การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 174

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 174 – เพื่อน..สินะ..

งานเลี้ยงก็ดำเนินไปโดยไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะตลอดงานเลี้ยงก็มีการเดินทักทายตามมารยาทอะไรแบบนี้นั่นแหละ

สิ่งผิดปกติก็มีแต่ซิลเวียนั่นแหละที่ตอนนี้กำลังเดินกินอาหารเหมือนคนอดอยากมาจากไหนไม่รู้

แต่ก็ไม่มีคนห้ามเธอ เพราะเธอเป็นถึงอาจารย์ของโรงเรียนลิเบอร์ ครูที่ถูกส่งมาในงานเลี้ยงคราวนี้คงเป็นครูที่ได้รับความไว้ใจจากทางโรงเรียน

อะไรแบบนั้นละมั้ง ดังนั้นซิลเวียจึงเหมือนปลาได้น้ำแหวกว่ายไปทั่วห้องโถงและยัดอาหารเข้าปาก

แถมพอเหมือนจะนึกถึงฉันก็หอบเอาอาหารมาแบ่งด้วยนะ ยิ่งนับวันซิลเวียยิ่งห่างไกลจากความเป็นเทพนะเนี่ย

อาจารย์เวโรเน่เองก็เหมือนจะไปทักทายเพื่อน ทำให้ฉันในตอนนี้ยืนโดดอยู่ท่ามกลางงานเลี้ยงที่ทุกคนมีคู่คุยอย่างน้อยหนึ่งคน

แต่ฉันก็ไม่ได้ถนัดไอ้งานสังสรรค์อะไรแบบนี้อยู่ด้วย หาโอกาสเหมาะๆ ฉันแอบออกไปนอกห้องงานเลี้ยงเดินอยู่นอกระเบียงรับลม

เหมือนที่ฉันอยู่ตอนนี้จะเป็นชั้นห้านะ เพราะงั้นลมแถวนี้กำลังเย็นสบายดีด้วย ฉันถอนหายใจออกมา

“เฮ้อ”

ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงถอนหายใจ แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยแต่อย่างใด อาจจะเป็นความรู้สึกปลง หรืออะไรก็เป็นไปได้…

ตั้งแต่เกิดมาในโลกใบนี้ฉันก็ได้เจออะไรมาเยอะจริงๆ เป็นประสบการณ์ที่เหนือความเข้าใจของฉันทั้งหมด

ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกจนไปถึงตอนนี้… ฉันเจออะไรมาเยอะมาก จนรู้สึกว่าจุดนั้นฉันคิดว่าจะไม่รอด แต่สุดท้ายก็รอดออกมา

ทุกอย่างเหมือนมีสีสันเป็นของตัวเอง หากมองย้อนกลับไปในอดีตชาติของฉันที่หลังจากพี่เสียชีวิต

ทุกอย่างก็เป็นสีเทาไปจนหมด… บางทีในตอนนั้นที่ต้องกินยาเพื่อระงับอารมณ์หรือไม่กินก็ช่าง ทุกอย่างก็คงเป็นสีเทา

ฉันไม่รู้ว่าแบบไหนมันดีกว่ากันหรอก ฉันรู้สึกเพียงแค่ว่า ในที่แห่งนี้ ในตอนนี้ฉันคาดหวังว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น..

ไม่ว่าจะดีหรือร้ายฉันก็ต้องฝ่ามันออกไป เพราะนี่อาจจะเป็นบทละครของฉัน… พี่..ฉันกำลังสนุกกับการใช้ชีวิตเหมือนตอนอยู่กับพี่เลย….

และ.. ฉันก็คาดหวังว่าความสุขแบบนี้จะอยู่ตลอดไป……

…………

เวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามวันที่ผ่านมาได้ประกาศเกี่ยวกับการแข่งขันทั้งสามแล้ว โดยรอบแรกจะเป็นการแข่งขันเอาตัวรอดแบบกำจัดศัตรูเพื่อเอาคะแนนให้ถึงจำนวนที่กำหนดและชนะไป

การแข่งขันรอบที่สองคือการสู้แบบแพ้คัดออก ผู้ชนะถ้าไม่ยอมแพ้ก็จะสู้ต่อไปจนกว่าจะแพ้

และรอบสุดท้าย การสู้แบบเปิด โดยจะเอาคนที่เหลือรอดมาถึงรอบสุดท้ายลงไปในเขตพิเศษที่มีขนาดใหญ่มาก และจะสู้ จะใช้แผน จะหลอกล่อยังก็ได้

ขอแค่ทำให้ศัตรูเอาตัวรอดในป่าต่อไม่ได้ หรือยอมแพ้ก็จะถือว่าเป็นผู้ชนะ การแข่งรอบสุดท้ายจะแบ่งโรงเรียน ถ้าใครอยากเสียสละให้เพื่อนชนะก็ทำได้

แต่ถ้าใครอยากแย่งดีแบ่งเด่นกับเพื่อนก็ทำได้เช่นกัน..

และฉันต้องบอกจริงๆ ว่า ไอ้การแข่งทั้งสามรูปแบบเนี่ย โรงเรียนลิเบอร์เสียเปรียบที่สุดเพราะมีคนน้อยมาก

ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ไหนก็ต้องใช้พลังงานเยอะมาก แถมการแข่งขันจะไม่มีการพักผ่อนหรือก็คือจะดำเนินกันต่อเนื่องถึงสามวันสามคืน

ที่เป็นแบบนั้นเพราะทางโรงเรียนบอกว่าไม่ใช่ต้องการให้เด็กแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ต้องการให้เด็กเอาตัวรอดในสนามรบจริงได้ด้วย

ถึงงั้นก็เถอะ พึ่งสิบสองสิบสามขวบเองนะ.. เอาเถอะฉันก็เตรียมตัวมาพร้อมเหมือนกันแหละน่า อีกสองวันให้หลังการแข่งขันจะเริ่มขึ้น

ฉันเลยใช้โอกาสนี่แอบหนีออกมาเที่ยวในเมือง ถึงจะไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ แต่ว่าความกลัวน่ะมันหยุดความอยากรู้อยากเห็น เพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นไม่ได้หรอก

เพราะถ้าฉันเก่งขึ้นฉันก็จะอยู่ในโลกนี้ได้ง่ายขึ้น หมายความว่าถ้าไม่ลุงทุนก็ไม่ได้ผลตอบแทน แม้จะมีความเสี่ยงแต่ก็ต้องพยายาม!

ฉันคิดแบบนั้นก็ชูหมัดเบาๆ แล้วแอบออกจากคฤหาสน์ไปเงียบๆ จริงเขาไม่ให้ออกมาหรอกนะ เพราะว่าใกล้ถึงช่วงแข่งขันแล้วหากเป็นอะไรขึ้นมาจะแย่เอา

ยิ่งโรงเรียนลิเบอร์มีแค่ฉันที่เป็นตัวแทนยิ่งโดนกักไว้แน่นหนาจนรู้สึกเหมือนอยู่ในคุก แต่ฉันอยากจะบอกว่าไม่มีใครหยุดฉันได้เพราะตอนนี้ฉันอยู่ในเมืองแล้วยังไงล่ะ!

ในขณะที่ฉันคิดแบบนั้นนั่นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกชื่อฉันจากด้านหลัง ความรู้สึกที่เหมือนถูกจับได้สิ่งแลบเข้ามาในหัว เสียวสันหลังวาบ

“ท่านเลทิเซีย?”

ฉันหันหลังกลับไปด้วยความกังวล แต่พอฉันเห็นต้นเสียงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือสเตฟานี่

คนที่ให้ฉันช่วยสอนหนังสือ ถึงคนที่ตอบปากรับจะไม่ใช่ฉัน แต่ก็เป็นร่างกายฉันอยู่ดีฉันเลยรับผิดชอบสอนเธอตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

สเตฟานี่เป็นคนที่มีไหวพริบ ฉันสอนเธอนิดๆ หน่อยๆ ความคิดของเธอก็ต่อยอดไปได้ไกล

แต่ในตอนนั้นเองสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังสเตฟานี่ พอฉันเห็นหน้าเธอฉันก็พอจำได้รางๆ ว่าเคยเจอเธอคนนี้อยู่แต่ไม่รู้ว่าเคยเจอที่ไหน

เพราะช่วงนี้เจออะไรต่อมิอะไรเข้ามาน่ะนะ.. เธอคนนั้นจ้องมาที่ข้าด้วยสายตาที่จริงจังเหมือนพยายามนึกอะไรอยู่

“เธอคือ…?”

ฉันทนต่อสายตานั้นไม่ไหวเลยถามสเตฟานี่ออกไป พอสเตฟานี่ถูกถามเธอก็รีบแนะนำให้ฉันทันที

“เอ่อ เธอคนนี้คือเพื่อนข้าเองน่ะ.. ชื่อว่า เซเรส เธอช่วยสอนอะไรต่อมิอะไรให้ข้าเหมือนท่านเลทิเซียนั่นแหละ แต่ว่าเธอค่อนข้างจะ…”

“เจ้าหน้าตาคุ้นๆ นะ?”

“เดี๋ยวสิ เซเรสท่านเลทิเซียเป็นถึงองค์หญิงเลยนะ จะเสียมารยาทไม่ได้นะ”

“องค์หญิง.. นี่คืออะไรเหรอ?”

“องค์หญิงคือคนที่เป็นลูกสาวของพระราชาที่ปกครองผู้คนไง”

“เหมือนท่านพ่อข้าน่ะเหรอ?”

“พ่อเจ้าไม่ใช่ราชานี่น่า!”

“แต่พ่อข้ามีลูกน้องเยอะนะ!”

“ก็ได้ๆ เหมือนก็เหมือน”

สเตฟานี่พยักหน้าเห็นด้วย แล้วผู้หญิงที่ชื่อเซเรสก็ยิ้มดีใจออกมา ฉันรู้สึกตกใจ.. ท่าทางแบบนี้มันเหมือนคนที่.. สติไม่สมประกอบเลยนี่นะ

“ก็อย่างที่ท่านเห็นนั่นแหละ ช่วงนี้อาการของเธอหนักลงมาก เธอลืมเรื่องบางเรื่องที่คนปกติก็น่าจะรู้ไปแล้วด้วยเมื่อตอนเธอเข้าโรงเรียนมาใหม่ๆ เธอไม่ได้เป็นหนักขนาดนี้นะ”

“พวกเธอรู้จักกันมานานแล้วเหรอ?”

“รู้จักตอนที่เข้าโรงเรียนนี่แหล—”

“องค์หญิง องค์หญิง เจ้าหน้าตาคุ้นๆ จังเลยนะ อืมมม ~?”

ก่อนที่สเตฟานี่จะได้พูดจบเซเรสก็ยืดหน้ามาจ้องฉันระยะประชิด แต่เธอก็ดูไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไรหรอกนะ สเตฟานี่นวดขมับตัวเองเล็กน้อย

เธอดึงแขนเซเรสกลับมาแล้วก็มายืนอยู่หน้าฉันพร้อมกับแนะนำฉันให้กับเซเรสได้รู้จัก

“อย่างที่รู้ว่าเธอคือองค์หญิง ชื่อว่า เลทิเซีย เจ้าต้องให้เกียรติเธอด้วยนะ เธอเป็นทั้งผู้มีพระคุณและเพื่อนคนสำคัญข้า”

“เพื่อน..? เพื่อนของสเตฟานี่ก็คือเพื่อนของข้า.. เพื่อนของเพื่อนก็คือเพื่อน พวกเราเป็นเพื่อนกัน!!”

เธอก็มากระโดดกอดคอฉันกับสเตฟานี่ แต่ฉันในตอนนี้ยืนนิ่งไปกับคำพูดของสเตฟานี่.. ดวงตาของฉันจ้องมองที่สเตฟานี่..

“เพื่อน…”

ฉันพึมพำออกมา ความรู้สึกบางอย่างพลุกพล่านในใจฉัน สเตฟานี่หันมามองฉันเธอก็ทำสีหน้ากังวลออกมา

“เอ่อ.. คือ.. ไม่ใช่เหรอคะ.. ขอโทษค่ะ..”

“ไม่… ไม่ใช่แบบนั้น..”

ฉันพูดออกไป.. สายตาหันไปมองเซเรสกับสเตฟานี่.. ลบความคิดด้านลบของฉันออกไป.. พวกเธอเป็นเหมือนเลวี่.. เหมือนทสึรุ

เธอยิ้ม.. เธอดีใจเหมือนชาร์ล็อต เธอกังวลเหมือนชาร์ล็อต… ไอ้ความรู้สึกนี่ทันอะไรกันนะ…. ไอ้ความรู้สึกอัดแน่นหน้าอกนี่..

มันไม่ใช่ความเจ็บปวดเหมือนตอนที่ทำชาร์ล็อตร้องไห้.. แต่เป็นความรู้สึกเหมือนตอนชาร์ล็อตยอมรับว่าคนแบบฉันเป็นเพื่อน…

ฉันกลัวสิ่งนี้.. กลัวว่ามันจะกลายเป็นคมดาบอีกคมที่ตัดมาที่หัวใจฉันเหมือนในอดีต.. แต่ตอนนี้.. พวกเธอทั้งสองนั้นดูไร้เดียงสาพร้อมบอกว่าเป็นเพื่อน

กลับกันสายตาผิดหวังของสเตฟานี่มันยิ่งทำให้ฉันอึดอัดใจ..

ไม่รู้ทำไมจู่ๆ มุมปากฉันถึงยกขึ้น…

“เพื่อน.. สินะ …”

“ดีจัง..”

………

[อ้า~ เติบโตแล้วสินะ T~T – ใครสักคนที่ตามติดชีวิตเลทิเซีย]

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท