การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 202

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 202 – สิ่งที่เปลี่ยนไป

ด้วยคำพูดเช่นนั้นของหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าแปด ทำให้เซเรสนั้นมีแรงบันดาลใจที่จะมีชีวิตที่จะอยู่ต่อไป

เซเรสมองโลกในแง่ดี เวลายังคงผันผ่านไป อยู่มาวันหนึ่งหญิงสาวที่ชื่อว่าแปดนั้นก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย

แต่ทว่าเซเรสไม่เคยละทิ้งคำพูดของหญิงสาวคนนั้น เธอพยายามในส่วนของตัวเองอยู่ตลอด ช่วยเหลือผู้คน

แม้จะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น เซเรสก็ไม่ถูกความเห็นแก่ตัวครอบงำ ไม่ว่าจะเจอความเจ็บปวดจนอยากจะร้องไห้

ความโดดเดี่ยวที่อยากจะหายไป ในวันนั้น เธอจะแหงนมองขึ้นฟ้าแล้วบอกว่า

“ฉันยังไม่ได้ทำให้ใครมีความสุขเลยนะ”

เธอก็จะอดทน และยิ้มออกมา ช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บในที่ทำแรงงานทาส .. แต่ไม่ว่าจะอย่างไรแม่ของเธอก็ไม่มารับ

จนกระทั่งหนึ่งปีต่อมา.. ก็มีคนมารับเซเรส แต่คนคนนั้นไม่ใช่แม่.. แต่เป็นพ่อของเธอ เซเรสนั้นสับสนด้วยความสงสัยจึงถามออกไปว่า

“ท่านแม่ล่ะ..”

“ตายแล้ว”

นั่นคือคำตอบที่ทำให้เซเรสที่มีจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยด้านบวกพังทลายลงอีกรอบ.. แม่ทิ้งเธอไปจากโลกใบนี้แล้ว

ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไร้ซึ่งจุดมุ่งหมาย เธอมีความสุขมองโลกในแง่ดีเพื่ออะไร เพื่อว่าสักวันหนึ่งจะได้ให้ผู้คนมีความสุข…

และเพื่อที่จะได้กลับมาเจอแม่อีก.. หนึ่งปีในการเป็นทาส ฟังดูเหมือนสั้น แต่มันยาวนานยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้นสำหรับเธอ

มันไม่ใช่บ้านไม่ใช่ที่พักหรือแม้แต่คุกยังคงสบายกว่าการไปเป็นทาสในโรงงานทาสซะอีกเธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้

ไม่กลับมารับเธอ ปล่อยเธออยู่คนเดียว… เซเรสที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวาทำให้พ่อของเธอกรีรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

ที่เขาคาดหวังคือลูกจะเป็นคนเห็นแก่ตัวเกลียดทั้งพ่อทั้งแม่ แบบนั้นถึงจะเป็นแรงผลักดันให้เด็กผู้หญิงตัวกะเปี๊ยกได้.. แน่นอนว่ามันคือมุมมองของกรี

ใช่ กรีนั้นแตกต่างจากริเอล เขามองแค่ว่าจะทำให้ลูกมาสืบทอดต่อกิจการของตระกูลพวกเขาต่อไป

นั่นหมายความว่าเขาต้องการจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตระกูลตัวเองดีขึ้น แต่ทว่าเซเรสกลับไม่เป็นไปตามความคาดหวังที่เขาวางไว้

ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะคำพูดของริเอลนั่นแหละ.. กรีจึงได้ยอมแพ้ต่อตัวเซเรส ปล่อยให้เซเรสนอนอยู่ในบ้านไม้เล็กๆ คนเดียว

อาหารเช้าเธอจะได้แค่ก้อนขนมปังกับอาหารราดใส่จานนิดๆ หน่อยๆ วางไว้หน้าบ้าน.. อันที่จริงกรีไม่ได้หมดหวังซะทีเดียว

เขาบอกกับเซเรสว่าหากสามารถขโมยของมาได้เธอจะได้อาหารที่ดีขึ้น แต่ว่าเซเรสที่ไร้ชีวิตจิตใจเธอไม่กินแม้แต่อาหาร

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้… เจออะไรแบบนี้.. ทำไมต้องเป็นเธอคนเดียว… เธอได้แต่นอนร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน

น้ำตาที่ไม่ได้ไหลออกจากใบหน้ามานาน มันทำใบหน้าเธอเปียกชุ่ม โลกทั้งใบมืดมัว ไม่เหลือใครอย่างแท้จริง

แต่ทว่า.. เธอก็หวนนึกถึงคำพูดของหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าแปดนั่น เธอไม่มีพ่อไม่มีแม่ เธอเป็นแค่คนธรรมดา

ไม่มีที่พึ่งทางใจเหมือนกับเซเรส.. ที่ยังมีแม่อยู่ ซึ่งตอนนี้ไม่มีแล้ว.. พอมาคิดๆ ดูเธอรู้สึกจะเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เหรอ..

ไม่สิ.. ไม่ได้เหมือนเลยสักนิด คนคนนั้นน่ะจะไม่ย่อท้อ เธอจะยิ้มเสมอ สถานที่ที่เธออยู่นั้นลำบากกว่าข้าเยอะ…

ไม่มีทางที่คนอย่างข้าจะเทียบได้เลย..

เซเรสคิดแบบนั้น

“ใช่… ข้ายังสามารถที่จะช่วยผู้คนได้อยู่…”

เวลาที่เธอสามารถปรับอารมณ์ได้นั้นไม่ได้นานมาก อาจจะเพราะสภาพจิตใจของเธอที่ต่างจากเด็กคนอื่น

สามารถเห็นโลกได้มากกว่าหนึ่งแบบ ทั้งแบบดีและแบบแย่ หรือแม้แต่โลกที่มีความหวัง

เธอกลับมาลุกได้อีกครั้ง คราวนี้เธอเลือกที่จะช่วยเหลือผู้คน… แต่ยิ่งเธอช่วยคนไปมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งห่างใจจากความเป็นโจรไปมากเท่านั้น

อาจจะเพราะเธอมองว่าการเป็นโจรมันเป็นสิ่งที่เธอต้องเป็น มันเลยทำให้ความเชื่อมั่นสองแบบตีกันอยู่ภายใน

จนท้ายที่สุดตัวตนของเธอก็แปลกปลอมไป และท้ายที่สุดไม่ว่ากรีจะพยายามบังคับให้เซเรสไปปล้นฆ่าแค่ไหนก็ตาม

สิ่งที่เซเรสตอบรับมาได้มีเพียงแค่การช่วยเหลือคนอื่นเท่านั้น มันทำให้กรีทั้งโกรธทั้งเกลียดผู้หญิงคนนี้

ภาพของเซเรสค่อยๆ ซ้อนทับกับริเอลอย่างช้าๆ แต่ริเอลนั้นเป็นผู้หญิงเสแสร้งเห็นแก่ตัว ตีหน้าหวานในการช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อหวังผลประโยชน์ที่ดีกว่า

มีหรือกรีจะไม่รู้จักนิสัยใจคอของริเอล และอาจจะเป็นเพราะอคติและมีภาพตัวอย่างของริเอลอย่างชัดเจน

มันทำให้เขารู้สึกว่าเซเรสเป็นผู้หญิงประเภทเดียวกับริเอล แต่ว่าความเห็นแก่ตัวของยัยเด็กนี่กลับไม่มีเลย

แน่นอนเมื่อไม่มีความเห็นแก่ตัวก็เป็นได้แค่คนเสแสร้งแกล้งทำแบบโง่ๆ ไร้ซึ่งผลตอบแทนอะไร

กรีพยายามหลายอย่างแม้แต่ที่เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะฝึกวิธีต่อสู้ต่างๆ แม้แต่คิดว่าอาจจะเป็นเพราะยัยเด็กนี่คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเขาถึงได้บังคับเธอแต่งเป็นผู้ชาย

แต่ไม่ว่ากรีจะพยายามยังไง เซเรสก็จะกลับเป็นคนใจดีเหมือนเดิม

เขาจึงทั้งโกรธทั้งเกลียดเซเรส แต่ไม่ว่าจะถูกด่าว่า ด่าทอ ทุบตีหรือแม้แต่ถูกน้องชายแท้ๆ ดูถูก เธอก็ทำได้แค่หัวเราะแล้วก็ไหลไปตามน้ำ

เธอยังคงยิ้ม และมีความสุขอาหารที่มีไม่ต่างจากตอนเป็นทาส เธอก็จะหัวเราะแล้วก็กิน..

การกระทำของเธอแบบนี้มีให้เห็นอยู่หลายปี.. จนมันติดและชินเป็นนิสัยของเธอ พอเธอต้องไปขโมยของ

มันจึงทำให้เธอทำไม่สำเร็จสักรอบ…

และวันหนึ่งเธอก็ได้เจอกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง.. เด็กผู้หญิงคนนั้นมีผมสีดำสนิท ดวงตาสีดำ

มองยังไงก็เป็นคนใหญ่คนโต เธอได้มีความคิดที่ว่าถ้าหากขโมยของของเด็กคนนี้ บางทีเธออาจจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง

แต่ท้ายที่สุดแล้วเด็กผู้หญิงคนนั้น ก็เอาชนะเธอได้และนั่น… ก็เป็นจุดเปลี่ยนแปลงของทุกอย่างในชีวิตเธอ

เธอตื่นขึ้นมาในโลกที่เหมือนสีขาวพร่ามัว การรับรู้สีของเธอถูกช่วงชิงไป สีเดียวที่ยังเหลืออยู่คือสีแดงสด

แต่อาจจะเป็นเพราะว่าสมองของเธอได้รับผลกระทบกระเทือนไปด้วย มันเลยทำให้เธอสามารถแบ่งแยกสีไหนเป็นสีไหนได้แม้ว่าทุกอย่างในสายตาจะเป็นสีขาวดำ

ในตอนนั้น.. เป็นครั้งแรกที่เธอจำหน้าแม่ตัวเองไม่ได้.. เธอไม่รู้จักคำว่าแม่ แม่คืออะไร ใครคือแม่

แน่นอนว่าเธอรู้ว่าต้นเหตุนี้มันเกิดขึ้นจากผู้หญิงผมสีดำคนนั้นที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ แต่ไม่ว่าเธอจะรู้ว่าต้นเหตุมาจากใคร

เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม… ถึงเป็นแบบนี้ไปได้.. ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อาหารทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นขนมปังหรือเศษอาหาร

ทุกอย่างที่เคยมีรสชาติ ก็กลายเป็นเหมือนกระดาษ รสชาติมันว่างเปล่าเหมือนกับกระดาษ

และนิสัยของเธอก็แปลกไป จู่ๆ วันนี้ วันที่ถูกพ่อด่าเธอก็ด่ากลับด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า

“ถ้าไม่ใช่เพราะแก ข้าก็ไม่เป็นแบบนี้หรอกเว้ย”

กรีที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโกรธและด่าออกไป

“ก็ไสหัวออกไปจากบ้านเลยสิ จะมีที่ไหนรับคนไร้ค่าอย่างแก”

“ได้ ข้าไปก็ได้”

แล้วเธอก็ออกจาบ้านมา.. หลังจากนั้นไม่นานเธอก็รู้ว่าตัวเองผิดปกติและรู้ว่าตัวเองไม่มีที่ให้ไป สุดท้ายเธอที่สับสนในตัวเองได้แต่แบกหน้ากลับบ้านไปเพื่อขอโทษ

แต่ทว่าคนที่ยืนรออยู่คือน้องชายของเธอที่เตรียมคำถากถางไว้ว่า

“อ่าว นี่มันคนอวดดีที่เถียงท่านพ่อไม่ใช่เหรอ แต่ว่านะเจ้าไม่มีสิทธิ์เหยียบกลับเข้ามาในบ้านนี้ หากท่านพอไม่ได้อนุญาต”

“ข้า…”

เซเรสรู้ว่าตัวเองผิด แต่เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะยัยผู้หญิงผมดำคนนั้นแน่นอน

มันทำให้เธอเป็นแบบนี้ แต่ว่าน้องชายเธอก็ยังถากถาง

“ไหนบอกจะไม่อยู่แล้ว จริงสิ คนใจดีอย่างเจ้าไม่ลองไปอยู่ที่โบสถ์ดูล่ะ เพื่อเทพเจ้าจะใจดีรับไปเลี้ยงน่ะนะ ฮ่าๆ”

“…..”

“หรือจะไปที่โรงเรียนเวทมนตร์ดูล่ะ ข้าได้ยินว่าที่นั่นรับคนโดยไม่สนฐานะเหมือนโบสถ์เลยล่ะ แต่ต้องมีความสามารถนะ.. อุ๊บ เจ้าไม่มีความสามารถนี่น่า คงเป็นไปไม่ได้หรอก”

พอคำพูดนั้นหลุดออกมาเซเรสก็โกรธขึ้นอีกรอบเธอตะโกนด่า

“ไอ้เด็กนรก ข้าไม่อยู่ก็ได้บ้านพังๆ แบบนี้”

และนั่นเป็นก้าวแรกที่ทำให้เธอรู้จักโรงเรียนเวทมนตร์และตัดสินใจจะเข้าเรียนที่นั่น…

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน