การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 146

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 146 – ข้อเสนอของปีศาจ

ฉันลอยอยู่ในความมืดมิด มีเพียงเสียงของบางอย่างที่ดังก้องอยู่ในความมืดนั้น มันดูไม่พอใจฉันเอามากๆ

เป็นเสียงที่ไม่รู้จักแต่กลับเคยได้ยินมาก่อน ไม่สิ.. ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยเจอแบบนี้ แต่ตอนไหนกันล่ะ? จำไม่ได้เลย

ฉันลืมตาขึ้นช้าๆ ตรงหน้าฉันมีบางสิ่งบางอย่างก่อตัวขึ้นอยู่ บ้างก็มีแขนขา บ้างก็มีหกตา บ้างก็กลายเป็นสัตว์เหมือนกับไม่มีรูปร่าง

ฉันตกใจกับสภาพตรงหน้าจนต้องถอยหลังออกไปหลายก้าว

“เจ้าเอาอีกแล้ว หากยังเป็นแบบนี้อีกกี่ปีข้าถึงจะได้ถือกำเนิด..”

“แกเป็นตัวอะไร?!”

ฉันไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไรแต่เสียงที่ไม่พอใจนั้น มันทำให้ฉันรู้ว่าเจ้าคนตรงหน้ามีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อฉันอย่างชัดเจน

“ข้าในตอนนี้ยังไม่มีตัวตน .. แต่นั่นก็เป็นเพราะเจ้า หากเจ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ข้าคงไม่มีทางได้เกิดขึ้นมาแน่”

“หมายความว่าไง?! เป็นแบบนี้? แกหมายถึงอะไร?”

ฉันสับสนในคำพูดของมัน แต่ฉันมั่นใจว่ามันกำลังคิดจะหลอกลวงฉันแน่ๆ ก็แบบว่า นี่เป็นโลกแฟนตาซีใช่ไหมล่ะ แถมยังปีศาจด้วย

ถ้าหากจะมีการล่อลวงของปีศาจก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ มันจะต้องใช้คำพูดยั่วยวนและดึงดูดมาแน่ๆ

ไม่เป็นไรในโลกนี้สิ่งที่สามารถใช้ต่อรองกับฉัน และดึงดูดความสนใจจากฉันนั้นมีไม่มากหรอก..

“จะใช่แบบนั้นจริงๆ อย่างนั้นเหรอ? สำหรับเจ้าแล้วคนเหล่านั้นจะไม่สำคัญกับตัวเองจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?”

“……”

“ไม่ต้องห่วง นี่ไม่ใช่การหลอกลวง แต่เป็นข้อเสนอต่างหาก แลกกับการที่ข้าจะทำให้ชีวิตของเจ้ากลับมาปกติยังไงล่ะ”

“ปกติ? ชีวิตของฉันปกติทุกอย่าง แกพลาดแล้วเจ้าปีศาจ”

ฉันยิ้มออกมา ชีวิตในตอนนี้ของฉันมีทสึรุ.. มีน้องสาวและมีรูมเมจที่เชื่อใจฉันถึงขนาดมอบของสำคัญให้

และระแวงต่อคนอื่นที่จะมาทำร้ายตัวเอง มันปกติดี ทุกอย่างยังคงปกติดี…

“เจ้าเป็นคนเอาแต่ใจจังนะ ทำคนอื่นเจ็บแล้วก็ปล่อยให้เขาหวาดกลัวในวังวนแห่งอดีต ในขณะที่ตัวเองกลับลืม เพราะการสั่นสะเทือนทางอารมณ์ที่มากเกินไป”

“หมายความว่าไง!?”

“ก็การที่เจ้ารู้สึกสั่นสะเทือนทางอารมณ์มันทำให้ข้าตื่นขึ้นจากความว่างเปล่าละนะ..”

ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้น ดวงตาของฉันจ้องไปที่มัน ที่มันพูดหมายถึงอะไร? ฉันลืมอะไร? ไม่สิ นี่อาจจะเป็นคำโกหกของมัน

แต่ว่าความทรงจำบางส่วนของฉันก็จำไม่ได้ เหมือนก่อนหน้านี้เลย ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยเป็นแบบนี้ ใช่.. เมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่เข้าโรงเรียน

นี่ร่างกายฉันมีอะไรผิดปกติอย่างงั้นเหรอ?

“อ้อ ข้าเข้าใจแล้วๆ บางทีเจ้าคงหมายถึงเรื่องก่อนหน้านี้สินะ งั้นข้าจะพยายามดึงความทรงจำที่หายไปกลับมาให้ละกัน”

เจ้าสัตว์ประหลาดนี้ยกแขนที่เหมือนจะมีรูปร่างและไม่มีขึ้น ในตอนนั้นเองท้องฟ้าเบื้องบนก็มีแสงเจิดจ้าลงมาจากไหนไม่รู้

แสงนี้ไม่ใช่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ แต่มันทอแสงได้เหมือนแสงจันทรามากกว่า ในตอนนั้นเองความทรงจำที่เกิดขึ้นก็หลั่งไหลเข้ามา

สิ่งที่เกิดขึ้นทำเอาหัวใจฉันรู้สึกปวดร้าวและทรมาน…. ฉัน…ฉันทำอะไรลงไป ทำแบบนั้นกับเลวี่

ทำแบบนั้นกับรูมเมจ.. ฉัน ฉัน.. มือของฉันสั่นด้วยความกลัวนี่คือความกลัว ฉันรู้สึกผิด

ทำไมกันล่ะ ถึงจะเป็นรูมเมจแต่ก็มีอันน่าในตัวที่เป็นศัตรูกับฉันไม่ใช่เหรอ ฉันกลัวอะไร ฉันเคยฆ่าคนมาแล้วนะ

ฉันมันเป็นคนชั่วที่ฆ่าคนอื่นไปแล้วนะ ก็แค่เกือบฆ่าศัตรู… ทำไม ทำไม.. ทำไมฉันต้องเอาชาร์ล็อตไปเปรียบเทียบว่าหากคนที่โดนฉันบีบคออยู่เป็นทสึรุล่ะ

พวกเธอต่างกันนะ อีกคนอาจจะเป็นศัตรูกับทสึรุที่เป็นคนสำคัญ ทำไมฉันต้องเอาไปเปรียบเทียบ

“…นี่คือความจริง.. ใช่สิ่งที่ข้าจะทำไม่ใช่การหลอกลวงแต่เป็นข้อเสนอต่างหาก..”

“ฉัน… ฉัน….”

“ใช่ ข้ารู้ว่าเจ้ากลัว ข้ารู้จักเจ้าตั้งแต่เจ้าถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้..หรืออาจจะเป็นก่อนหน้านั้น เพราะเจ้ากลัวจนไม่สามารถที่จะแก้ไขมันได้.. ข้าจะช่วยมันเอง”

“…..”

“ผลประโยชน์นี้มันไม่ได้มีแค่เจ้า เพราะหากเจ้ายังเป็นแบบนี้ข้าก็คงต้องไม่สามารถถือกำเนิดขึ้นมาได้แล้ว พวกเราน่ะคือหนึ่งเดียวกัน เมื่อเจ้าไม่สามารถกระทำ.. หน้าที่นั้นจะเป็นของข้า”

หัวสมองฉันเริ่มจะว่างเปล่า ความรู้สึกที่อยากจะปล่อยวาง ไม่สิ.. มันคือความกลัว ฉันกำลังกลัวและไม่กล้าที่จะสู้หน้าใคร

ไม่กล้าที่จะไปขอโทษ ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองผิด ไม่กล้าที่จะไปพูดคุยอย่างเปิดอกกับเลวิเนีย

ความรู้สึกที่อยากจะปล่อยวางและให้คนอื่นมาทำแทนเหมือนงานที่โยนให้คนอื่น.. ของแบบนั้นฉันรู้ว่ามันทำไม่ได้

เพราะนี่คือชีวิตของฉัน.. ทางเดียวที่มีคือออกไป แต่.. ฉันไม่กล้า ก็บอกว่าไม่กล้า ใครจะไปมองหน้าติด ฉันทำไม่ได้!!!!

แต่ … เอ๊ะ.. นี่ฉันคิดมากเรื่องของคนที่ไม่เกี่ยวพันกับตัวเองทำไม.. ทั้งๆ ที่แต่ก่อนฉันจะสนใจแค่ว่าลูเซียรู้สึกกับฉันยังไง พี่เอลน่าโกรธฉันอยู่หรือเปล่า

แต่ทำไมตอนนี้ฉันต้องมากังวลในเรื่องแบบนี้ด้วยกันล่ะ… คำตอบนั้นฉันรู้ แต่ฉันไม่กล้าที่จะยอมรับ ฉัน…ไม่อยากจะเจอหน้าใครเลย…

“ใช่.. นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุด.. เชื่อข้า ข้าจะช่วยเจ้าเอง”

ดวงตาของฉันปิดลง… ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ไม่กล้าที่จะเจอหน้ากับคนที่ตัวเองพึ่งโวยวายใส่

………

ในความเป็นจริงมันไม่มีใครถูกหรือผิด ทุกคนมีความอัดอั้นเสียใจอยู่ในตัวไม่ว่ามนุษย์จะมีมุมมองอคติแบบไหน

แต่บางครั้งการทำบางอย่างก็ถูกตัดสินใจขึ้นโดยสิ่งที่เรียกว่าอารมณ์และความรู้สึก เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มันคือสิ่งที่ไม่แน่นอน

และบางทีอารมณ์หรือความรู้สึกเหล่านี้มันทำให้เลทิเซียไม่กล้าที่จะสู้หน้าใคร ในตอนนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอเจ็บปวด

มันทำให้เธอเศร้า จนอารมณ์และความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผลไป เธอในตอนนี้จึงต้องการที่จะปิดหูปิดตา

ปิดหูปิดตาหายลงไปในกรอบมืดๆ บางทีการทำแบบนั้นมันอาจจะทำให้เธอไม่ต้องกลัวสายตาของคนที่มองเธอเปลี่ยนไป คงไม่ต้องกลัวการพูดคุยกับเลวิเนีย

คงไม่ต้องรู้สึกแย่กับความรู้สึกที่ได้ของใหม่เลยทิ้งของเก่า…

ในชีวิตนี้…

มันก็มีบ้างใช่ไหมล่ะ?

ไอ้ความรู้สึกที่ไม่อยากจะไปต่อ ไม่กล้าจะไปต่อแต่จะฆ่าตัวตายก็ไม่กล้าหรืออาจจะทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้จึงมีเพียงการหลีกเลี่ยง

ใช่.. เลทิเซียกำลังทำแบบนั้นและบนโลกใบนี้สักครั้งในชีวิตคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เคยรู้สึกแบบนี้..

ไอ้ความรู้สึกบ้าๆ ที่อยากโยนทุกอย่างทิ้งไว้ข้างๆ แล้วนอนอยู่ในความมืดที่จะไม่มีวันสลายไปแห่งนี้น่ะนะ

………..

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท