บทที่ 222 – หนึ่งต่อแสน
จริงอยู่ที่วิญญาณเป็นเหมือนรากเหง้าของสรรพชีวิต แน่นอนว่าหากสิ่งมีชีวิตไม่มีดวงวิญญาณก็ไม่ต่างจากซากศพ
นั่นคือความรู้ของสิ่งที่เรียกว่าโครงสร้างของสิ่งมีชีวิต… แต่ว่าบนโลกใบนี้นั้นวิญญาณไม่สามารถสลายหายไปได้ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม
ขนาดดวงวิญญาณทั้งสี่ดวงที่เลมิสทาเรียและไบรอัสสูญเสียไปไม่ใช่ว่าดวงวิญญาณเหล่านั้นถูกลบหายไป
แต่ถูกดึงลงไปพิพากษาในปรภพต่างหาก.. ใช่แล้ว.. ตามตำนานที่คนทุกคนบนโลกนี้ล้วนทราบกันดี…
วิญญาณจักไม่ถือกำเนิดใหม่ และจะไม่ดับสลายหายไปเช่นกัน! มันคือคำสาปของเทพผู้สร้างเมื่อยุคแรกเริ่มที่แท้จริง
ตำนานนี้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดขึ้นมาตอนไหน มีขึ้นมาได้อย่างไร แม้แต่เทพธิดาเองก็ไม่ทราบเช่นกัน.. แต่ทุกคนล้วนรู้จักดีเลยก็ว่าได้
ดังนั้นการที่พวกเขาเห็นเลทิเซียระเบิดดวงวิญญาณตัวเองมันจึงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าอะไรบนโลกใบนี้…
เพราะหากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่ล้วนเกิดขึ้นตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ผู้สร้างเป็นผู้รังสรรค์ละก็
การที่ดวงวิญญาณไม่อาจจะบุบสลายก็คือคำสาปที่หนักหนากว่ากฎเกณฑ์ ไม่ใช่สิ่งที่พลังเวทการแทรกแซงกฎเกณฑ์จะทำอะไรมันได้
แน่นอนว่านั่นเป็นมุมมองสำหรับตนบนโลกนี้เท่านั้น เลทิเซียเองก็มีวิธีการของตัวเองเช่นกันแม้แต่การที่ดวงวิญญาณของเธอไม่ดับสลาย
สำหรับเธอแล้ววิญญาณก็ไม่ต่างอะไรจากร่างกาย ไม่สิ.. มันก็เป็นส่วนหนึ่งของเธอเช่นกัน ในเมื่อแขนที่ขาดสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้
ถ้างั้นวิญญาณก็สามารถทำได้เช่นกัน… และนั่นคือเรื่องทั้งหมด ไบรอัสกับเลมิสทาเรียจ้องหน้ากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ไบรอัสที่โกรธจัดประสบการณ์ตายครั้งหนึ่งของเขาเมื่อครู่ดึงสติเขากลับคืนมา คนนับหมื่นนับแสนที่ยืนเป็นกองทัพก็ต่างพากันหอบหายใจอย่างหวาดกลัว
ภาพอันน่าพิศวงเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาคือภาพทีจู่ๆ ก้เห็นร่างที่ไม่มีหัวงอกหัวออกมาใหม่เหมือนกับก่อนหน้าทุกประการ
มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ.. ถ้าหัวถูกระเบิดขนาดนั้นอย่าว่าแต่ใช้เวทมนตร์แทรกแซงเลย ต่อให้เป็นเวทมนตร์แห่งการสร้างของปีศาจก็ทำไม่ได้
แล้วคนตรงหน้านี้มันทำได้ยังไง…
“การฟื้นฟูสมบูรณ์แบบ… อย่างงั้นเหรอ”
เลมิสทาเรียจู่ๆ ก็พูดคำนี้ออกมาด้วยเสียงที่ไม่มั่นคง… ฟื้นฟูสมบูรณ์แบบคืออะไร.. ฟื้นฟูสมบูรณ์แบบคือความอมตะรูปแบบหนึ่ง
ไม่สิ.. พูดให้ชัดกว่านั้นคือ..การฟื้นฟูจนไม่สามารถฆ่าตายได้.. หากรวมการฟื้นคืนดวงวิญญาณเข้ากับฟื้นฟูหัวที่ระเบิดไป
มีเพียงคำนี้เท่านั้นที่สามารถอธิบายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้.. แต่ว่า.. แบบนั้นมันก็ต้องหมายความว่า…
ดวงตาของเลมิสทาเรียเบิกกว้าง..
“ใช่แล้ว!!! เพราะมันปกคลุมพลังเวทตัวเองไปทั่วอาณาจักรนี้ดังนั้นเงื่อนไขการฟื้นฟูสมบูรณ์แบบเลยทำงานอัตโนมัติ”
เงื่อนไขของการฟื้นฟูสมบูรณ์แบบคือหนึ่ง.. มีพลังเวทจำนวนมากอยู่รอบข้างไม่ใช่พลังเวทจากธรรมชาติแต่ต้องเป็นพลังเวทจากเจ้าตัวเอง
ใช่แล้ว พลังเวทที่ระเบิดออกมาจากความโกรธของเลทิเซียมันทำให้อาณาจักรนี้ทั้งหมดเป็นเหมือนอาณาเขตของเลทิเซีย..
และด้วยปริมาณพลังที่มากมายหนาแน่นเกินไปจนไปหักล้างกฎเกณฑ์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟู
มันเลยทำให้เธอมีพลังฟื้นฟูที่น่ากลัวแบบนี้.. กล่าวคือในอาณาจักนี้ตอนนี้.. เลทิเซียคือพระเจ้า.. แม้อาจจะควบคุมกฎเกณฑ์ดังใจนึกไม่ได้
แต่ทว่าก็แทบไม่ต่างกันนัก เลมิสทาเรียเหงื่อตก.. ทางเดียวที่จะหนีไปได้คือ.. ต้องข้ามมิติ..แต่แม้แต่คนบนโลกนี้ก็ไม่ใช่ว่าการข้ามมิติเป็นเรื่องง่ายดายแบบนั้น
เพราะมันต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย… แต่โชคดีที่เลมิสทาเรียเตรียมพร้อมอยู่เสมอ.. ใช่ เธอเตรียมอุปกรณ์ข้ามมิติไว้แล้ว!
พอวาดแผนการในหัวเสร็จเธอก็ตะโกนขึ้น
“ท่านพี่”
ไบรอัสปาดตามองเลมิสทาเรีย ไม่มีใครเข้าใจน้องสาวไปกว่าตนเองอีกแล้ว ดวงตาเขามีประกายแสง
ทั้งสองคนเคลื่อนไหวทันที พุ่งโจมตีใส่เลทิเซียพร้อมกันจากทั้งสองทิศ เลทิเซียที่พึ่งฟื้นฟูขึ้นมายังมีอาการเบลอๆ เหมือนคนพึ่งตื่นอยู่
แต่พอสองงงพี่น้องนี้เคลื่อนไหว ดวงตาเลทิเซียก็จดจ่อไปในทันที ภายใต้การโจมตีอย่างรวดเร็วจนยากจะตอบสนอง
แต่เลทิเซียก็รับการโจมตีโดยใช้ดาบจูชินรับคมดาบของไบรอัส และใช้มืออีกข้างรับพลังเวทไร้ตรรกะของเลมิสทาเรีย
การปะทะที่รุนแรงนี้ทำเอาร่างกายเลทิเซียส่งเสียงดังออกมา แขนสองข้างมีเสียงกระดูกหัก ต่อให้เป็นเธอก็ต้านพลังโจมตีของสองผู้กล้าที่มาพร้อมกันได้ยาก
ด้วยความที่เป็นคนร่างกายอ่อนแอแต่เดิมอยู่แล้ว แน่นอนว่าเลทิเซียทราบเรื่องนี้ดี แต่เธอไม่มีทางหลบแน่เพราะหากหลบก้เพราะโอกาสสวนกลับ
ดังนั้นในจังหวะที่ปะทะกันนั้นเอง แขนทั้งสองข้างเลทิเซียก็มีหลุมสีดำปรากฏขึ้นมันดูดเอาร่างของเลมิสทาเรียและไบรอัสเข้าไป
ร่างกายที่ยืดออกราวกับเส้นสปาเก็ตตี้ทำเอาสองพี่น้องหน้าเผือดสี นี่มันไม่ใช้รอยแยกมิติ.. แต่เป็นอุโมงค์มิติ.. ที่มีค่าแรงโน้มถ่วงเป็นอนันต์…
ต่อให้แสงก็ไม่สามารถหลีกหนีได้!
“อ้ากกกกก”
ไบรอัสกรีดร้องออกมา ร่างกายที่ยืดออกเป็นเส้นมันทำให้เขารู้สึกแปลก จนแทบจะขาดใจตายตรงนั้น แถมหากโดนดูดกลืนเข้าไปละก็
พวกเขามีลางสังหรณ์ว่า ต่อให้มีกี่ชีวิตก็ไม่รอดออกมาได้..
“เจ้า”
เลมิสทาเรียดีหน่อยเพราะมีพลังเวทไร้ตรรกะคอยต้านทานได้ พอเห็นพี่ชายตัวเองกรีดร้องทรมานก็รู้สึกโกรธเช่นกัน
“ท่านพี่ ตอนนี้แหละ”
แต่เธอก็ยังคงสติ เธอพูดขึ้นดวงตาของไบรอัสก็เหมือนกลับมารวมศูนย์อีกครั้ง เขาตะโกนเสียงดังทันที
“ทุกหน่วยโจมตี เดี๋ยวนี้”
เสียงตะโกนของเขาดังขึ้นทำเอาคนนับแสนได้สติกลับคืนมา แต่ทว่ายังไม่ได้ทำตามคำสั่งทันที
เพราะพวกเขาเองก็กลัว! ขนาดผู้กล้าสองคนยังทำอะไรไม่ได้เนี่ย.. แล้วพวกเขาจะไปทำอะไรได้ล่ะ..?
แต่ว่าพอพวกเขาไม่ตอบสนองไบรอัสก็ตะโกนขึ้นมาอีกรอบ
“ใครมันไม่กล้าไม่โจมตี.. ข้าจะถือว่าเป็นความผิดฐานกบฏ”
พอเสียงเขาดังขึ้น ในตอนนั้นเองร่างกายของเขากับเลมิสทาเรียก็พลันระเบิดกระจายออกอย่างน่ากลัว
ทั้งอวัยวะและแขนขาสาดกระจุยออกไปรอบด้าน และในตอนนั้นเองมือธนูหลายหมื่นนายก็โจมตีใส่เลทิเซียตามคำสั่ง
ราวกับว่าพวกเขาพลีชีพเพื่อเปิดโอกาสให้ทหารนับหมื่นยิงธนูใส่เลทิเซีย.. ลูกธนูหลายหมื่นลูกลอยลงมาจากกลางอากาศ
เลทิเซียหันไปมองทางด้านที่เมืองตั้งอยู่.. ห่างไกลออกไปจากกองทัพนับแสน.. มีเงาร่างของคนสองคนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
“ไอ้พวกแมลงสาบ”
ยิ่งสู้ยิ่งรู้สึกว่าพวกนี้มันตายยากตาเย็นเหมือนกับแมลงสาบ ระเบิดวิญญาณ เลือดแลกเลือดก็ไม่ตาย
พอคิดจะใช้หลุมดำจัดการ.. ก็ดันหนีออกไปได้ไกลอีกต่างหาก ความโกรธของเลทิเซียราวกับไร้จุดสิ้นสุด
เธอต้องฆ่าพวกมันให้ได้.. ไม่ว่าจะยังไง.. และหากมีใครมาขวาง… ต้องตายเท่านั้น…
เลทิเซียยืนประจันหน้ากับทหารมากมายนับไม่ถ้วนอย่าว่าแต่ต่อสู้เลย.. แค่ร้อยคนก็คงไม่มีที่ให้รุมโจจมตีแล้ว…
ดังนั้นภาพที่กองทัพจำนวนมากยืนถือดาบหันหน้าใส่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับลูกธนูที่ลอยลงมาจากกลางอากาศนี้นั้น
คงเป็นภาพที่ไม่สามารถหาได้จากไหนอีกแล้วล่ะ..