บทที่ 191 – แทรกแซงการแทรกแซง
“เรน ฟังไว้นะหากครอบครัวหรือคนสำคัญของเราเป็นอะไรไปเพราะเราขึ้นมาน่ะ มันจะรู้สึกแย่มากๆ เพราะงั้นปกป้องไว้ให้ดีนะ”
“เรนเห็นตรงนี้ไหม นี่แหละคือความแตกต่างของคำว่าจำนวนที่นับได้ กับจำนวนที่นับไม่ได้”
“เดี๋ยวเถอะเรน อย่าปล่อยให้ลูเซียอยู่คนเดียวสิ ต้องคอยดูแลน้องสาวนะรู้ไหม”
“เป็นครอบครัวต้องรักกันนะ”
“พ่อกับแม่คืออะไรเหรอ อืม พี่ก็ไม่รู้สิ พี่ก็ไม่เคยเหมือนกับเรนนั่นแหละ จะว่าไปพวกเราเหมือนกันเลยนะ”
“เรนหากพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอพี่ คนที่จะนำครอบครัวคือเรานะ อย่าทำให้พี่ผิดหวังล่ะ อะไรนะ? พี่จะไปไหนงั้นเหรอ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพวกเราก็ได้เจอกันอีก”
“พี่สอนทุกอย่างให้เราแล้ว ต่อไปนี้เราต้องก้าวเดินไปด้วยตัวเองนะ”
สิ้นเสียง เงาร่างของพี่สาวก็เดินจากไปพร้อมกับแสงสว่างที่สาดจ้าใส่ตาเลทิเซีย ตอนนี้ทุกอย่างในสายตาเธอดูมืดมัว
ไม่เหลือใคร ไม่เหลืออะไร เธอหาที่พักพิง ใช่ เธอมีน้องสาวชื่อเลวี่ เธอมีเพื่อที่สำคัญมากมาย ใช่..
แล้วคนที่กำลังยืนชี้หน้ามาที่เธอแล้วบอกว่าจะสอนเธอเป็นใคร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พี่เธอไม่เคยโกหก
พี่สอนฉันทุกอย่าง เรื่องที่ดีแม้บางเรื่องฉันอาจจะไม่ได้ฟังพี่อย่างเรื่องที่ว่า คนทุกคนไม่ได้โหดร้าย
แต่ว่าฉันก็ไม่เคยคิดว่าความคิดพี่มันผิด อะไรกันพี่สอนฉันไม่ดี? ไม่ดียังไง ทำไมพี่ถึงสอนไม่ดี
เสียงมากมายดังกึกก้องมาด้วยความสับสน พี่ไม่ดีเหรอ ไม่!! พี่น่ะเป็นคนดีที่สุด แล้วมันเป็นใคร ถึงมาดูถูกท่านพี่
เลทิเซียไม่ใช่คนประเภทที่ว่าหยิ่งยโสหรือคิดว่าความรู้ที่ตัวเองมีมันถูกทุกอย่าง ตัวของเธอนั้นเปิดรับเอาความรู้ใหม่ๆ เสมอ
แต่สิ่งเดียวที่เธอยึดถือมันตลอดมาคือคำพูดของพี่ พี่เธอทั้งใจดี ไม่เห็นแก่ตัว เต็มไปด้วยความยุติธรรม
ดังนั้นพี่น่ะถูกต้อง ครอบครัวสำหรับเลทิเซียนั้นคืออะไรเธอไม่รู้จักนอกจากพี่น้อง เธอไม่เคยคิดว่าพ่อแม่คือครอบครัว
เพราะตลอดมาเธอไม่เคยสัมผัสความรักจากพ่อหรือแม่ สิ่งเดียวที่เธอสัมผัสได้คือความรักจากพี่น้อง และคนที่สอนเธอทุกอย่างคือพี่สาว
ใช่ เรื่องเหล่านั้นมันไม่ใช่คำสั่งสอนอย่างเรื่องที่เรียนในรงเรียน มันมรคุณค่ายิ่งกว่านั้น เพราะ…
พี่สาวของเธอนั้น.. สอนให้เธอเป็นคนดี
หากไม่มีพี่สาวคงไม่มีเลทิเซียในตอนนี้ บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เลทิเซียที่ใจดีกับคนอื่นแบบทุกวันนี้ แต่อาจจะเป็นจอมมารที่ชั่วร้าย
เมื่อมีพลังสมบูรณ์แบบขนาดนี้ เธอที่กลัวทุกชีวิตกลัวว่าจะโดนฆ่า คงเลือกที่จะใช้พลังทั้งหมดตัวเองสยบทุกคนไปแล้ว
ใช่แล้ว ทุกอย่างที่เป็นเลทิเซียในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเลทิเซียที่ฉลาด เลทิเซียที่รักน้อง เลทิเซียที่มีมุมตลกๆ ออกมาให้เห็น
ทุกอย่างล้วนเกิดจากการเลี้ยงดูของพี่สาว พี่สาวที่เธอรักสุดหัวใจ และไม่มีใครมาแทนที่ได้ พี่เอลน่าที่สำคัญของเธอ
หากมีคนสอนเธอว่าแบบนี้ไม่ดีนะ แบบนี้ไม่ถูกนะ เธอคงยอมรับ แต่ทว่าเมื่อกี้อีกฝ่ายพึ่งหมิ่นประมาทครอบครัวเธอ..
ไม่สิ หมิ่นพี่สาวของเลทิเซีย
บางทีตั้งแต่โกรธมาคงไม่มีอะไรทำให้เธอโกรธไปมากกว่านี้อีกแล้ว นี่ไม่ใช่ความหงุดหงิด แต่เป็นความโกรธและความเดือดดาล
มันเป็นใคร? คำถามที่ถามกึกก้องขึ้นมาในหัวของเธอฉับพลัน ทันทีที่เสียงของเลทิเซียกึกก้องไป
อาจจะเพราะภายใต้ความโกรธของเธอยังคงมีสติคำพูดที่ปล่อยมาเต็มไปด้วยเวทมนตร์แห่งการแทรกแซง
เวทมนตร์มนุษย์นั้นอย่าลืมว่ามันคือการแทรกแซงกฎหรือความเป็นจริง หากพลังของอีกฝ่ายคือความสามารถในการ ‘โดนแน่นอน’ นั้น
คือความจริงที่ต้อง ‘เกิดขึ้น’ แล้วละก็บางที ความจริงที่ว่านั้นอาจจะถูกคำพูดเลทิเซียแทรกแซงจนถูกลบให้หายไปนั่นเอง ทั่วทั้งสนามต่างพากันอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เลทิเซียเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่แน่นิ่ง ไม่สิ บางทีเธอคงไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองต้องแสดงสีหน้ายังไง เธอต้องทำยังไง
ไคลน์เหมือนกับถูกดวงตาของเลทิเซียสะกดอยู่กับที่ ไม่สามารถที่จะก้าวขาต่อไปได้ เขาได้แต่ถอยหลัง
ในตอนนั้นเองเลมิสก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของไคลน์ว่า
“ลงมาจากสนามซะ เจ้าแพ้แล้ว”
ไคลน์ตอบสนองด้วยความกลัวยอมแพ้ แล้วก็รีบวิ่งลงสนามไป ก่อนที่จะประกาศชื่อเลมิสก็โดดขึ้นมาบนสนาม
“เดี๋ยวก่อนสิ นี่ยังไม่ถึงตาของเจ้านะ”
คนที่หยุดเลมิสคือกรรมการ รอบของเลมิสคือรอบสุดท้ายเลย เลมิสหันไปหากรรมการ ดวงตาของเธอจ้องไปที่กรรมการ
ก่อนที่จะหันไปหาทีมของตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า
“ดูเหมือนว่าจู่ๆ พวกเขาก็ท้องเสียกันน่ะ ดังนั้นขอสละสิทธิ์จนหมดไปแล้วล่ะ”
กรรมการอึ้งก่อนจะหันไปดูนักเรียนที่ยังไม่ขึ้นสนามอีกสามคน ดูเหมือนจู่ๆ พวกเขาก้ปวดท้องและรีบเข้าห้องน้ำกันซะอย่างนั้น
กรรมการคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า
“เอางั้นก็ได้”
พอกรรมการบอกแบบนั้นเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นไปทั่วเวที ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าเลทิเซียโชคดีมาก
แต่ว่าไม่มีใครเห็นท่าทางของเลทิเซียที่เหมือนจะเดินตามไคลน์ไปเลย ในขณะที่เลมิสเดินขึ้นมาบนเวทีเธอก็ดีดนิ้วครั้งหนึ่ง
พร้อมกับยิ้มให้เลทิเซียแล้วพูดว่า
“โกรธแบบนั้นจะดีอย่างนั้นเหรอ?”
เธอพูดแบบนั้นออกมาแต่ว่าไคลน์ก็ลงจากสนามไปแล้ว และเสียงประกาศเริ่มการแข่งขันก็เริ่มขึ้น ในสายตาเลทิเซียมีร่างของเลมิสบดบังจากไคลน์ไว้
เลทิเซียก้าวขาออกไปพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูน่ากลัวเล็กน้อยว่า
“หลีกไป”
“ถ้าข้าตอบว่าไม่ล่ะ เจ้าจะทำไม”
“ฉันบอกให้หลีกไป!!!!”
เลทิเซียตะโกนออกมาแต่ทว่าเลมิสกลับไม่ได้ขยับไปจากจุดเดิมเลย เลทิเซียยกมือขึ้นในตอนนั้นเองพื้นที่รอบๆ ตัวของอีกฝ่ายก็บิดเบือน
ราวกับกำลังจะฉีกขาดออกจากกัน แต่ทว่าในตอนนั้นเองเลมิสก็ขยับตัวขึ้นพลังบางอย่างถูกเปล่งงอกมาจากร่างกายพร้อมกับเวทมนตร์แห่งการแทรกแซง
“พรึ่บ”
ทุกอย่างเงียบลงไปอย่างกะทันหัน แม้แต่เลทิเซียก็ยังได้แต่เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ชายที่มากประสบการณ์ที่อยู่ข้างลิซเบลเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“แทรกแซงการแทรกแซงอีกทีอย่างนั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้”
“เอ๊ะ หมายความว่าไงคะ”
ชายคนนั้นก้มมองลงไปที่เลมิสด้วยความสับสน ในขณะเดียวกันก็มองไปยังเลทิเซียที่เมื่อกี้โจมตีอีกฝ่ายแม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่รู้ว่าเลทิเซียใช้เวทอะไร
แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้การบิดเบือนอากาศเมื่อกี้อยู่ในกระบวนการ ‘แทรกแซง’ ยังไม่ได้กลายเป็นผลลัพธ์ของการแทรกแซงหรือสิ่งที่เรียกว่า ‘เวทมนตร์’ ด้วยซ้ำ
ไม่มีใครรู้ว่าพลังลึกลับที่เรียกว่า ‘เวทมนตร์’ นี้ถึงสามารถดำเนินการในสิ่งที่เรียกว่า ‘แทรกแซงกฎเกณฑ์’ ได้ก็ตาม
แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ก็คือ ‘สิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์’ นี้ต้องเป็นพลังที่อาจจะออยู่ในระดับเดียวกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ทักษะ’ เลยก็ว่าได้
และการจะแทรกแซงบางอย่างได้ต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า ‘องค์ความรู้’ และ ‘ความเข้าใจ’ ถึงสิ่งที่จะแทรกแซงให้มันเกิดผลลัพธ์โดยละเอียด
มนุษย์เรียกสิ่งเหล่านี้ว่า สูตรเวท นั่นเอง
แต่ทว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายพึ่งจะแทรกแซงกระบวนการแทรกแซงอีกที? นี่มันหมายความว่าอีกฝ่ายเข้าใจโครงสร้างของเวทมนตร์?
นี่เป็นความจริงที่น่าเหลือเชื่อสำหรับเขาเกินไป หากเป็นจริงคงเป็นการค้นพบครั้งใหญ่ของมวลมนุษยชาติเลยก็ว่าได้
แต่นั่นมันในกรณีที่ต้องใช้สูตรเวทในการแทรกแซงการแทรกแซง
ชายที่นั่งชมอยู่เหงื่อตกจ้องมองไปที่เลมิส
ใช่… มีคนที่ใช้สิ่งนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสูตรเวทอยู่
แต่นั่นเป็นพวกตัวท็อปของโลกเลยนะ เด็กตัวแค่นี้จะเป็นได้ไง
ไม่สิ เขาไม่ควรตัดสินคนจากภายนอก หากเด็กที่ชื่อเลมิสเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ
ถ้าเด็กคนนี้ไม่มีพลังเวทมากมายเหมือนกับจอมมาร ก็อาจจะเป็นผู้กล้าที่มีพลังในการใช้เวทมนตร์ที่สูงล้ำ ไม่ก็อาจจะเป็นผู้ใช้ภูตแห่งเวทมนตร์
หรืออาจจะเป็นผู้เข้าใจธรรมชาติอันสูงส่งอย่างแวมไพร์
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งในที่ว่ามาก็ล้วนสามารถแทรกแซงการแทรกแซงได้ และต่อให้เป็นบางสิ่งบางอย่างจากทั้งหมดที่ว่ามา…
เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าคนเหล่านั้นถึงมาสู้กับเด็กอยู่ตรงนี้?
……..
[ครอบครัว > พี่น้อง > พี่สอน น้องเราดูแล > ดูถูกครอบครัวสอนมาไม่ดี = ดูถูกว่าพี่สอนมาไม่ดี > อยากตายเรอะเอ็ง เลทิเซียไม่ได้กบ่าว แต่มันคือความจริง – ผู้เขียน]