การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 185

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 185 – ม้ามืด

“เอาล่ะ จับตาดูกันให้ดีนะคะ การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว เวลาแข่งขันคือสามชั่วโมงในเขตต่อสู้ที่มีขนาดไม่ถึงสองตารางกิโลเมตร”

ลิซเบลรายงานต่อผู้ชมอย่างขยันขันแข็งบนท้องฟ้า มีหน้าจอแสงที่ฉายสถานที่ต่างๆ ในสนามแข่งเอาไว้

และภาพเหล่านี้ไม่ได้ฉายแค่อยู่ในเมือง แต่ฉายไปทั่วทั้งทวีป มีคนมากมายกำลังจับตามองการแข่งขันนี้

แต่การเริ่มแข่งโดยปกติแล้วจะไม่มีการต่อสู้ทันที เพราะนักเรียนทุกคนจะถูกส่งไปในสถานที่ที่แตกต่างกันในเขตพื้นที่ที่เต็มไปด้วยป่าเขา

ซึ่งมีทั้งสัตว์ร้าย หากเลือกเดินทางไม่ดีอาจจะไปเจอกับฝูงสัตว์ดุร้ายจนพ่ายแพ้ ก่อนที่จะสู้กับคนอื่นด้วยซ้ำ

แต่ไม่รู้โชคร้ายแบบไหนที่เลทิเซียถูกส่งไปใกล้อสูรหมาป่าตัวหนึ่ง เป็นจอแรกที่มีการต่อสู้คนจึงหันไปสนใจทันที

“โอ้ ดุท่าการต่อสู้ครั้งแรกจะเป็นการต่อสู้ระหว่างตัวแทนโรงเรียนลิเบอร์กับหมาป่าขนหิมะนะคะ”

เสียงพากย์ของเธอพึ่งจะดังขึ้น หมาป่าขนหิมะก็ถูกฆ่าพร้อมกับเสียงตะโกนอันหงุดหงิดขอองตัวแทนเลทิเซีย

“อะไรกัน สามารถจัดการหมาป่าด้วยมือเปล่าอย่างนั้นเหรอ นี่หรือว่าผู้เข้าแข่งขันจากลิเบอร์เองก็จะเป็นม้ามืดคนหนึ่งเช่นกัน”

การปะทะครั้งแรกไม่มีการใช้เวทมนตร์หรืออะไรทั้งสิ้น แต่ในตอนนั้นเองหน้าจอที่อยู่ใกล้ๆ เลทิเซียก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

“นั่นมันอะไรกัน นักเรียนจากโรงเรียนเอเรียสรวมกลุ่มกันได้ไวขนาดนี้เชียว คาดว่าอีกไม่นานคงไปเจอกับตัวแทนโรงเรียนลิเบอร์ท่านเลทิเซีย”

ในขณะที่อีกหน้าจอหนึ่งก็มีการต่อสู้ปะทุขึ้นอีก ไม่ใช่คนกับคน แต่เป็นคนกับอสูรเหมือนเลทิเซีย

“โอ้ ทางฝั่งนี้คือตัวแทนของโรงเรียนเมลต้าเอล์ฟแห่งพงไพร ได้เริ่มต่อสู้โดยใช้ทักษะธนูอันเหนือล้ำของเธอเข้าจัดการ”

การต่อสู้ไม่ดุเดือดมากแต่ทุกคนก็ได้เห็นทักษะยิงธนูสุดแม่นจนอ้าปากตาค้างกันไปตามๆ กัน และในขณะเดียวกันอีกสนาม

ตัวแทนของโรงเรียนไลเบอร์อย่าง เซเลียและแอนนี่ ไม่รู้ว่าโชคดียังไงพวกเธอได้รวมกลุ่มกันแล้ว และการต่อสู้ก็เริ่มมากขึ้นทุกหน้าจอที่แสดงภาพอยู่

ก็มีความปั่นป่วนโกลาหลเพิ่มขึ้น เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ยังไม่มีใครในสนามแข่งขันได้ต่อสู้กัน แต่ทุกคนยังคงจ้องอย่างใจจดใจจ่อ

และในตอนนั้นเอง ลิซเบลก็พูดขึ้นด้วยความตกใจ

“อะไรกัน!!!! ดูเหมือนว่าผู้เข้าแข่งขันจากโรงเรียนลิเบอร์ท่านเลทิเซียจะได้เจอกับโรงเรียนเอเรียสเข้าให้แล้วค่ะ การต่อสู้จะเริ่มขึ้นหรือไม่ หรือทั้งคู่ต่างจะหลบหนีมาดูกันเลยค่ะ”

ทุกคนหันแวบไปหาหน้าจอที่มีเลทิเซียยืนอยู่ กลุ่มคนจากโรงเรียนเอเรียสมีราวๆ สิบกว่าคน ตรงข้ามเลทิเซียนั้นมีแค่คนเดียว

ชายร่างใหญ่ที่เคยทักเลทิเซียก็อยู่ด้วยเช่นกัน พวกเขาเห็นเลทิเซียก็ต่างพากันยิ้มมุมปาก ราวกับได้โชคหล่นทับ

“นี่มันๆ ตัวเงินตัวทอ—”

เขากำลังจะพูดเลทิเซียก็ก้าวขาออกไปก้าวหนึ่ง พริบตาเดียวร่างก็สลายหายไปจากตรงจุดนั้น ไม่ใช่แค่เร็วจนเหนือกว่าสายตาศัตรู

แต่แม้แต่กล้องถ่ายทอดสดก็ยังตามความเร็วเลทิเซียไม่ทัน ในขณะที่ทุกคนต่างพากันสับสน ร่างเลทิเซียพลันปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าชายร่างใหญ่

ในตอนนั้นชายร่างใหญ่พลันจับจ้องเข้าไปในดวงตาของเด็กผู้หญิงตรงหน้าที่เหมือนจะมีเส้นเลือดฝอยในดวงตา

สัญชาตญาณเขาบอกให้รีบถอยหนี แต่ทว่ามันช้าเกินไป หมัดขวาเลทิเซียตรงเข้าใส่หน้าอกของเขาอย่างรวดเร็ว

“เปรี้ยง”

ว่ากันว่า เมื่อหมาจนตรอกมันจะระเบิดความกล้าออกมาโดยที่ไม่สนสังขารหรืออะไรของตัวเองจึงมีคำพูดว่า หากฆ่าได้ก็ฆ่า

อย่าต้อนหมาให้จนมุม เช่นเลทิเซียในตอนนี้ ความกังวล ความกลัว ความระแวง ทุกอย่างมันอัดแน่น ไม่สามารถถอยได้ มีแต่ต้องชนะ

ความรู้สึก ความกลัว ความระแวง?? ไร้สาระ ทุกอย่างมันบ้าบอไปจนหมดเมื่อเธอไม่สนแล้ว จะสู้ได้ไหมไม่ลองไม่รู้

ไม่สิ มีแต่ต้องทำ เมื่อกลายเป็นแบบนี้… ความกลัวของเลทิเซียก็หายไปทั้งหมด ใช่ ข้อเสียของเธอคือขี้ระแวงจนเกินไป

ระแวงจนเกินเหตุ แต่ด้วยผลกระทบและการกดดันทางความรู้สึกในคราวนี้ ทำให้เธอต้องโยนความกลัวทั้งหมดทิ้งไปซะ

แล้วสู้ และในตอนนี้ตัวเลทิเซียคือไร้ซึ่งข้อเสียที่เรียกว่า ‘ความกลัว’ กล่าวคือ เธอในตอนนี้คือความ ‘สมบูรณ์แบบ’ อย่างแท้จริง!!

“ตู้ม”

ร่างชายคนนั้นปลิวลิ่วราวกับกระสุนปืนใหญ่กระแทกใส่พื้นจนฝุ่นควันฟุ้งตลบ เลทิเซียไม่ได้ใช้เวทมนตร์เสริมร่างกาย เพราะมันแข็งแรงเกินไป เธอไม่อยากทำให้ศัตรูตัวแตกต่อหน้า

สิ่งที่เธอใช้มีเพียงวิชา “ดาวไร้ลักษณ์” ศาสตร์ไร้อาวุธ

“แค่กๆ พละกำลังนั่นมันอะไรกันฟะ นี่มันออกจะเกินหน้าเกินตาสำหรับเด็กหญิงตัวเล็กๆ อยู่นะเฮ้ย”

น่าตกใจที่ชายคนนั้นส่งเสียงออกมาเหมือนกับไม่มีผลกระทบจากหมัดเมื่อกี้เลย เลทิเซียไม่ได้ตกใจอะไรเลย

ฝุ่นควันที่เกิดขึ้นสลายหายไป ปรากฎเงาร่างของบางสิ่งบางอย่างที่ปกคลุมร่างชายคนนั้นอยู่

“อะไรกันนั่นมัน.. พันธสัญญาโซล นักรบเกราะไร้เทียมทาน!!”

ผู้ประกาศพูดขึ้น หลังจากทุกอย่างเงียบลง ไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงโห่ร้องที่เต็มไปด้วยความตกใจและตื่นเต้น

“ความเร็วและพละกำลังนั่นมันเหนือกว่าเด็กทั่วไปแล้ว!!!!”

“แต่ว่าโซลของเจ้าเด็กนั่นก็แข็งแกร่งจนสามารถต้านรับหมัดนั้นได้ด้วย!”

ทุกคนต่างพากันฮือฮาเป็นเสียงเดียวกัน ลิซเบลก็ทำหน้าที่อธิบายว่าพันธสัญญาโซลมีหน้าที่ไว้ทำอะไร

“ดูเหมือนโซลของเขาจะทำหน้าที่เป็นโซลสายป้องกัน แม้ว่าตัวเขาจะไม่สามารถตอบสนองได้หรือไม่สามารถรับรู้ถึงการโจมตีได้ก็ตาม”

“ก็จะสามารถป้องกันได้อยู่ดี นี่แหละคือการป้องกันสมบูรณ์แบบ”

ใช่ แล้วโซลนั้นทำหน้าที่เหมือนคล้ายระบบอัตโนมัติบางอย่าง ไม่ว่าตัวผู้ใช้จะสามารถรับรู้ถึงการโจมตีได้หรือไม่ก็ตามก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ

ยิ่งเป็นโซลประเภทการป้องกันแล้วละก็ยิ่งทำหน้าที่แค่คอยป้องกัน ว่าง่ายๆ คือต่อให้เขานอนหลับก็ไม่มีใครทำอันตรายเขาได้

แม้จะไม่สามารถช่วยในการต่อสู้อย่างสามารถสร้างความเสียหายให้ศัตรูได้ก็ตาม แต่ก็ทดแทนมาด้วยความสมบูรณ์แบบนี้นั่นเอง

ในขณะที่ชายร่างใหญ่กำลังจะเตรียมตัวต่อสู้นั้นเอง คนอื่นๆ ในทีมเขาก็เหมือนจะได้สติขึ้นมา และรีบโจมตีใส่เลทิเซียกันอย่างพร้อมเพรียง

ทว่าเลทิเซียก็ยกฝ่ามือขึ้นมาและกำหมัดช้าๆ ชั่วพริบตานั้นเองร่างของชายคนนั้นก็พุ่งกลับมารับการโจมตีทุกอย่างแทนเลทิเซีย

“นี่มัน!?”

โดยที่ทุกคนไม่รู้ตัวบนเกราะโปร่งใสที่เป็นเกราะของโซลชายคนนั้นมีเส้นเอ็นรัดไว้อยู่ เพราะมันไม่ได้รัดบนผิวหนัง

ทำให้เจ้าตัวสัมผัสไม่ได้ อีกทั้งเมื่ออีกฝ่ายมีเกราะ เลทิเซียก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าด้ายนี่จะตัดคออีกฝ่าย

แถมยังใช้หมอนี่เป็นโล่มนุษย์ได้ นั่นควรจะเป็นสิ่งที่เลทิเซียควรทำในยามปกติ หาวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แต่ทว่าเธอในตอนนี้กลับไร้ซึ่งความคิดเช่นนั้น

เธอจับร่างของอีกฝ่ายกวาดไปด้านหน้าพร้อมกับปล่อยมือออกจากด้ายกวาดเอากลุ่มคนด้านหน้าไปพร้อมกัน

และแน่นอนว่าเลทิเซียไม่ปล่อยให้ศัตรูได้ตั้งตัว เธอดีดนิ้วหนึ่งครั้งชั่วพริบตานั้นเองเวทมนตร์ถูกร่ายออกมา

เข็มน้ำแข็งขนาดใหญ่มากกว่าสิบเล่มผุดขึ้นมา พร้อมกับชั่ววินาทีต่อมาโซ่น้ำแข็งมากมายก็ผุดขึ้นมารอบเกราะของชายคนนั้น

ถ้าจะพูดให้ถูกคือจากเส้นด้านที่พันอยู่รอบเกราะ ก่อนที่จะมัดนักเรียนทุกคนรวมกันจนหมด และแทบจะในทันทีเข็มน้ำแข็งก็พุ่งปักลงพื้นจนกลายเป็นกรงน้ำแข็ง

ไม่สามารถสู้ต่อได้!!!

“นะ… นี่มัน…”

ผู้บรรยายลิซเบลพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“สามารถจัดการตัวแทนของโรงเรียนเอเรียสได้ภายในไม่ถึงนาที!! ผู้เข้าแข่งขันเลทิเซียจัดการศัตรูสิบกว่าคนรวดเดียวจบเลยค่ะ!!!”

“ไม่น่าเชื่อ ว่าเธอจะสามารถจัดการศัตรูได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ โรงเรียนลิเบอร์ไปรับสัตว์ประหลาดแบบนี้เข้าเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่คะเนี่ย!!”

ไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงโห่ร้องของผู้ชม แม้แต่ผู้ชมทางบ้านเองก็ฮือฮาไม่ต่างกัน

“เด็กนั่นเป็นใครกัน อะไรนะ เธอเป็นองค์หญิงเหรอ จากที่ไหนกันทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลย”

“รู้สึกว่าจะมาจากอาณาจักรอาเดฟ”

“เดี๋ยวนะ อาณาจักรผู้กล้ากับเทพธิดานั่นไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ อาณาจักรนั่นแหละ”

“เลทิเซีย.. เลทิเซีย.. เธอคือองค์หญิงคนนั้นที่ว่าเป็นอัจฉริยะในด้านเวทมนตร์ไม่ใช่หรือไง”

“บ้าเอ๊ย โรงเรียนลิเบอร์มีสัตว์ประหลาดแบบนั้นเข้าเรียนด้วยงั้นสินะ!!”

“แต่ข้าได้ยินข่าวว่าท่านเลทิเซียมีร่างกาที่อ่อนแอจนไม่สามารถฝึกวิชาดาบไม่ได้เลยไม่ใช่หรือไง แต่นี่ข้าพึ่งเห็นเธอต่อยคนปลิวยังกับเศษผ้าเลยนะ”

เสียงวิจารณ์มากมายดังขึ้นไปทั่วทุกสารทิศ บนที่นั่งชมไม่รู้ว่าทำไมเลวี่กำลังเชิดหน้าอย่างภูมิใจอยู่

“หึ ข้าบอกแล้วว่าท่านพี่ของข้าแข็งแกร่งที่สุด อย่ามาดูถูกท่านพี่ของข้าเชียวนะ!!”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท