนั้นคงต้องกล่าวอธิบายทุกอย่าง ย้อนกลับไปในตอนที่เลทิเซียรู้จักกับชาร์ล็อตครั้งแรก

เธอไม่ไว้วางใจและระแวงเธอคนนี้อยู่มาก แต่ในตอนนั้นเองเธอก็ต้องใจเพราะในตัวของชาร์ล็อตมีอีกคนอยู่ด้วย

แถมเป็นคนที่มีนิสัยดุร้ายและรุนแรง มันทำให้เลทิเซียได้ตระหนักถึงสิ่งที่ควรพึงระวังอย่างแท้จริง

ทีนี้มันเป็นเรื่องของจิตวิทยาอย่างหนึ่งในแง่ของพฤติกรรมเลทิเซียที่เหมือนจะระวังแค่กับตัวตนที่เรียกว่า ‘อันน่า’

เนื่องจากอันน่าเป็นเหมือนด้านลบของร่างกายนี้ ความสนใจทั้งหมดของเลทิเซียจึงพุ่งไปที่อันน่า อาจจะแปลกนิดหน่อยแต่สิ่งที่เลทิเซียระวังคือด้านลบของมนุษย์

มันก็เหมือนกับการที่มีดาบคมเดียวฟันมา เลทิเซียต้องหลบคมนั้นอยู่แล้วเพราะไม่อยากโดนฟัน

แต่ถ้าลองเอาสันดาบที่ไม่มีคมฟันมา เลทิเซียจะไม่รู้สึกว่า ‘สันดาบนี้’ สามารถตัดตัวเองได้ นั่นก็คือการระวังตัวจะมุ่งเน้นไปที่ดาบจะฟันจนขาด

แทนที่จะถูกสันฟาด.. ใช่.. ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ แล้ว คนเราจะกลัวในเป้าหมายวัตถุประสงค์หลักของสิ่งนั้นๆ

ดาบออกแบบมาเพื่อนฟัน แล้วเราจะไปกลัวการโดนสันดาบฟาดทำไมล่ะ สู้ไม่ไปสนใจและระวังคมดาบมันดีกว่า

เหมือนกับปืนที่ออกแบบมาเพื่อยิง จะมีใครที่ไหนกลัวโดนเอาปืนไล่ฟัน ถ้าจะกลัวอะไรแบบนั้นสู้ไประวังว่าอีกฝ่ายจะถูกยิงออกมาตอนไหนดีกว่า

ใช่แล้ว นี่คือสิ่งที่เรียกว่าวัตถุประสงค์หลักของสิ่งต่างๆ และสิ่งที่มากกว่าวัตถุประสงค์หลักนั่นเอง

และสำหรับเลทิเซียแล้ว เธอมองว่ามนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากครอบครัวตัวเอง อาจจะมีวัตถุประสงค์เพื่อทำร้ายตัว ‘เลทิเซีย’ อยู่ก็เป็นได้

เธอจึงหวาดระแวงในตัวทุกๆ คน แต่ทุกคนนั้นไม่มีจุดแบ่งที่ชัดเจนเหมือนดาบหรือปืนว่าคนนี้จะทำร้ายตัวเลทิเซียหรือไม่?

เพราะเลทิเซียนั้นอ่านใจไม่ได้สักหน่อย ดังนั้นเธอต้องระวังในทุกๆ ความเป็นไปได้นั่นเอง ตรงกันข้ามกับตัวตนของชาร์ล็อต

หากให้เลทิเซียมองชาร์ล็อตก็เป็นเหมือนแสงสีขาวที่ไม่คิดอะไรมีเพียงด้านบวก ในขณะที่อันน่าคือความมืดสีดำด้านลบของตัวตน

แต่ก็ใช่ เลทิเซียไม่มีทางรู้หรอกว่าชาร์ล็อตคิดยังไงกับตัวของเธอเอง มันก็เหมือนกับเคสก่อนหน้าเลยนี่?

ดังนั้นถึงได้อธิบายไปในก่อนหน้านี้ว่ามนุษย์นั้นจะกลัวแค่ในวัตถุประสงค์หลักของสิ่งต่างๆ ใช่เลทิเซียที่มองว่าทุกคนเป็นคนที่ต้องระวัง

ตัวตนของชาร์ล็อตก็ไม่ต่างกันออกไปเลยแม้แต่นิด

เพียงแต่ว่าวัตถุประสงค์หลัก (ที่คิดร้ายต่อตัวเลทิเซีย) ของตัวตนที่เรียกว่า ‘ชาร์ล็อต’ นั้นคือตัวตนอันน่า

ดังนั้นสิ่งที่เลทิเซียระวังจึงมีเพียงอันน่า ส่วนวัตถุประสงค์อื่นนั้นเลทิเซียไม่ต้องระวังมาก.. หากเปรียบเทียบละก็ตัวอันน่าก็คงเป็นคมดาบ

ส่วนชาร์ล็อตเป็นสันดาบในมุมมองของเลทิเซีย แน่นอนว่าคนแบบเลทิเซียนั้นต่อให้เป็นสันดาบก็ต้องระวังอยู่ดี

แต่นั่นมันเป็นเรื่องของหลักการในตัวของเลทิเซียเท่านั้น ตัวตนของเลทิเซียไม่ได้ประกอบขึ้นจากหลักการและหลักเหตุผลเท่านั้น

มนุษย์หาได้มีแค่เหตุผลแต่ยังมีอารมณ์และความรู้สึกด้วย แน่นอนว่าเลทิเซียนั้นไม่ได้มองว่าอันน่าคือคม ชาร์ล็อตคือสันดาบ

เธอมองว่าชาร์ล็อตกับอันน่าคือคนคนหนึ่งที่อยู่ในตัวตนเดียวกันแต่ก็แบ่งแยกอย่างชัดเจน จึงทำให้ตัวตนของชาร์ล็อตนั้นเป็นคนที่เลทิเซียไม่ได้หวาดระแวง

เธอมุ่งความหวาดระแวงไปที่จุดประสงค์หลักของมนุษย์คนนี้.. นั่นก็คืออันน่า นี่เป็นเหตุผลที่เลทิเซียในบางครั้งนั้นมีท่าทางเหมือนอยู่กับทสึรุหรือเลวิเนียโดยไม่รู้ตัวตอนอยู่กับชาร์ล็อต

เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเลทิเซียถึงสามารถแยกได้ว่าใครคือชาร์ล็อตใครคืออันน่า โดยที่แม่แต่ตัวเลทิเซียเองก็งงเช่นกัน

นั่นเป็นเพราะสัญชาตญาณ หากเป็นอันน่าตัวเองต้องระวัง หากเป็นชาร์ล็อตก็ไม่มีอะไรในกอไผ่นั่นเอง

ดังนั้นคำพูดที่ใสสะอาดของชาร์ล็อตที่บอกว่า ‘พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่น่า’ หากเป็นคนอื่นเลทิเซียคงไม่มีผลกระทบ

แม้แต่ทสึรุยังต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลทิเซียนั้นอยู่ในสภาพที่สิ้นหวังเสียก่อนถึงจะสร้างความสั่นไหวให้เลทิเซียได้

แต่ว่าเพียงคำพูดที่เรียบง่ายของชาร์ล็อตมันกลับทำให้เลทิเซียคิดมากจนสับสน ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะจิตใจของเลทิเซียไม่มั่นคง

เพราะคำพูดของชาร์ล็อตที่ทำให้นึกถึงเรื่องของเลวิเนีย พอเธอมาพูดกระตุ้นต่อมเลทิเซียมันจึงทำให้เลทิเซียเหมือนตกอยู่ในสภาพของวันนั้นเลย

วันที่ทสึรุช่วยเธอจากหุบเหวความตาย

“ทำไม… เพื่อน.. เพื่อน…งั้นเหรอ..”

เลทิเซียนั้นไม่เคยเข้าใจคำว่าเพื่อนเลย ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือหลังจากที่ตัวเองยอมรับทสึรุ.. แต่แม้จะยอมรับแต่ก็หาได้ยอมรับในฐานะเพื่อน

สำหรับเลทิเซียนั้น คำว่าเพื่อนยังคงห่างไกลจากเธอและพยายามจะปฏิเสธมันเสมอมา แต่ไม่ว่าจะเป็นทสึรุหรือชาร์ล็อตทำไมทั้งสองถึงพูดถึงมันอีกแล้ว

เลทิเซียไม่เข้าใจสีหน้าของเธอถึงได้บิดเบี้ยวอย่างที่ชาร์ล็อตมองเห็น ชาร์ล็อตถอยหลังไปด้วยความสับสน

เธอพบว่าตัวเองทำผิด และบางทีตัวเธอเองอาจจะไม่เข้าใจอะไรในเลทิเซียเลย.. ความรู้สึกผิดและความเสียใจก่อตัวขึ้นมันทำให้เธอไม่รู้จะทำยังไง

“พวกเรา… ไม่ใช่เพื่อน…”

“ข้า….”

ความเจ็บปวดที่แสดงลอดออกมาจากคำพูดนั้นมันทำให้หัวใจของชาร์ล็อตบีบรัดแน่น… คำพูดที่แสนเย็นชานั้นเหมือนเป็นน้ำเย็นที่ราดใส่ตัวของชาร์ล็อต

เธอไม่รู้จะพูดอะไร คำที่จะพูดปลอบใจถูกกลืนเข้าไปในท้องจนหมด มือของเธอยื่นออกไปอยากจะอธิบายอะไรสักอย่าง

แต่ทว่าเลทิเซียก็ปัดมือเธอทิ้ง

“อย่ามาแตะตัวฉัน!”

หัวใจของชาร์ล็อตเหมือนถูกขาด เธอถอยหลังไปอีกหลายก้าว.. เธอไม่มีคำจะพูด ไม่มีคำจะกล่าวอะไร…

ร่างเหมือนไร้เรี่ยวแรง แต่ในตอนนั้นร่างกายเธอเหมือนจะขาดการควบคุมไป ดวงตาของเธอเบิกกว้างปากพยายามจะเปิดออก

“ไม่..”

เธอสัมผัสได้ถึงความโกรธของอันน่าที่กำลังจะควบคุมเธอได้ แต่ก็ไม่ทันซะแล้วอันน่าเข้าควบคุมร่างของชาร์ล็อตพร้อมกับตะโกนในห้องน้ำ

“น่ารำคาญโว้ย เธอจะอะไรนักหนายัยนี่แค่อยากช่วยเธอไม่ใช่หรือไง จะตะโกนใส่คนอื่นทำไมห๊ะ?!”

อันน่าตะโกนใส่เลทิเซียพร้อมกับผลักเลทิเซียจนติดผนัง จนเลทิเซียไม่สามารถโต้ตอบได้

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่า เธอไปโกรธใครอารมณ์เสียมาจากไหน แต่ถ้าจะมาทำตัวเหมือนเด็กๆ โวยวายใส่เพื่อนตัวเองเพราะคนอื่นแบบนี้ ฉันไม่ยกโทษให้เธอแน่”

“….คำก็เพื่อน สองคำก็เพื่อน.. พวกแกมันแค่คนที่โกหกฉันไม่ใช่หรือไง?!”

เลทิเซียตะโกนออกมามือของเธอมีหมอกสีดำปกคลุมก่อนที่จะคว้าจับคอของอันน่ากระแทกลงกับพื้น

“ใช่ พวกแกมันเป็นศัตรู…. ศัตรูของฉัน แค่..กำจัดทิ้งก็พอ.. จะมากพิธีรีตองทำไม..ในเมื่อฉันมีพลัง.. ก็แค่ฆ่าเท่านั้น”

“นี่มันอะไร…”

ร่างกายของอันน่าถูกกดทับความเจ็บปวดแทรกซึมเข้าไปในผิวหนัง พลังอันแข็งแกร่งที่มากยิ่งกว่าตอนอยู่ในโลกชิ้นส่วนไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

มืออีกข้างมีพลังสีดำเป็นเหมือนใบมีดจ่อไปที่คอของอันน่า … เลทิเซียสติแตกไปแล้ว.. สำหรับเธอคำว่าเพื่อนคือคำหลอกลวง

ทุกคนบนโลกนี้แสดงละครต่อหน้าเธอทั้งหมด เธอจะเอาตัวรอดโดยเลี่ยงการต่อสู้มาตลอด ไม่ใช้พลังเพราะหากยิ่งใช้ก็จะยิ่งพึ่งแต่พลัง

หากวันหนึ่งมีศัตรูที่เหนือกว่ามาเธอคงสู้ไม่ได้และอีกเหตุผลก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะเก่งกว่าตัวเธอเอง แต่บัดนี้ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา

ทุกอย่างที่บีบคั้นหน่วงหัวใจของเธอและคำพูดอ้างคำว่าเพื่อนอันน่าขยะแขยงของศัตรูที่ตัวเองต้องคอยระวังตลอดไม่อยากตอบโต้

แต่อีกฝ่ายก็ลงมือใส่ตัวเธอเอง เหตุผลมากกว่าร้อยแปดทำให้เลทิเซียระเบิดความโกรธออกมา.. สภาพเธอในตอนนี้ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก…

เพราะภายใต้ความโกรธแค้นและต้องการที่จะฆ่า ยังมีความเจ็บปวดเสียใจ แม้แต่มือเองก็ยังสั่น

“แค่ก..แค่ก..”

เสียงไอของอันน่าดังขึ้นในห้องน้ำ ผิวหนังของเธอเริ่มซีดเขียวลงเพราะผลกระทบจากพลังเวทที่มากเกินไป…

……..

[สิ่งที่นิยายต่างโลกขาดไม่ได้คือฉากเซอร์วิสสินะ ผมเลยจัดให้ฉากเซอร์วิสในห้องน้ำ ทั้งเลทิเซียและชาร์ล็อตต่างก็เปลือยเปล่าในห้องน้ำและจับกดกันไปจับกดกันมา ⊙﹏⊙ – ผู้เขียน]

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท