บทที่ 186 – ท่านแม่ขี้วีน
การต่อสู้ดำเนินไปด้วยความร้อนระอุ หลังจากมีการปะทะครั้งแรกแล้ว ก็ย่อมมีครั้งที่สองและครั้งที่สามตามมา
ในสนามรบเต็มไปด้วยไฟร้อนระอุ มีผู้เป็นดาวรุ่งโผล่ออกมาจนยากที่จะคาดการณ์นอกจากนี้ยังมีพวกม้ามืดที่ชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว
บางคนแย่งชิงแม้แต่ของโรงเรียนเดียวกันเพื่อไปให้ถึงจุดที่สูงยิ่งกว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ร้อนระอุนี้
พริบตาเดียวการต่อสู้ก็เข้าสู่จุดตัดสิน อันที่จริงม้ามืดที่โดดเด่นที่สุดคือผู้ที่มาจากโรงเรียนลิเบอร์ องค์หญิงแห่งอาณาจักรอาเดฟ
เลทิเซีย ทีน อาเดฟ เธอถูกกล่าวถึงในฐานะวีรสตรีไปแล้วก็ว่าได้เนื่องจากวีรกรรมของเธอช่างป่าเถื่อน จัดการศัตรูด้วยหมัดบ้าง
เวทมนตร์บ้าง ราวกับรถถังเดินได้ แม้เธอจะสามารถผ่านการทดสอบได้หากไปหลบซ่อนตัวสักสองสามชั่วโมง เอาเถอะเพราะสนามมันไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น
คิดว่าไม่นานคงถูกเจอตัวก็จริง แต่ว่าก็สามารถหลบหนีได้เรื่อยๆ แต่เธอไม่ทำ เธอวิ่งเข้าหาคนจากโรงเรียนอื่นเหมือนสัตว์ร้าย
ไม่ว่าศัตรูจะมากันกี่คน ไม่ว่าจะมีโซลกันรูปแบบไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าเลทิเซียราวกับมันเป็นแค่ละครปาหี่ตลกๆ เท่านั้น
เธอต่อสู้ด้วยวิธีที่หลากหลาย ราวกับรู้แพทเทิร์นพลังของศัตรูทุกอย่าง นอกจากความแข็งแกร่งร่างกายและพลัง
เธอยังมีความเข้าใจต่อการแก้ทางสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมที่อยู่ทางบ้าน หรือเป็นผู้ชมที่มารับชม
ทุกคนล้วนแสดงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้นี่แหละ ที่จะได้รับที่หนึ่งในการแข่งขันรอบนี้
…………
ห่างไกลออกไปจากอาณาจักรเวทมนตร์มิราลิส ในอาณาจักรอาเดฟ มีพระราชากับราชินีคู่หนึ่งนั่งดูจอแสงมอนิเตอร์อยู่ด้วยสีหน้าดีอกดีใจ
“ดูสิ เลทิเซียต้องได้ที่หนึ่งอย่างแน่นอน”
“สมแล้วกับเป็นลูกสาวพวกเรา ฮ่าๆๆ”
พวกเขาคุยกันอย่างออกรส แต่ในตอนนั้นเองประตูห้องโถงก็ถูกเปิดออกมีคนคนหนึ่งเดินเข้ามา ตามปกติหากมีการเดินเข้าห้องโถงใหญ่แบบนี้ควรได้รับบทลงโทษ
แต่พอเลเวียเห็นคนที่เดินเข้ามา เธอก็อ้าปากค้างเล็กน้อย ลูเซียโน่ที่อยู่ด้านข้างเหงื่อแตกทันที พวกเขาทั้งสองรีบปิดจอภาพตรงหน้า
เลเวียรีบเดินลงไปหาคนที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางที่กระวนกระวาย ในขณะที่ลูเซียโน่เองก็กระวนกระวาย คนที่ทำให้ทั้งสองมีท่าทางเช่นนี้ได้มีเพียงคนเดียวบนโลกนี้
มารดาของเลเวีย หนึ่งในเทพธิดาระดับสูงผู้มีหน้าที่สูงล้ำยิ่งกว่าใครๆ บนแดนสวรรค์ ผู้ควบคุมความเป็นความตายวัฏฏะสงสารทั้งมวล!!!
“ท่านแม่ ท่านมาอีกแล้วเหรอ”
“นี่เจ้าพูดเหมือนกับไม่อยากให้ข้ามางั้นแหละนะ เลเวีย”
“มะ.. ไม่ใช่สักหน่อย.. ข้าแค่เป็นห่วงท่านเพราะงานของท่านก็มีอยู่เต็มไม้เต็มมือ หากลงมาบ่อยๆ แบบนี้งานของท่านก็จะ…”
“คนเสเพลอย่างเจ้า ไม่มีสิทธิ์มาแสดงความเป็นห่วงข้า แล้วนี่เจ้ายังไม่เชิญข้าไปนั่งอีกนะ”
“ชะ เชิญทางนี้”
คนที่พูดเชิญมารดาของเลเวียคือลูเซียโน่ ตั้งแต่ต้นจนจบเธอไม่ได้หันมองลูเซียโน่เลยสักนิด พอลูเซียโน่เชิญเธอก็นั่งลงตรงนั้น
พริบตานั้นก็มีเก้าอี้ปรากฏขึ้นมา เธอมีผ้าสีขาวปิดใบหน้าอยู่แต่ทว่าแม้แต่เด็กยังคงมองออกว่าหน้าภายใต้ผ้าขาวนั่นต้องมีใบหน้าเลอโฉมอยู่อย่างแน่นอน
“ท่านแม่นี่ชา..”
ลูเซียโน่พูดขึ้นพลางยื่นแก้วชาให้ แต่มารดาของเลเวียเหมือนรู้สึกหงุดหงิด เธอพูดกับลูเซียโน่
“ข้าไม่เคยอนุญาตให้เจ้าเรียกว่าแม่”
“ขะ…ขออภัย”
ลูเซียโน่ก้มรับคำอย่างว่าง่าย ผู้กล้าที่แข็งแกร่งกำลังก้มหัวให้เธอคนนี้อย่างว่าง่าย คงหาเรื่องแบบนี้ไม่เจออีกในทวีปนี้
อันที่จริงทั้งเลเวียกับลูเซียโน่ต่างรู้ดีว่าเธอคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้เป็นคนที่ขี้วีนขนาดไหน แม้แต่เทพบางคนยังโดนเธอตบหน้าหันมาแล้ว
เลเวียจำได้ว่าเคยมีเทพสงครามคนหนึ่งมาจีบแม่เลเวีย ก็ถูกตบซัดกลับไปจนฟันร่วงเลยทีเดียว
“ท่านแม่.. ท่านไม่ต้องพูดถึงขนาดนั้น…”
“เจ้าไม่ต้องมาเถียงข้า!!”
“ข้าขอโทษ”
อันที่จริงก่อนหน้านี้ที่ตามหาเลทิเซียเจอเพราะท่านแม่ของเลเวียลงมาโลกมนุษย์พอดีนั่นแหละ
แต่ยังไม่ถึงสามเดือนเธอก็ลงมาอีกรอบซะแล้ว ในขณะที่ทั้งสองกำลังงุนงงถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเทพขี้วีนคนนี้ถึงลงมาที่โลกแห่งนี้ เจ้าตัวก็พูดว่า
“ข้าได้ยินว่าเจ้าต้องการจะส่งลูกสาวเจ้าไปเรียนโรงเรียนเทพงั้นเหรอ”
“อ้อ เรื่องนั้นเองสินะ”
ในที่สุดเลเวียก็เข้าใจเหตุผลที่แม่เธอมาหา เอาเข้าจริงถึงแม่ของเธอจะคัดค้านเรื่องแต่งงานกับผู้กล้าสุดขีด
แต่เธอก็ยังมองว่าลูกๆ ของเลเวียก็คือหลานของเธออยู่ดีสินะ ในขณะที่เลเวียคิดแบบนั้นเธอก็รีบตอบออกไป
“เรื่องนั้นคือว่า ทั้งสองต่างก็บอกว่าไม่อยากไปที่ที่ไม่รู้จัก เลยต้องยกเลิกไปน่ะ ข้าคิดว่าจะให้พวกเขาเรียนอยู่โลกมนุษย์น่ะ”
พอพูดไปแบบนั้นก็คิดว่าตัวเองต้องโดนท่านแม่ด่าแน่นอน เพราะทำให้ท่านแม่ทิ้งงานแล้วมาเสียเที่ยวเนี่ย เลเวียผู้น้อมรับก้มหัวรอความผิดอยู่นั้น
ทว่ากลับไม่มีเสียงบ่นออกมาเธอตอบกลับสั้นๆ
“เหรอ.. งั้นก็ไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ข้ากะจะบอกเจ้า แต่ดูท่าเจ้าคงยังไม่พร้อมสินะ”
“เอ๋ ท่านหมายถึงอะไร?”
เลเวียแสดงสีหน้าสับสนออกมา แต่ว่าท่านแม่ของเธอไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด เธอลุกขึ้นและเดินจากไป
“เดี๋ยวสิ ท่านแม่”
“ข้ากำลังตามหาคนอยู่ อย่ามากวนข้า”
แม่ของเธอทำเสียงเย็นใส่ จนเธอหยุดชะงักลงไปครู่หนึ่ง เลเวียก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าท่านแม่กำลังตามหาใคร
แถมเธอเอาจริงเอาจังมาก จนแทบรู้สึกหงุดหงิด เพราะแม้แต่ชื่อหลานแม่ของเธอยังไม่เคยพูดถึงสักครั้ง
เลเวียก็พอมองออกแล้วว่าบางทีท่านแม่ที่มาในครั้งนี้คือมีการหาใครสักคนเป็นเหตุผลหลัก เหตุผลรองก็คือเรื่องเข้าโรงเรียนของหลานๆ
เธอรู้สึกว่าเธอมองแม่ตัวเองผิดไปครั้งแรก เพราะแม่เธอสนใจคู่หมั้นที่คิดจะบังคับเธอแต่งงานด้วยยิ่งกว่าคิดถึงหลานตัวเองซะอีก
“วันๆ ท่านเอาแต่ตามหาอยู่นั่นแหละ มันสำคัญขนาดนั้นหรือไง ท่านถึงได้ตามหามัน ข้าก็บอกแล้วว่า—”
เธอยังไม่ได้ทันได้พูดคำว่า “ข้าน่ะมีคนรักแล้ว” เสร็จท่านแม่ของเธอก็หันหน้ากลับมามองเธอด้วยสีหน้าที่โกรธสุดขีด
“หุบปาก เจ้าคิดว่าเป็นเพราะใครเจ้าถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้ในตอนนี้? หากเจ้าพูดแบบนั้นอีกครั้ง ข้าจะจับเจ้าส่งกลับไปเกิดใหม่ลืมเรื่องเกี่ยวกับไอ้ลูเซียอะไรนี่ซะ”
ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเห็นมารดาตัวเองโมโหขนาดนี้มาก่อน แม้มารดาเธอจะขี้วีน ขี้โมโห ไม่เห็นด้วยกับความรักของเธอ
แต่แม่ของเธอไม่เคยห้ามให้เธอมีความรักเลย แม้เธอจะไม่ทราบว่าทำไมท่านแม่ถึงหาคู่หมั้นให้เธอ แต่ตลอดมาท่านแม่ก็ไม่เคยหยุดความสัมพันธ์ของทั้งสอง
แม้มันจะทำได้ง่ายขนาดไหนก็ตามที นี่คงเป็นครั้งแรกที่ท่านแม่ของเธอโมโหให้เธอถึงขนาดนี้
พอเสียงท่านแม่ดังขึ้นเลเวียก็ก้มหัวทันที รู้ว่าตัวเองผิดมากในครั้งนี้เธอรีบพูด
“ขอโทษ…”
“แล้วก็นาย หากแตะต้องเลเวียอีก.. อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
มารดาของเลเวียจ้องไปหาลูเซียโน่เป็นครั้งที่สองแล้วก็พูดแบบนั้นก่อนจะจากไป แต่ก่อนที่เธอจะจากไปเธอหยุดชะงักลงเล็กน้อย
ก่อนจะพูดเบาๆ ว่า
“หากพ่อเจ้ารู้ เขาคงจะโกรธเจ้ายิ่งกว่าข้า…มนุษย์น่ะ มันน่ารังเกียจ”
“ท่านพ่อ…?”
เลเวียอึ้งไปเล็กน้อย พอกำลังจะเงยหน้าขึ้นมาพูดบางอย่าง มารดาเธอก็หายไปจากตรงนั้นเสียแล้ว