การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 195

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 195 – แผลทางใจ

“แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นความรู้หรือความสามารถ ทุกอย่างของเจ้าล้วนอยู่ในระดับที่สูง ข้าละสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าไปรู้มันมาจากไหน”

เลมิสทาเรียจ้อง เลทิเซียพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัย เหนือกว่าความต้องการ ในหัวของเธอมีแต่คำถาม

ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นจอมมารหรืออะไรก็เถอะ แต่ว่ายังไงก็เป็นแค่เด็ก แต่ทว่าทั้งความเฉียบแหลม เจ้าเล่ห์เจ้ากลของเลทิเซีย

มันทำให้เธอรู้สึกสับสน ตอนแรกเธอก็เดาได้อยู่ว่า ตอนที่เลทิเซียไปบุกองค์กรน่ะ แม้เธอจะโกรธเธอก็ยังคงวางแผนและเตรียมแผนไว้พร้อมเสมอ

ดังนั้นตั้งแต่แรกเลมิสทาเรียเลยไม่คิดจะประมาท เธอคิดว่าตัวเธอประเมินเลทิเซียไว้สูงแล้ว แต่พอมาสู้กันแบบจริงๆ จังๆ แล้ว

เธอก็ยังพบว่า เธอประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไปอีก แน่นอนว่าทางฝั่งเลทิเซียไม่เคยประเมินศัตรูไว้ต่ำ

เอ่อ อันที่จริง เธอประเมินศัตรูไว้สูงกว่าเพดานปกติด้วยซ้ำ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามพลิกเกมขนาดไหนก็ไม่อาจพลิกให้ตัวเองอยู่เหนือกว่าเลทิเซียได้

“ที่ฉันสงสัยคือ ไอ้ความมั่นใจของเธอนั่นมากกว่า เธอยังมีไพ่ตายอะไรอีก”

เลทิเซียที่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ท้ายที่สุดเธอก็พูดขึ้นด้วยความสงสัย แต่ว่าเลมิสทาเรียก็ยักไหล่พลางตอบว่า

“อืม นั่นสินะ มันอะไรกันนะ เอ๊ะ ข้าเองก็ลืมไปแล้ว”

“งั้นเหรอ ไม่ยอมบอกสินะ งั้นคงมีแต่ต้องต้อนมากกว่านี้ให้แสดงออกมาเอง”

เลทิเซียพูดแบบนั้น เธอก็ก้าวขาไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว และทันใดนั้นเองพลังทั้งหมดที่เธอสามารถใช้ได้ก็ระเบิดออกมา

“นั่นมัน..”

อีกฝ่ายเริ่มอ้าปากค้าง เพราะในพริบตาต่อมา ดาบจูชินเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเลทิเซีย

ดาบเล่มนี้คือไพ่ตายอีกอย่างของเธอ มันคือดาบที่สามารถพังมิติชิ้นส่วนเวหาได้ ถึงมองจากภายนอกจะไม่ใหญ่มาก

แต่ขนาดภายในนั้นถ้าจะให้บอกว่า มันเป็นโลกใบหนึ่งก็ไม่ผิดในมิติที่มีแต่ทะเลนั้น มันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดอย่างแท้จริง และดาบเล่มนี้สามารถทำลายมันได้

ถ้าจะบอกว่ามันคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุดก็ไม่ผิด แถมตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที เลทิเซียยังไม่เคยใช้พลังธาตุจากดาบเล่มนี้อย่างเต็มกำลังเลย

ดังนั้นพอมันโผล่ออกมา กลิ่นอายพลังงานสีดำที่มีประกายสายฟ้าสีทองวิ่งแล่นไปทั่วหมอกสีดำทำให้ดูน่าหวั่นเกรงอย่างถึงที่สุด

หมอกสีดำนั้นราวกับก่อรูปก่อร่างเป็นร่างของไวท์ที่มีดวงตาสีดำสนิท ผมสีดำ ผิวพรรณที่ขาวสะอาดตัดกับสีผมและสีตา

หากจะให้พูดตามตรง บางที..นี่คงเป็นไม้ตายลับก้นหีบที่สุดของเลทิเซีย เพราะไม่ว่าจะเป็นทักษะที่ตอนนี้เธอใช้มันไม่ได้แล้ว

แม้แต่พลังปีศาจที่เธอแทบจะปิดผนึกการใช้งานไปแล้ว เหลือเพียงดาบเล่มนี้ที่อาจจะแข็งแกร่งที่สุดในทุกศาสตราบนโลก

“นั่นมัน…. โซลเหรอ.. ไม่สิ มันคือ…วิญญาณ?!”

ไม่มีอะไรทำให้เลมิสทาเรียตกใจยิ่งไปกว่าการเจอวิญญาณบนโลกใบนี้แล้ว วิญญาณทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ได้?

นั่นคือคำถามเดียวที่เธอมี แต่ทว่าเลทิเซียก็ยกดาบขึ้นพร้อมกับกำลังจะฟันออกไปนั้นเอง เลมิสทาเรียก็รีบถอยห่าง

เธอจะไปสู้ได้ไง ของที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอคิดว่าหากถูกฟันต่อให้เป็นเธอก็คงไม่รอด

เธอสัมผัสได้คร่าวๆ ว่าดาบเล่มนี้อาจจะไร้ซึ่งตรรกะ ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆๆ คือมันแข็งแกร่งอย่างไม่มีเหตุไม่มีผล

ราวกับว่าคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าดาบเล่มนี้อาจจะเป็นคนที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ตรรกะทุกอย่าง

แน่นอนว่าคนคนนั้นคงไม่ใช่เลทิเซีย อาจจะเป็นเจ้าของคนก่อนหรือเปล่านั้นไม่มีใครรู้

หากเธอโดนฟันเข้า เธอก็จะตายไปอย่างไร้เหตุผลเหมือนกัน คงมีเพียงตัวตนที่อยู่เหนือกฎความเป็นจริงทุกอย่างบนโลกนี้เท่านั้นมั้งที่จะสามารถโดนฟันแล้วไม่เป็นไร

นั่นหมายความว่า.. ดาบเล่มนี้ ฆ่าได้แม้แต่เทพเจ้า!!!

มีหรือตัวของเลมิสทาเรียจะไม่กลัว เพียงมองแวบเดียวเธอก็สัมผัสถึงอันตรายแล้ว เธอจึงรีบหลบหนีและตะโกนออกมาทันที

“ท่านพี่ ยังอีกหรือไง”

“อะไร เสียงเจ้าดูร้อนรนมากเลยนะ”

จู่ๆ บนฝ่ามือของเธอก็มีปากโผล่ออกมาพูด พอเสียงนั้นตอบกลับ เลมิสทาเรียก็รีบพูดเร็วปรือ

“ก็ใช่น่ะสิ ยัยเด็กที่ว่ามันมีของนอกรีตบางอย่างเดียว”

“อาร์ติแฟ็ค? เจ้ากลัวอะไรขนาดนั้น”

“ไม่ใช่ ข้าหมายถึงของนอกรีตที่แท้จริง… มันอาจจะฆ่าได้แม้แต่เทพธิดา”

“อะไรนะ เจ้ารีบถอยออกมาด่วนเลยนะ”

เสียงนั้นพอได้ยินแบบนั้นก็รีบตอบกลับด้วยความร้อนรน แต่ทว่าเลมิสทาเรียก็พูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“ไม่เป็นไร แต่ท่านต้องบอกมาก่อนว่า อีกนานไหม?”

“รอข้าแปบหนึ่ง ไม่เกินสามสิบนาที”

“สามสิบนาทีสินะ”

เลมิสทาเรียก็พยักหน้าและสะบัดมือ ปากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เธอจ้องไปที่เลทิเซียที่เหมือนจะไม่ได้โจมตีมาทันที

เธอฟังทุกอย่าง พอเลทิเซียได้ยินว่าคนที่อาจจะบงการไม่ได้อยู่ที่นี่ หมายความว่าต่อให้กำจัดยัยนี่ไปตรงนี้

เธอก็อาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเหมือนเดิม เธอต้องทำอะไรสักอย่างก่อนถึงสามสิบนาทีข้างหน้าและรู้ให้ได้ว่าเจ้าคนที่เลมิสทาเรียพูด้วยนั้นอยู่ที่ไหน

ในขณะที่เลทิเซียยกดาบกำลังจะฟันนั้นเอง ตอนนั้นหัวใจของเธอก็เต้นรัวขึ้น อย่างไม่ทราบสาเหตุ

ร่างเลทิเซียสั่นสะท้านถอยหลังไปหลายก้าว ความรู้สึกเจ็บปวดพุ่งเข้ามาสู่หัวใจของเธอ ทำให้ดาบในมือร่วงลงกับพื้น

“นี่มัน…”

จู่ๆ น้ำตาข้างก็ไหลออกมาจากตาซ้ายของเธอข้างเดียว ไอ้ความรู้สึกเจ็บปวดที่จู่ๆ ก็เศร้าขึ้นมานี่คือ…

เลทิเซียเงยหน้ามองเลมิสทาเรียด้วยความตกใจ ก่อนที่จะตะโกนออกไปว่า

“แกทำอะไรกับฉัน???!!!”

แต่ทว่าอีกฝ่ายก็เหมือนจะตกตะลึงเหมือนกัน ในตอนนั้นเลมิสทาเรียรีบพูดกับฝ่ามือของตัวเองอีกรอบ

แต่คราวนี้ไอ้ความรู้สึกเจ็บปวดที่ราวกับหูดับตาบอดมันทำให้เธอคิดอะไรไม่ออก ไม่มีจิตใจจะคิดหรือกระทำอะไร

ความรู้สึกแบบนี้ เธอเคยรู้สึกถึงมันมาก่อน มันเหมือนกับตอน.. ที่ฉันบีบคอชาร์ล็อต ในตอนนั้นความรู้สึกนั้นก็ไหลกลับคืนมา

“ไม่!!!!”

ต่อให้เป็นเลทิเซียก็ตามสายตาของชาร์ล็อตที่จ้องมาด้วยความเป็นห่วงแม้แต่อันน่าที่ผลักเธอยังเต็มไปด้วยความห่วงใย

ใช่ พอมามองย้อนกลับไปในตอนนี้ เธอยังเห็นถึงความเป็นห่วงจากสายตานั้นได้ชัด แต่ทำไม เธอในตอนนั้นถึงมองข้าม

มองข้ามมันไปและเลือกที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ บีบคอชาร์ล็อต คอเล็กๆ ของเธอ ราวกับต้องการจะให้ตายด้วยมือคู่นี้

สายตานั้นที่ดูอ่อนแอไร้พลัง แต่ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนนั้นมองมาที่เธอด้วยความหวาดกลัวในตอนที่เธอวิ่งหนี

“ฉัน… ฉัน.. ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ….”

มันอาจจะเป็นความเจ็บปวดที่เลทิเซียรู้ว่าไม่สามารถไถ่โทษได้ อันที่จริงนั่นคงเป็นเหตุผลที่ตัวเธอไม่กล้าที่จะพูดขอโทษออกไปจนถึงทุกวันนี้

มันเป็นความผิดที่ไม่สามารถยกโทษให้ ความรู้สึกด้านลบที่ไหลเข้ามาในอกนี้ อาจจะเป็นชนวนที่ทำให้เลทิเซียนึกขึ้นได้เพียงเรื่องราวเศร้าๆ ที่ตัวเองทำพลาด

จนไม่สามารถนึกถึงเรื่องดีๆ ได้เลย ใช่แล้ว เมื่อคนเรานั้นรู้สึกเศร้าโศกเสียใจนั้น สิ่งที่อยู่ในหัวพวกเขาคงมีแต่ความเศร้า

เลทิเซียเองก็เช่นกัน มีความรู้สึกผิดที่ไม่อาจไถ่โทษได้นั้น มันค่อยๆ กัดกินหัวใจของเธอไปทีละนิด พอความรู้สึกเจ็บปวดเหล่านี้ถาโถมเข้ามา

มันก็ทำให้บาดแผลในใจฉีกกว้างขึ้น

เธอใช้หน้าผากของเธอเขกลงกับพื้น

“ฉันขอโทษชาร์ล็อต ฉันขอโทษ…”

แต่ในตอนที่เสียงร้องของเลทิเซียดังขึ้น เลมิสทาเรียที่ยืนอยู่ห่างออกไปก็หัวเราะออกมาด้วยความบ้าคลั่งและตื่นเต้น

“ฮ่าๆๆ เรื่องบังเอิญขนาดนี้มันอะไรกัน.. ฮ่าๆ ราวกับว่าฟ้ากำลังรู้เห็นเป็นใจกับข้าเลยไม่ใช่หรือไง เลทิเซียดูท่าเจ้าคงโดนฟ้าเกลียดพอตัวเลยแหละ ฮ่าๆๆ”

……….

[ถามตรงๆ เลยนะครับว่า มีคนอ่านตอนนี้แล้วรู้สึก ‘นั่นไง คิดแล้วไม่ผิด ว่าแล้วเชียว’ ไหมครับ – ผู้เขียน]

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน