บทที่ 170 – ตัวแทนโรงเรียน
ฉันรู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะ เพราะฉันเป็นต้นเหตุในคราวนี้ แต่ก็แอบรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อยที่โดนโจมตี
“เอาล่ะ พวกคุณทุกคนเองก็ไม่มีทางเลือกแล้วเปลี่ยนในตอนนี้ก็ไม่ทัน แค่เชื่อในสิ่งที่ข้าเชื่อนั่นก็พอแล้วล่ะ”
“เหอะ รีบไสหัวออกไปซะ”
อาจารย์เวโรเน่พูดแบบลงเรือลำเดียวกันอย่างมีนัยยะบางอย่างทำให้ฉันยิ่งสงสัยขึ้นไปอีกว่ามีอะไรเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านี้อีกหรือไง?
ขณะคิดแบบนั้นอาจารย์เวโรเน่ก็ยิ้มตอบพวกคนแก่ชราแล้วเธอก็จับแขนแล้วก็ลากออกห้องมา
พอออกห้องมาแล้วเธอก็ก้มลงมามองที่ฉัน
“นี่เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ย เฮ้อ”
“ฉันก็แค่ทำตามที่อาจารย์บอกให้อวดเบ่งใส่คนที่คัดค้านเองนะ!”
“ไม่ใช่สำหรับพวกเฒ่าหัวโบราณพวกนั้นสิ!”
ฉันอยากจะเถียงกลับว่า ก็เธอเป็นคนให้สัญญาณเองไม่ใช่เรอะ! แต่ก็นึกได้ว่าครั้งนี้ตัวเองผิดพลาดจริงๆ ก็เลยไม่ได้เปิดปากอะไร
“แล้วจะให้ทำใส่ใครล่ะ?”
ด้วยความสงสัยฉันเลยถามออกไป ถ้าหากไม่ใช่พวกที่อยู่เบื้องหลังแล้วจะมีใคร ขณะที่กำลังคิดแบบนั้นฉันก็เหมือนนึกขึ้นได้
“อย่าบอกนะว่า…”
“ใช่ ใส่พวกนักเรียนที่ไม่เห็นด้วยน่ะ”
“….”
ก็อยากจะปฏิเสธอยู่นะว่า ไม่เอาหรอก! เพราะการทำแบบนั้นมันเหมือนพวกบ้าอำนาจหยิ่งยโสโอหังน่ะสิ
แน่นอนว่าตัวละครแบบนั้นก็ต้องเป็นคนที่ถูกคนส่วนใหญ่ไม่ชอบขี้หน้าน่ะสิ ในขณะที่คิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นเองอาจารย์เวโรเน่ก็พูดขึ้น
“เอาเถอะ ถึงยังไงก็ไม่น่าจะมีอยู่ดี ข้าพูดเพื่อกรณีเกิดเรื่องไม่คาดฝันน่ะ”
เดี๋ยวสิ ไอ้ความมั่นใจนั่นมาจากไหนกัน?! ถ้าหากพูดถึงเรื่องแบบว่ามีคนได้เป็นตัวแทนโรงเรียนทำนั่นทำนี่ให้โรงเรียนมีชื่อเสียงมากขึ้น
ไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกเดิมก็ล้วนใช้วิธีการคัดสรรหาคนที่เก่งเพื่อไปแข่งขันใช่ไหมล่ะ แต่ในกรณีของฉันคือไม่มีการคัดเลือกอะไรเลย
ทั้งที่ในปีก่อนก็มีแต่พอมาปีนี้กลับจู่ๆ เลือกตามใจนักเรียนที่มีความสามารถอื่นๆ ที่คาดหวังว่าจะเป็นตัวแทนโรงเรียน
ก็หมดโอกาสเลย ไม่มีโอกาสแม้แต่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งด้วยซ้ำ พอคิดแบบนี้ได้ก็น่าจะเดาได้ว่าต้องมีคนไม่เห็นด้วยเยอะแน่
ถึงฉันจะภาวนาให้ไม่มีก็เถอะ แต่ก็นะมันก็ต้องมีตามปกติอยู่ละ ฉันถึงอยากได้เลี่ยงวิธีที่จะต่อสู้กับทุกคนที่คัดค้านไง เพราะมันต้องมีเยอะแน่ๆ
แล้วอาจารย์เวโรเน่ไปเอาความมั่นใจนั่นมาจากไหน? ขณะคิดแบบนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีและมีสายตามากมายนับไม่ถ้วนจ้องมาที่ฉัน
“เอาล่ะ! อย่างที่บอกไปวันนี้จะมีข่าวสำคัญที่จะประกาศให้ทราบกัน และตัวหลักของงานนี้คือ เลทิเซีย ทีน อาเดฟผู้มากความสามารถ!”
ผู้ประกาศบอกแบบนั้น ไม่ต้องตะโกนก็ได้มั้งพูดใส่เวทกระจายเสียงมันเสียงดังอยู่แล้วนะ..
“นักเรียนทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงมีนักเรียนจากห้องพิเศษมายืนอยู่ตรงจุดนี้ … นั่นเป็นเพราะเธอเป็นตัวแทนโรงเรียนของเราที่จะเข้าสู้ศึกนักเรียนแห่งความภาคภูมิใจของห้าโรงเรียนใหญ่ ‘ศึกรบนักเรียนหน้าใหม่’ .. เอ๋?!”
ผู้ประกาศเหมือนจะอ่านสคริปต์อยู่ด้วยนะ พออ่านถึงจุดนี้เธอก็ร้องตกใจออกมาเหมือนๆ กับคนอื่นที่อยู่ด้านล่าง
ทุกคนที่อยู่ด้านล่างหันหน้ามองกันและกัน เพราะฉันอยู่บนเวทีเลยมองเห็นว่าพวกเขาต่างก็สับสนและงุนงงกันอย่างเห็นได้ชัด
ก็นะ แม้แต่ผู้ประกาศเองยังพึ่งรู้เองนี่น่า อ่าว.. ว่าแต่เธอไม่ได้อ่านสคริปต์เผื่อไว้ก่อนขึ้นเวทีเลยเรอะ
เนี่ยไงเพราะไม่อ่านเลยตกใจเหมือนคนอื่นๆ เลย ฉันก็พอจะเข้าใจนะว่าที่ตกใจน่ะคงเป็นเพราะเรื่องศึกรบนักเรียนหน้าใหม่นี้จะโด่งดังพอสมควร
เอาจริงก็เคยได้ยินซิลเวียเล่าว่าศึกรบนักเรียนหน้าใหม่จะถูกถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งทวีปเลย ดังนั้นต่อให้นักเรียนที่ไม่เคยเรียนโรงเรียนนี้มาก่อนก็คงรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของมันดี
ฉันเองก็เคยดูอยู่ครั้งหนึ่งเหมือนกัน การแข่งขันนั้นมีหลากหลายแบบมาก จนฉันเองก็ขี้เกียจจะจำเพราะตอนแรกที่มาเรียนไม่เคยคิดจะเข้างานสังสรรค์อะไรแบบนี้
แต่ตอนนี้เพราะสถานการณ์บังคับน่ะนะ
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ด้านล่างกำลังวุ่นวายได้ที่เลยนะเนี่ย ด้านล่างเวทีฉันได้ยินเสียงกระซิบกระซาบกันหนาหู
จนฟังไม่รู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไร จากความเงียบสงบในตอนแรกก็กลายเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายในชั่วพริบตา
“เอ่อคือ.. ใจเย็นๆ กันก่อนนะคะ..”
ผู้ประกาศข่าวนับว่าเป็นคนที่มีความสามารถแม้จะตกใจเธอก็เหมือนจะลบมันทิ้งไปได้ในชั่วพริบตา
เธอเองก็คิดเหมือนฉันสินะว่าฉากต่อไปอาจจะมีคนตะโกนด่าตามมาแว่วๆ ว่านี่มันการตัดสินใจอะไรของโรงเรียน
หรือแบบ “ไม่เห็นมีการประลองคัดเลือกเลยนี่น่า!”
อะไรเงี้ย.. แต่ผ่านไปนานสองนานก็ไม่มีเสียงแบบนั้นดังขึ้นมามีแต่เสียงกระซิบกระซาบที่หนักขึ้นเท่านั้น ฉากนี้ทำเอาฉันกับผู้ประกาศยืนเหวอ
แต่ในตอนนั้นเองอาจารย์เวโรเน่ที่ยืนอยู่เฉยๆ ก็เคลื่อนไหวเธอเดินขึ้นมายืนอยู่หน้าเวที บรรยากาศรอบตัวเหมือนจะแผ่ออร่าที่ดูเหมือนครูสุดโหดออกมา
หากไม่ส่งการบ้าน จะตีก้นข้อละสิบครั้งอะไรแบบนั้น และเธอก็ตะโกนออกมา ย้ำนะว่าตะโกน ไม่ใช้เวทมนตร์อะไรสักนิดเดียว
“ทุกคนเงียบ!!!!”
เสียงของเธอกลบทุกเสียงจนทำเอานักเรียนทุกคนหันมาดูอาจารย์เวโรเน่ เสียงเธอที่ดังไปทั่วห้องประชุมนั้นเรียกได้ว่ามีอิทธิพลสุดๆ
หลังจากทุกคนเงียบลงไปแล้ว เธอก็มองไปรอบๆ มองไปด้านข้างซึ่งเป็นที่นั่งของพวกอาจารย์ในโรงเรียน ถึงจะไม่ใช่อาจารย์ทั้งหมด
แต่อาจารย์ทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับนักเรียนชั้นปีกนึ่งก็มาอยู่ที่นี่กันทุกคนเลย พวกเขาเองก็ตกใจไม่ต่างกัน
มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าพวกผู้เฒ่าก่อนหน้านี้อาจจะมียศสูงกว่าครูที่ตกใจและไม่เข้าใจสถานการณ์ไปมาก
แล้วพอนึกถึงที่ฉันทำเรื่องแบบนั้นใส่ก็รู้สึกตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ ขณะคิดแบบนั้นอาจารย์เวโรเน่ก็พูดด้วยเสียงดังลั่นต่อ
“นี่คือการตัดสินใจของอาจารย์อาวุโส และหากใครมีข้อพิพาทต่อคำตัดสินใจก็ก้าวขาขึ้นมาและเอาชนะเธอให้ได้! พิสูจน์ว่าเธอเกงกว่านักเรียนคนนี้ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าไม่เหลือเวลาแล้ว! ไม่เหลือให้คัดเลือกแล้วและโรงเรียนเราในตอนนี้สามารถส่งตัวแทนได้หนึ่งคนเท่านั้น!”
“หากมีความมั่นใจว่าจะชนะคนจากโรงเรียนอื่นได้ด้วยตัวคนเดียวค่อยก้าวขึ้นมา!”
อาจารย์เวโรเน่พูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดมาก เหมือนกับจะบอกว่าก่อนจะมาสู้กับฉันน่ะ ให้คิดว่าตัวเองโดนรุมกระทืบแล้วรอดได้ก่อนค่อยก้าวขาขึ้นมา
อืม.. เอาเข้าจริงฉันเองก็ไม่คิดว่าฉันจะสู้กับคนหลายคนไหวนะ แบบนี้ต้องเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อมด้วยสินะ
ขณะคิดแบบนั้นสายตาของอาจารย์เวโรเน่ก็กวาดไปทั่วห้องประชุม ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่า
“แน่นอนว่า เธอคนนี้ที่ยืนอยู่บนเวทีตอนนี้มีคุณสมบัติเหล่านั้นที่ว่ามาทั้งหมด ถ้าหากสงสัยในตัวเธอก็เหมือนสงสัยในตัวฉัน!”
หัดรู้จักสงสัยในตัวเองบ้างเถอะ!! เธอคาดหวังอะไรกับฉันที่เป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ กันเนี่ย ถึงด้านในจะมีประสบการณ์อดีตชาติก็เถอะนะ
จะว่าไปแล้วเธอคนนี้วางแผนอะไรไว้สินะ เพราะงั้นถึงได้กล้าพูดว่าหากสงสัยในตัวฉันเหมือนสงสัยในตัวเธอ บางทีเธอคงเป็นคนมั่นใจในแผนการตัวเองน่าดู
ด้วยเสียงที่ทรงพลังของอาจารย์เวโรเน่ ฉันเลยก้มมองนักเรียนคนอื่นที่อยู่หน้าเวทีด้วย ตอนนั้นเองไม่รู้ว่าคิดว่าฉันตาฝาดหรือเปล่า
ห่างออกไปแถวๆ กลางหอประชุม มีคนหนึ่งเหมือนกำลังจะยกมือขึ้นปากกำลังจะเปล่งเสียงภาษากลางว่า “ฉันคัดค้า—”
แต่ก่อนจะได้เปล่งเสียงให้คนอื่นได้ยิน จู่ๆ ร่างของคนคนนั้นก็ถูกฉุดดึงลงไปในฝูงชนจนหายไป ด้วยความตกใจคิ้วฉันเลยย่นลงด้วยความกังวลใจ ผ่านไปสักพักชายคนนั้นก็โผล่หัวกลับคืนมา
เขาพยักหน้าเห็นด้วย ไม่ได้คิดจะคัดค้านอะไรอีก ด้วยความตกใจฉันหันไปดูหน้าของอาจารย์เวโรเน่เธอพยักหน้าให้กับภาพดังกล่าว
“อึก!”
นี่มันด้านมืดของโรงเรียนแห่งนี้ชัวร์ กำจัดคนมีความเห็นต่างด้วยวิชาเวทควบคุมจิตใจอะไรแบบนี้!? น่ากลัวเกินไปแล้ว หลังจากนี้คิดจะปฏิเสธหรือไม่เห็นด้วยอะไรคงต้องระวังขึ้นมาอีกสินะ
……..
ความจริงหลังจากชายคนนั้นถูกฉุดลงไปในฝูงคนก็มีชายคนหนึ่งกอดคอเขาพลางกระซิบเสียงเบา
“เฮ้ นี่นายคิดจะคัดค้านจริงๆ เหรอ?”
“แน่นอนสิ ฉันเองก็อยากจะเป็นตัวแทนนะ แถมฉันยังไม่รู้จักเธอด้วยจะให้ยอมรับได้ไงกันล่ะ?!”
“เฮ้อ.. นี่นายไม่เข้าใจอะไรเลยนะ”
คนที่พูดไม่ใช่ชายที่กอดคอเขาคนนั้นเอาไว้ แต่เป็นหญิงสาวอีกคนหนึ่งพอชายคนที่คัดค้านหันไปเห็นก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา
“นีน่า?!”
“กริฟ นายหันขึ้นไปมองท่านเลทิเซียตอนนี้สิ เธอน่ะเปรียบเสมือนดอกไม้บนก้อนเมฆที่ไร้มลทิน นายคิดว่าคนอย่างนายจะเทียบเท่าท่านผู้นั้นได้งั้นเหรอ?”
“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก แล้วนีน่าทำไมเธอถึง…?”
“เพราะแบบนี้ไงฉันถึงไม่ยอมคบกับนายน่ะกริฟ นายน่ะยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่า ความงดงามจักพิชิตสรรพสิ่ง”
“เกี่ยวอะไรกันฟะ!”
กริฟรู้สึกปวดหัวกับท่าทางนีน่าเพื่อนสมัยเด็กและเป็นรักแรกของตัวเองกำลังพล่ามถึงเรื่องเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนนีน่าที่เขารู้จัก
กลายเป็นตาลุงที่ชื่นชอบในเด็กผู้หญิงไปซะแล้ว นีน่าไม่สนใจท่าทางของเขา เธอเพียงให้กริฟหันขึ้นไปมองผ่านช่องว่าง
“ดูสายตาเธอสิ บางทีเธอคงมองเห็นนายจะคัดค้านพอดี แต่เธอกลับไม่ได้ยิ้มมีความสุขเวลาที่คนที่อาจจะเป็นศัตรูของเธอหายไป แต่เธอกังวลเรื่องของนายอยู่ด้วยนะ!”
“….”
“เชื่อฉันสิกริฟ! เข้ามาในกลุ่มสมาพันธ์ท่านเลทิเซีย นายจะได้เปิดโลกใบใหม่ มองเจ้ามาที่ตาฉัน และมองเข้าไปในตาท่านเลทิเซียที่กำลังกังวลตรงนั้น”
กริฟมองลงไปในตาของนีน่าเพื่อนสมัยเด็ก ก่อนจะหันไปมองเลทิเซียที่ทองมาทางนี้สบตากับเขา อันที่จริงเลทิเซียไม่ได้สบหรอกนะ หมอนี่แค่คิดไปเองน่ะ
แต่เอาเป็นว่าพอจังหวะนั้นใจเขาก็เต้นระรัว..
“อืม!”
…. นีน่ายิ้มออกมา แล้วพูด “ฉันดีใจนะที่พวกเราชอบอะไรเหมือนกัน รักคนคนเดียวกัน!”
“ห้ะ?”
กริฟแสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมา ก่อนที่จะหันไปหานีน่าแล้วถามซ้ำ
“นีน่า.. นี่เธอชอบผู้หญิงเหรอ?”
“ใช่สิ…”
“….”
………….
[นีน่า : นายเองก็เป็นได้น่ะ SIMP ท่านเลทิเซียน่ะ กริฟ!]