บทที่ 148 – เลทิเซียกับสเตฟานี่
“อืมมม”
เลทิเซียที่นั่งอยู่ในโรงเรียนก็เปิดปากออกส่งเสียงงัวเงียเหมือนคนง่วงนอนออกมาก่อนจะฟุบลงบนโต๊ะเรียนแล้วนอนหลับไปทั้งแบบนั้น
อันที่จริงมันเป็นเพราะทุกอย่างเลทิเซียรู้อยู่แล้วล่ะนะ เพียงแต่ว่าที่น่าตกใจคือแม้เลทิเซียจะรู้อยู่แล้วแต่เธอไม่เคยอ่อนข้อหรอก
เธอต้องเรียนรู้ฟังและจดจำ เอามาเปรียบเทียบและหาช่องว่างนั่นเอง ดังนั้นการเรียนการสอนในทุกๆ ครั้งกว่าที่เรียนมา
เลทิเซียแทบจะรู้จักตั้งแต่แรกอยู่แล้วนั่นเอง แต่เธอก็ไม่เคยหลับในห้องเรียนสักครั้ง เรื่องนี้สำหรับคนอื่นอาจจะไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
แต่ทสึรุที่เห็นเลทิเซียนอนหลับในเวลาเรียนถึงกับอึ้งทันที ยังไงซะตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมาเลทิเซียก็เป็นคนขยันขันแข็งคนหนึ่ง
การที่เธอเปลี่ยนไปแบบนี้ทสึรุก็สัมผัสได้ในทันที เธอลังเลเล็กน้อยแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า
“วันนี้เธอตื่นสายซะด้วยสิ.. หรือว่าเมื่อคืนเธอตื่นขึ้นมาแล้วนอนไม่หลับกันนะ…?”
ในขณะที่ทสึรุกำลังคิดแบบนั้นเอง สายตาของอาจารย์ที่สอนอยู่ก็เพ่งเล็งมาที่เลทิเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ในมุมมองของเธอ การที่มีคนหนึ่งอู้เรื่องการเรียนการสอน เธอไม่คิดจะหยุดจนนักเรียนคนอื่นที่กำลังตั้งใจฟังอยู่หยุดชะงัก
เธอจึงสอนต่อไป แต่เรื่องของเลทิเซียหลับในคาบนั้นเธอได้คิดไว้แล้วจะจัดการยังไง … แล้วก็ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้จนถึงเที่ยงวันเลทิเซียถึงได้ตื่น
แต่พอเข้าเรียนก็ลงไปนอนอีกรอบ ทสึรุที่อยู่ด้านข้างเองก็เริ่มไม่มั่นใจ
“วันนี้เลทิเซียเป็นอะไรไป คำพูดกับท่าทางต่างจากเมื่อวานด้วย จะบอกว่าไม่สบายก็ไม่น่าจะใช่นี่น่า”
ทสึรุขมวดคิ้วเป็นปมคิดด้วยความสับสนในขณะที่มองหน้าเลทิเซียที่นอนหลับ จนพอตกเย็นถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว
เพราะทสึรุกับเลทิเซียสมัครเข้าเรียนพิเศษเกินเวลา เวลาเลิกเรียนจึงค่อนข้างช้ามาก อันที่จรนี่เป็นความปรารถนาของเลทิเซียเองที่จะเรียนตามคนอื่นให้ทันเลยให้ทสึรุมาลงสมัครให้
ทสึรุจึงสมัครด้วยเพราะไม่อยากให้เลทิเซียอยู่คนเดียว นอกจากทสึรุกับเลทิเซียก็ยังมีนักเรียนอีกสามสี่คนที่เรียนพิเศษเกินเวลา
“เอาล่ะบทเรียนวันนี้มีแค่นี้แหละ ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว”
คุณครูเวโรเน่พูดขึ้นก่อนที่จะสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวและเข้านอน ทสึรุก็ปลุกเลทิเซียที่อยู่ด้านข้าง
“เลทิเซีย เลทิเซีย ตื่นได้แล้ว…”
“อะ… อืม.. จบแล้วเหรอ..”
เลทิเซียที่พึ่งตื่นนอนก็หาวนอนอยู่สองสามทีกำลังจะยืดเส้นยืดสาย แต่ในตอนนั้นเองเสียงตอบกลับก็ดังขึ้นแต่ไม่ใช่เสียงตอบกลับของทสึรุ
แต่เป็นเสียงตอบกลับของเวโรเน่ที่เดินเข้ามา
“ใช่แล้ว จบแล้วล่ะของคนอื่นน่ะนะ ส่วนของเธอน่ะยังไม่จบหรอก”
“เอ๊ะ… เอ่อ..”
พอได้ยินเสียงของเวโรเน่เลทิเซียถึงกับสะดุ้ง เธอตกใจมากว่าทำไมคุณครูถึงเพ่งเล็งมาที่ตัวเองทั้งๆ ที่เด็กในห้องมีเยอะแยะ
เธอแค่นอนหลับเองนะ
“มีอะไรเหรอ อาจารย์?”
เลทิเซียไม่รู้จะพูดอะไร เกาแก้มนิดหน่อยก่อนจะเงยหน้ามองคุณครูเวโรเน่แล้วถามขึ้นด้วยเสียงที่สงสัยและไม่เข้าใจ..
แต่เวโรเน่ก็โยนกองกระดาษที่หนาเป็นไม้อัดลงมาที่หน้าโต๊ะ ก่อนที่จะพูดขึ้น
“นี่คือข้อสอบบทความที่เธอต้องเขียนส่งฉันภายในเดือนนี้ก่อนจะจบการเรียนพิเศษ เนื้อหาจะต้องเกี่ยวกับความรู้เรื่องการเรียนพิเศษของการเรียนพิเศษ”
“ยะ.. เยอะขนาดนี้เลย ล้อเล่นหรือเปล่า เห็นแบบนี้ข้าเองก็ฟังอาจารย์อยู่นะโจทย์ข้อไหนถามมาได้เลย ข้ามั่นใจว่าตัวเองตอบได้!”
เลทิเซียถึงกับสะดุ้ง ถึงเธอจะมีความรู้เรื่องต่างๆ แต่จะให้เขียนบทความเป็นเล่มนี่ มันเหนื่อยนะ
“เพราะแบบนั้น ฉันถึงได้ให้เธอเขียนไม่ใช่หรือไง งั้นก็รีบกลับหอไปพักได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า”
ว่าแล้วคุณครูเวโรเน่ก็จากไปทิ้งไว้แค่กระดาษสีขาวอันหนาปึกที่เลทิเซียต้องเขียน ทสึรุที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะแห้งๆ
“แฮะๆ สู้ๆ เข้านะ!”
“ทสึรุเจ้าต้องช่วยข้าน—”
“อ๊ะ วันนี้ข้ามีนัดกับเพื่อนนี่น่า แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ!”
เลทิเซียจิตตกกำลังจะหันไปขอความช่วยเหลือแต่ทสึรุก็เหงื่อแตก รีบหาข้ออ้างทันที เพราะถ้าเลทิเซียไม่ไหวตัวเธอจะไหวได้ไงล่ะ..
แต่ว่านะถึงจะบอกว่ามีนัดกับเพื่อน แต่ทสึรุยังไม่ได้สนิทกับใครขนาดนั้นนี่น่า.. เลทิเซียถึงกับคอตกเลย
“ข้าไม่ได้มาช่วยเจ้าทำการบ้านสักหน่อยนะ เจ้าออกมาทำเองสิ”
“…..”
ไม่รู้ว่าเลทิเซียพูดกับใครแต่ก็ไม่มีใครตอบรับเธอ ทำให้เจ้าตัวรู้สึกท้อแท้ขึ้นมาอีกรอบ แต่ในตอนนั้นเอง
“เอ่อ..คือว่า…”
“หือ… เธอคือ?”
เลทิเซียค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ในมือกอดหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ ท่าทางเหมือนชนชั้นสูงพอสมควร
แต่เลทิเซียเห็นก็พอจำได้เธอคือเพื่อนร่วมชั้นที่รู้สึกว่าจะชื่อสเตฟานี่ เอเลซิส พอเห็นเลทิเซียตอบเธอก็พูดขึ้น
“ข้าคือสเตฟานี่ ยินดีที่ได้พบค่ะ ท่านเลทิเซีย แล้วก็ขอบคุณค่ะ!”
“ขอบคุณข้า? เรื่องอะไรเหรอ?”
เลทิเซียเอียงคอด้วยความสับสน ไม่ยักรู้ว่าเคยไปทำอะไรให้ใครขอบคุณ แถมเป็นคนที่แทบไม่ได้คุยด้วย
เพราะเจ้าตัวเป็นคนที่ดูยุ่งมากๆ ด้วย บางครั้งก็ไม่อยู่ที่ห้องเรียนแต่พอกลับมาก็จะมีบาดแผลบนแขนแบนขาอีก
แถมไม่ค่อยได้คุยกันเลยด้วยนะ ถึงจะอยู่ห้องเดียวกันมาสองเดือนแล้วก็เถอะนะ …
“ลืมไปแล้วจริงๆ สินะคะ ข้าคือคนที่ท่านเลทิเซียช่วยไว้เมื่อหลายเดือนก่อนไงคะ”
“อืม.. ช่วยไว้…? อืมมมมม”
“เอ่อ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็เป็นคนแปลกหน้านี่น่า”
“อ้อ ข้าจำได้แล้วเจ้าคือคนเมื่อตอนนั้น!!”
ใช่แล้ว เลทิเซียจำได้แล้วตอนออกเดินทางจากอาณาจักรมา เธอไปเห็นเหตุการณ์ลักพาตัวของโจรและช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้
แถมยังเป็นครั้งแรกในหลายปีที่ไม่ได้นึกถึงพี่สาว.. อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้ฆ่าคนด้วยมือของตัวเอง พอจำได้เลทิเซียก็พูดออกมา
“ข้าจำได้แล้ว ว่าแต่เจ้าเองก็มาเรียนที่นี่สินะ โลกนี่มันกลมดีจริงๆ เลย”
“ค่ะ!”
เธอที่ตอนแรกเหมือนจะเสียใจที่เลทิเซียจำไม่ได้ แต่พอเลทิเซียจำได้เธอก็ยิ้มจนแก้มปริเลยทีเดียว
“ว่าแต่ ปกติท่านเลทิเซียไม่นอนหลับในคาบไม่ใช่เหรอคะ? แล้วทำไมวันนี้ถึงได้หลับในคาบ แถมยังหลับในคาบของอาจารย์เวโรเน่อีก!”
“อืม.. เธอเป็นใครงั้นเหรอ รู้สึกว่าซิลเวียก็บอกว่าเธอดุมากๆ”
“จากที่ข้าฟังมา เธอคืออาจารย์สุดโหดที่หากนักเรียนไม่ทำการบ้านที่เธอสั่งละก็…”
“….?”
“เธอจะใช้แส้เวทมนตร์ที่ทำจากหางกระเบนมรณะที่มีอายุกว่าร้อยปีเลยนะ!”
“…เด็กที่โดนฟาดรอดมาได้ไงเนี่ย ว่าแต่ใช้ของแบบนั้นฟาดเด็กอายุไม่ถึงสิบห้านี่… มันโรงเรียนหรือศูนย์ฝึกนรกในประเทศไหนสักแห่งเรอะ”
เลทิเซียอึ้งไปพักหนึ่งแต่ก็รู้สึกขำ กระเบนมรณะเป็นอสูรประเภทหนึ่งเลยนะ หางมันก็ต้องแข็งแรงกว่าปลากระเบนอยู่แล้ว
ถ้าโดนฟาดเข้านี่ อืม.. ตาย.. สเตฟานี่ที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเบาๆ เธอเองก็คิดเหมือนเลทิเซียแหละนะ
“เอ่อคือว่า.. ถ้าต้องการ ข้าช่วยได้นะ..”
“เอ๊ะ จะดีเหรอ?”
“แน่นอนค่ะ! แต่ข้าเองก็มีเรื่องอยากให้ท่านเลทิเซียช่วยเหมือนกัน…”
“อะไรเหรอ?”
“คือว่า.. ข้าเรียนวิชาเวทไม่ค่อยเข้าใจเลย.. อยากให้ท่านเลทิเซียช่วยติวสอนจะได้หรือเปล่าคะ เอ่อ คือถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไรนะคะ”
“อะไรกันเรื่องแค่นี้เอง!”
เลทิเซียยิ้มเลย ยังไงซะเธอก็มีสูตรโกงจากพระเจ้าติดตัวมาด้วยเรื่องความรู้พื้นฐานของโลกนี่ แน่นอนว่าไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน
พอได้ยินคำพูดของเลทิเซียสเตฟานี่ก็ยิ้มแล้วก็ตอบอย่างกระตือรือร้น
“จริงเหรอคะ! ขอบคุณมากค่ะ!”
……….