บทที่ 169 – ผู้กล้า
พอพวกเราเข้าหอประชุมมานักเรียนก็นั่งอยู่ที่กันเยอะมาก แสดงให้เห็นว่านักเรียนชั้นปีหนึ่งเองก็มีเยอะแบบเยอะมาก
ในขณะที่พวกเราเดินเข้ามาก็มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรออยู่ คนนั้นคืออาจารย์เวโรเน่นั่นแหละ ท่าทางยังดูน่ากลัวเหมือนเดิม
“เลทิเซีย เธอมาทางนี้”
“เอ๊ะ?”
ทุกคนที่เดินมาด้วยเหมือนจะแปลกใจ แต่เหมือนว่าเลวี่ที่เป็นฉลาดเธอจะเข้าใจในทันที เธอปล่อยแขนฉัน
ในขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงอาจารย์เวโรเน่ไม่อธิบายอะไรเธอพาฉันเดินไปหลังเวทีเหมือนตอนถูกพาไปในงานปฐมนิเทศ
มองไปด้านหลังดูเหมือนว่าเลวี่จะอธิบายบางอย่างให้พวกชาร์ล็อตฟัง ถึงจะไม่ได้ยินก็เถอะ ฉันหันหน้ากลับมามองไปข้างหน้าและเดินตามหลังไป
จู่ๆ อาจารย์เวโรเน่ก็พูดขึ้น
“บางทีหลังจากนี้ อาจจะมีคนไม่เห็นด้วยอยู่เยอะมาก เจ้าแค่หาจังหวะเหมาะๆ อวดเบ่งพลังใส่จนนักเรียนทุกคนขัดขืนไม่ได้ก็พอ”
“ถึงจะบอกแบบนั้นก็เถอะ..”
ฉันไม่ได้พูดออกไป แต่คิดอยู่ในใจเงียบๆ โดยหน้าของฉันพยักเหมือนจะเข้าใจ ฉันจะทำยังไงให้คนรู้สึกถูกสยบขวัญกันล่ะ
นึกภาพไม่ออกเลยแฮะ การทำให้คนอื่นกลัวงั้นเหรอ จู่ๆ ฉันก็หวนนึกถึงสมัยก่อนขึ้นมาได้ การ์ตูนที่เคยอ่านในชาติก่อนน่ะ ..
พอคิดได้แบบนั้นฉันก็กอดอกอย่างมั่นใจ จะแสดงด้านอ่อนแอให้จอมวางแผนอย่างอาจารย์เวโรเน่คนนี้เห็นไม่ได้เด็ดขาด
“ไว้ใจฉันได้เลย ฉันถนัดนักแหละ”
“…”
เหมือนอาจารย์เวโรเน่จะมองมาที่ฉันด้วยสายตาแปลกๆ แต่ก็ช่างเถอะ แผนเธอเองวางเดิมพันไว้กับฉันถึงจะไม่รู้ว่าทำไม
แต่ในตอนนี้เธอก็คงทำอะไรฉันไม่ได้หรอก พอคิดแบบนั้นก็ปัดเป่าความกังวลในใจออกไปได้ ฉันเดินตามเธอไปหลังเวที
ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ฉันเคยมารอ แต่มันเป็นห้องที่อยู่ลึกกว่านั้นพอเดินเข้ามาก็มีคนแก่ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนสายตาเกือบสิบคู่จ้องมองมาที่ฉัน
ฉันก็สัมผัสได้เลยพวกนี้คือคนที่อยู่เบื้องหลังโรงเรียนแห่งนี้! เอาเข้าจริงฉันไม่คิดว่าฉันจะไปเตะตาคนพวกนี้เลยนี่น่า
แล้วทำไมกัน.. ช่างเถอะคิดไปก็ไม่ได้อะไร
“ทำไมดูตัวเล็กขนาดนี้ อย่าว่าแต่สู้กำลังจะวิ่งหลบการโจมตีศัตรูก็ยังไม่มีด้วยซ้ำมั้ง แล้วนี่ทำพันธสัญญาโซลหรือยัง?”
หญิงชราคนหนึ่งที่เป็นเหมือนจอมเวท ไม่สิ เพราะฉันเองก็เป็นผู้ใช้เวทเธอคนนี้คงเป็นจอมเวทระดับสูง
ฉันรู้จักว่าพันธสัญญาโซลคืออะไร แต่คนที่ตอบกลับไม่ใช่ฉันแต่เป็นอาจารย์เวโรเน่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ยังไม่ทำ เพราะตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเราต้องสอนพื้นฐานต่างๆ ให้นักเรียนที่ตามไม่ทันก่อน”
“แล้วจะสู้ไหวแน่เรอะ คนอื่นเขาทำกันไปหมดแล้วนะ โรงเรียนอื่นก็ทำไปหมดแล้วแน่ๆ”
พวกเขาคุยกันแทบไม่สนใจฉันเลย ไอ้พันธสัญญาโซลอะไรนั่นไว้คอยกล่าวถึงทีหลัง เพราะตอนนี้ฉันต้องกังวลเรื่องตรงหน้าอยู่
สายตาของอาจารย์เวโรเน่จ้องมองมาที่ฉันเธอขมวดคิ้วเป็นปมเหมือนให้สัญญาณฉันทำอะไรสักอย่าง
(กำลังชั่งน้ำหนักใจและจ้องมองเลทิเซียเพื่อเรียกความเชื่อมั่นว่าเลทิเซียจะชนะอย่างแน่นอนต่างหากนะเออ)
ถึงเวลาแล้วสินะ ฉันก็ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงกัน ฉันยกมือขึ้นเสยผมหน้าฝั่งขวามือขึ้นพร้อมกับเสื้อที่ดึงออกมาจากในกางเกง
หูที่ถูกสติกเกอร์แปะเหมือนเจาะหู ใต้ตากลายมีสติกเกอร์รูปดาวหาแฉกแปะอยู่ กระโปรงยาวไปถึงเข่า .. แน่นอนทุกอย่างเป็นเวทมนตร์
ยกเว้นกระโปรงที่ใช้เวทมนตร์ลวงตาเอาน่ะนะ ฉันยกขาขึ้นเหยียบเก้าอี้ที่ใช้เวทมนตร์สร้างขึ้น
“ห๊า นี่พวกแกกำลังจะดูถูกฉันอยู่รึไงฟะ รู้ไหมว่าฉันคนนี้เป็นใคร?!”
สาวแกล! ใช่แล้ว สาวแกลยังไงล่ะ ก็แบบมีเยอะใช่ไหมล่ะในการ์ตูนที่แบบสาวแกลขู่จนตัวเอกกลัวหัวหดอะไรแบบนี้
เพราะงั้นบางที นี่อาจจะเป็นการขู่ให้กลัวที่สันติที่สุดแล้วล่ะ พอคิดแบบนั้นฉันก็ยิ้มออกมาให้เหมือนสาวแกล
เงียบกริบ….
ฉันตกใจพลางลืมตาขึ้นไปมองพวกคนแก่คนชราทั้งหลายที่ตอนนี้เหมือนจะมีเส้นเลือดปูดบนใบหน้า
ฉันหันไปมองอาจารย์เวโรเน่ด้วยความสงสัย เธอก็ยกมือใส่หน้าแล้วก็ถอนหายใจคิดว่า “ทำอะไรหลุดโลกอีกแล้ว..”
เธอพึมพำแบบนั้นฉันถึงได้สะดุ้งเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าตัวเองเดินหมากผิดวิธี แต่ในพริบตาต่อมาคนแก่คนชราทั้งหลายตรงหน้าก็กรีดร้องออกมา
“นั่นมันท่าทางที่อยู่ต่อหน้าผู้สูงอายุเหรอ?! ไล่ออก!!”
“ไม่มีสัมมาคารวะ!”
“ไล่ออกเดี๋ยวนี้!”
ฉันรู้สึกเหมือนถูกน้ำร้อนลวกและรู้สึกร้อนรนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในตอนนั้นเองหญิงชราที่ผมเป็นไฟซึ่งสะดุดตาที่สุดก็พ่นลมหายใจออกมา
“ฮึ่ม!”
ฉันสัมผัสถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว บางทีการโจมตีนี้อาจจะเทียบไม่ถึงครึ่งของการโจมตีปลาหมึกยักษ์นั่นก็จริงนะ
แต่ว่าฉันในตอนนี้ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลย แม้แต่เวทมนตร์ปีศาจก็ยังใช้ไม่ได้ อาจารย์เวโรเน่ก็ไม่มีท่าที่จะเคลื่อนไหว
ถ้าเป็นฉันก่อนหน้านี้คงต้องพยายามใช้เวทมนตร์เป็นหลักแน่ แต่ตอนนี้ฉันยกมือไปข้างหน้าพลางกล่าวพึมพำ
“วิชาดาวไร้ลักษณ์ ศาสตร์ไร้ศาสตรา…!”
ฝ่ามือของฉันถูกแบออกการโจมตีที่รวดเร็วเหนือเสียงนั้นก็สลายหายไปเมื่ออยู่ต่อหน้าวิชาที่แข็งแกร่งนี้
ก็นะ ถ้าจะบอกว่าฉันแข็งแกร่งควรบอกว่าวิชานี้มันแข็งแกร่งมากกว่า ด้วยเพราะฉันมีวิชานี้มันเลยทำให้ความอ่อนแอของร่างกายฉันถูกทดแทนได้
พอการโจมตีหายไปฉันก้าวขาข้างหนึ่งไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณ พลางงอแขนขึ้นในท่าตั้งหมัด แต่ทว่า…
“พอแค่นั้นแหละ…”
คนที่มาหยุดฉันอยู่ขวางระหว่างคนแก่เหล่านั้นคืออาจารย์เวโรเน่ แน่นอนว่าฉันไม่คิดจะปล่อยให้คนที่โจมตีหวังจะทำลายฉันไปได้
ฉันไม่รู้ว่าไอ้พวกคนเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นใคร แต่เมื่อกี้พวกมันโจมตีฉันอย่างไม่ลังเล นั่นแสดงให้เห็นถึงความเป็นศัตรูที่ชัดเจน
ไม่มีเหตุผลที่จะไว้ชีวิ—
อ๊ะ.. แย่ล่ะ ฉันดูก้าวร้าวรุนแรงขึ้นนะเนี่ย ถ้าพี่รู้เข้า มีหวังโดนตีแหงแซะ คงติดนิสัยนี้มาจากใครสักคนแน่เลย
“ถอยไปซะเวโรเน่ ยัยเด็กนี่สมควรตาย”
“นี่แกพูดอะไร… อยากตายรึไง?”
จู่ๆ พอหญิงชราคนนั้นพูดแบบนั้นออกมาท่าทางของเวโรเน่ก็เปลี่ยนไปฉับพลัน เสียงของเธอดูเย็นชาขึ้นมาหลายส่วน
พอพูดแบบนั้นจู่ๆ ก็มีพลังงานเปล่งออกมารอบตัวเธอ ทำให้ฉันถอยหลังไปหลายเก้าทันทีที่เห็นฉันก็รู้ทันทีว่า…
“ผู้กล้า…อาจารย์เวโรเน่..คือผู้กล้า?!”
แน่นอนว่าฉันรู้จักพลังงานแบบนี้ดีไม่ว่าจะเป็นคำอธิบายเกี่ยวกับผู้กล้าในข้อมูลที่เทพธิดามอบให้ฉันมา
หรือจะเป็นพ่อของเลวี่ที่เป็นผู้กล้าซึ่งอยู่ใกล้ฉันมาตลอดสิบปี พอฉันเห็นฉันก็รู้ทันทีว่านี่คือพลังงานที่อยู่ในตัวของผู้กล้า
แม้จะมันไม่ต่างจากคนธรรมดา แต่พลังความแข็งแกร่งทุกอย่างที่แสดงออกมาทำให้ฉันตระหนักได้ว่า เวโรเน่แข็งแกร่ง…
แข็งแกร่งยิ่งกว่าลูเซียโน่อีก!
เพราะแบบนี้สินะ ถึงได้สนิทกับพ่อของเลวี่ถึงขนาดเล่าเรื่องลูกตัวเองให้ฟัง
แต่ว่านะ ผู้กล้านั้นไม่ได้มีเยอะขนาดที่จะพบเห็นกันประปรายสักหน่อย.. แต่ตอนนี้ก็มีจอมมารสุดแกร่งมาอยู่ตรงหน้าฉันเฉยเลยแฮะ..
“…..”
ในขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียดนั้นเอง เสียงประกาศเริ่มการประชุมก็ดังขึ้นแล้วเวโรเน่ที่น่ากลัวก็หายไป
กลับคืนสู่สภาพของอาจารย์เหมือนเดิม เอาจริงตอนปกติที่เป็นอาจารย์ก็น่ากลัวเหมือนเดิมแหละ แต่แบบเมื่อกี้แค่น่ากลัวกว่านั้นแค่นั้นเอง