การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 150.1 บทพิเศษ

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทพิเศษ (3)

บทความรักของสามพี่น้อง

ในเช้าอันปกติ ชายหนุ่มที่ชื่อเรนนอนตื่นขึ้นมาในห้องนอนเงียบๆ ก่อนที่จะบุกขึ้นและเดินลงจากบ้านไป

“พี่—”

ในขณะที่เขากำลังจะกล่าวทักทายอรุณสวัสดิ์ ก็หยุดชะงักลงกะทันหัน ในบ้านที่ค่อนข้างกว้างนี้มีเพียงความเงียบ แม้เป็นตอนเช้ามันกลับดูมืดมิดในสายตาของเรน

จะว่าไปแล้ว.. พี่ของเขาจากไปแล้วนี่น่า เขายังไม่ชินกับมันเลย ยังไม่ชินกับบ้านหลังนี้ที่ไม่มีพี่สาวเลย

บ้านหลังนี้เคยมีคนอยู่ด้วยกันเพียงสามคน แต่ตอนนี้หนึ่งในสามได้หายไปแล้ว เสาหลักของบ้านไม่มีแล้ว

เรนเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าห้องครัวไป ก็เจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทำอาหารอยู่ เรนมองไปที่เด็กผู้หญิงที่ว่านั้น..

“อรุณสวัสดิ์ ลูเซีย”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่.. ฉันต้องไปเรียนแล้วอสาหารอยู่บนโต๊ะนะ แล้วก็วันนี้ฉันจะกลับดึกหน่อยนะ”

“อืม…”

ลูเซียออกจากบ้านไปเงียบๆ แต่ก่อนที่เธอจะออกไปเธอก็หันกลับมามองในบ้านเงียบๆ ก่อนที่จะออกบ้านไปเงียบๆ

เรนกินอาหาร ทำธุระส่วนตัวตอนเช้าก็ออกไปทำงาน … ในวันที่ธรรมดาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

เพียงแต่ในใจอันว้าเหว่ของเรนรั้นกลับยิ่งชัดเจนแสดงให้เห็นถึงความเหงาหงอยที่แสดงผ่านอารมณ์และสีหน้า

อาหารที่จืดชืด เช้าวันใหม่ที่แทบไร้แสง ร่างกายก็เหี่ยวเฉา …

“ทำไม.. คนเราถึงต้องตาย…”

เรนถามกับตัวเอง แน่นอนว่ามันไร้ซึ่งคำตอบ ตัวเขาเองไม่เคยเข้าใจแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะมาถึงแล้ว

การเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าความตายได้นำพาพี่สาวของเรนจากไปอย่างเงียบเชียบ ไร้ระลอกคลื่นใดๆ

สงครามโลกครั้งที่สามก็ยังคงดำเนินต่อไป ไวรัสที่ระบาดของโรคชนิดใหม่ก็ยังไม่หายไปไหน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อโลกที่โหดร้ายใบนี้

เพียงแต่ว่ามันกลับส่งผลกระทบต่อโลกของคนคนหนึ่งจนพังทลาย เรนนั่งอยู่ในห้องครัวเงียบๆ ในความมืดตอนกลางคืนที่เงียบเหงามีเพียงเรนที่นั่งอยู่ในห้อง

ภาพความทรงจำในอดีตหวนย้อนคืน กลับมา.. เอลน่านั่งอยู่ในห้องพูดกับน้องสาวและน้องชายของตัวเอง

“ลูเซีย.. เรน.. คิดว่าโลกใบนี้มีความเท่าเทียมหรือเปล่า…”

“แน่นอนสิพี่ เพราะแบบนั้นในโลกที่มีสงครามตอนนี้เราถึงได้อยู่ในเขตปลอดสงครามแบบสบายใจไม่ใช่เหรอ”

เรนตอบออกไปอย่างมั่นใจ เพราะวิชาที่เรียนมาครูก็บอกมาแบบนี้ ส่วนลูเซียที่เห็นพี่ชายพูดแบบนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย

เอลน่าได้แต่ยิ้มตอบน้องสาวและน้องชายของตัวเอง

“พี่กลับไม่คิดแบบนั้น.. คนเราน่ะเกิดมาด้วยความไม่เท่าเทียม แต่เพราะว่าเราถูกสภาพแวดล้อมและบรรทัดฐานของโลกที่ไม่เท่าเทียมบอกว่ามันเท่าเทียมมันจึงเท่าเทียม”

“พี่หมายถึงอะไร?”

เรนกับลูเซียไม่เข้าใจที่พี่พูด แต่ว่าเรนก็พอเข้าใจอยู่บ้างนิดหน่อย ลูเซียเองก็เป็นคนที่ชอบตามน้ำคล้อยตามไปกับพี่ชายเสมอ

จึงแทบพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่โดยไม่ปฏิเสธ เอลน่าพูดต่อ

“ย้อนกลับไปในยุคกลาง มีการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจนแต่มนุษย์ในตอนนั้นก็มองว่าโลกมันเท่าเทียม ขุนนางมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าน่ะเป็นเรื่องปกติ .. เพราะมันคือความเท่าเทียม ใช่.. ในตอนนี้เองก็เช่นกัน โลกใบนี้มันไม่เท่าเทียมเลยแม้แต่นิด”

“……”

“มนุษย์เราเกิดมาไม่เท่ากัน บางคนไม่สวยไม่หล่อบางคนกลับหล่อ ในขณะที่บางคนเกิดมากองเงินกองทอง บางคนเกิดมาท่ามกลางถังขยะ

บางคนเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่สมประกอบ ตาบอดหูหนวก โรคติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด หรือแม้แต่ความตาย

บางทีพี่อาจจะตายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าในขณะที่คนอื่นที่อายุเท่ากันจะไม่ตาย นี่แหละคือความไม่เท่าเทียม”

“แต่ว่า.. นั่นมันนิยามความเท่าเทียมอีกแบบ…”

“ใช่ มันไม่ใช่ความเท่าเทียมที่คนทั่วไปพูดถึง… แต่ว่าพี่น่ะเคยเห็นคนที่เกิดมาแล้วมีชะตากรรมต้องตายหากยิ่งจดจำและยิ่งเรียนรู้.. พี่น่ะเคยเห็นคนที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วถูกทิ้งเพราะไม่พอใจผู้สร้าง… บางที…”

“สิ่งที่พี่จะบอกคือ ถ้าหากบนโลกนี้มีผู้สร้างจริงมันคงทำกับเราเหมือนของเล่นงั้นเหรอ พี่อ่านนิยายมากไปแล้วนะ!”

เรนพูดขึ้นด้วยเสียงขำๆ เอลน่าก็ยิ้มเพราะคำพูดของเรนก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “ใช่.. แต่ว่าคำว่า ‘ถ้า’ มันไม่มีอยู่บนโลกหรอกนะ เรน..”

เธอพูดแบบนั้นพร้อมกับลูบหัวของน้องสาวแงะน้องชาย ซึ่งตอนนี้ได้หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้แล้ว… เอลน่าถอนหายใจออกมา

“ใกล้แล้วสินะ..”

……..

เรนที่หวนนึกถึงความทรงจำก็ฟื้นขึ้นมาเพราะตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเขาเงียบๆ

“โลกนี้มันไม่เท่าเทียม… พี่ที่เป็นคนที่ควรมีชีวิตอยู่กลับตาย ฉันที่เป็นคนที่ควรจะตายๆ ไปซะกลับยังไม่ชีวิตอยู่”

“มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้”

เรนพึมพำในความมืด… เขากลัว.. กลัวที่จะต้องแบกรับภาระคนเดียวกลัวที่จะสูญเสียและกลัวการเปลี่ยนแปลง

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็ยังคงกลัว ทำไมพี่ต้องตาย ? คนที่ควรจะมีชีวิตอยู่มันควรเป็นพี่ไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องเป็นฉัน

ฉันไม่เคยทำอะไรดีๆ ให้คนอื่น พี่กลับทำไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือคนพิการหรือคนจนคนรวย เธอช่วยเหลืออย่างเท่าเทียมไม่เลือกปฏิบัติ

ตรงกันข้ามกับฉัน.. ฉันที่เลือกปฏิบัติกับคนอื่นเพราะกลัวคนอื่นอยู่เสมอ.. สุดท้ายก็ต้องกินยา.. กินยาเพื่อไม่ให้คิดมากจรเกินไป

แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่ช่วยใครเลยอยู่ดี ทำไมคนที่ตายถึงไปเป็นเขาแทนล่ะ พระเจ้ามีตาไหม คนที่ช่วยเช็ดตูดเช็ดก้นให้พระเจ้าคือพี่สาวของเขาไม่ใช่เหรอ

พวกแกที่สร้างมนุษย์ออกมาไม่เท่าเทียม แล้วพี่ของเรนก็ช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม ทำไม.. ต้อง…

“ทำไม!!”

เรนต่อยพื้นอย่างรุนแรงพร้อมตะโกนออกมา “คนที่ควรตายทันฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องพรากพี่ไป … ทำไมกัน!”

… ในความโดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับโลกทั้งใบมีเพียงแค่เขา ตอนนี้เสียงของเอลน่าเรนไม่สามารถได้ยินอีกแล้ว

อาหารของเธอเรนไม่ได้กินอีกต่อไป ฝ่ามือ ใบหน้า สีผม.. ท่าทางทุกอย่างมันหายไปหมดแล้ว.. นี่แหละคือคำว่า ‘ตาย’

ไม่ทันได้บอกลา ไม่ทันได้ขอบคุณ … พี่จากไปแล้ว บนโลกนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป แต่เธอก็จากไปแล้ว

หมัดของเรนต่อยลงกับพื้นจนเริ่มแตกมีเลือดไหลซึม.. เขาด่าทอตัวเอง ด่าทอโลก ด่าทอมนุษย์ ด่าทุกอย่าง… ที่พรากพี่สาวที่แสนใจดีไปจากเขา

ประตูห้องครัวถูกเปิดออก ลูเซียที่เดินเข้ามาก็เห็นพี่ชายตัวเองกำลังทำร้ายตัวเองอยู่เธอรีบวิ่งเข้ามาห้ามทันที

“พี่!!”

“ฉันมันควรที่จะเป็นคนตายแท้ๆ ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นฉันแท้ๆ … ทำไม.. ทำไม!”

เรนพึมพำออกมาอย่างเจ็บปวด พอลูเซียได้ยินแบบนั้นเธอกลับยิ่งรู้สึกปวดใจ… เธอ..รักพี่ชายของเธอมาก

พี่ชายของเธอที่ใจดี พี่ชายของเธอที่อ่อนโยน พี่ชายของเธอที่สอนเรื่องต่างๆ ให้เธอ ทั้งชีวิตของเธอนอกจากพี่สาวแล้ว

คนที่มอบเส้นทางการใช้ชีวิตและการคงอยู่ของตัวเธอก็คือพี่ชาย.. แต่ทว่าสำหรับพี่ชายของเธอไม่ได้มองเห็นมันเลย

พี่ชายของเธอกลับรู้สึกว่าตัวเองสมควรตายมากกว่า ทำไมพี่ชายของเธอถึงมองเห็นแต่พี่เอลน่ากันล่ะ ทำไมไม่หันมามองเธอบ้าง..

ทั้งๆ ที่เธอคนนั้นตายไปแล้ว.. เธอคนนั้นน่ะหายไปแล้วแท้ๆ พี่ชายของเธอกลับรู้สึกอยากตายแทน.. ความรู้สึกโกรธต่อพี่ชายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ปะทุขึ้นมาในอกของเธอ

ฝ่ามือของเธอตบออกไปใส่หน้าเรนที่กำลังขาดสติ “เพี๊ยะ!”

“อย่าพูดแบบนั้นนะ! พี่ไม่มีใครมาแทนได้ หรือแม้แต่พี่สาวเองก็ไม่สามารถแทนพี่ได้ พี่ก็คือพี่ ในตอนนี้แม้จะเสียพี่เอลน่าไปแล้วก็ตาม แต่ว่าพวกเรายังคงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ใช่หรือไง! เพราะงั้นพี่เลิกเอาตัวเองไปเปรียบคุณค่ากับคนอื่น แล้วหันมองเห็นคุณค่าของตัวเองบ้าง!”

“พี่อาจจะมองไม่เห็น แต่ฉันก็ยังเห็น! ไม่ว่าคนอื่นจะมองว่าพี่เป็นคนป่วยที่ต้องกินยาเพื่อระงับอารมณ์หรืออะไรก็ช่างหัวมันไป เพราะพี่สำหรับฉันแล้วก็คือโลกทั้งใบ…”

“เพราะงั้น.. เพราะงั้น…ได้โปรดมองเห็นฉันบ้างเถอะนะพี่…”

ลูเซียตะโกนจนเจ็บคอ แต่ทว่าเธอก็ยังพูดต่อไป จนท้ายที่สุดเสียงก็เบาลงแงะกลายเป็นสะอึกสะอื้นร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าเรน

เธอเจ็บปวดที่พี่ชายของเธอไม่มองมาที่เธอ เธอเจ็บปวดที่พี่ชายไม่คิดถึงความรู้สึกเธอหากตัวเองหายไป

เจ็บปวดที่พี่ชายของเธอ …. คิดถึงแต่พี่สาวๆ ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นตายไปแล้ว เธอได้แต่สับสนและไม่เข้าใจว่า..ทำไมพี่ถึงไม่เคยมองมาที่ฉันเลย

เขามองน้องสาวตรงหน้าที่กำลังร้องไห้เพื่อตัวของเขาเอง… เขาไม่รู้จะพูดอะไร…แต่ว่า……

ลูเซีย……

…………..

[เอาล่ะขนาดนี้ละคงต้องมีคนตกใจกันมั้งล่ะว่า โลกเดิมพระนางเอกนี่มีสงครามอยู่เรอะ จริงๆ ผมเกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนที่ 25 แล้วนะ.. เกริ่นไว้ในแบบกาวๆ จนคนอ่านอาจจะมองข้ามอ่ะนะ ⊙﹏⊙ – ผู้เขียน]

[ว่าแต่คุณน้องสาวนี่.. มีอะไรแปลกๆหรือเปล่าน้าาา ~~~? UwU – ใครสักคน]

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท