การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 226

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 226 – ข้าจะเปลี่ยนโลก

ในตอนนั้นเองร่างของเลมิสทาเรียและไบรอัสก็ขยับเคลื่อนไหวอีกครั้ง ตาพวกเขาทั้งคู่เผยความเลื่อนลอยออกมา

ก่อนที่ความเจ็บปวดทั้งหมดจะถาโถมเข้ามาอีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ตายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาสามารถฟื้นฟูเหมือนเลทิเซียได้

ดังนั้นต่อให้พวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาหากไม่ใช้เวทรักษาก็ไม่อาจจะพยุงชีวิตไปได้นานนัก และนี่ก็เป็นชีวิตดวงสุดท้ายของพวกเขาแล้ว

ทุกครั้งที่สูญเสียวิญญาณหนึ่งดวง พลังพวกเขายิ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆ เพราะดวงวิญญาณทั้งแปดเปรียบเสมือนเครื่องมือทำลายพันธนาการของมหาปราชญ์

แต่เมื่อมันหายไปแล้วพันธนาการที่ยังไม่ถูกปลดออกโดยสิ้นเชิงก็กลับมาพันธนาการดวงวิญญาณและพลังผู้กล้าของพวกเขาเอาไว้อีกครั้ง

อย่าว่าแต่ผู้กล้าคนอื่นๆ เลย ตอนนี้บางทีพวกเขาอาจจะสู้ไม่ได้แม้แต่จอมเวทระดับมหานักเวททั่วไปเพียงคนเดียวด้วยซ้ำ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพวกเขาที่หากปล่อยไว้ยังไงก็ต้องตาย.. ไบรอัสดวงตามืดมัว แต่ตาเขาไม่ได้บอดเหมือนเลมิสทาเรีย

เขาหันไปเจอเลมิสทาเรียที่นอนหอบหายใจโรยริน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาเมื่อเห็นสภาพของเลมิสทาเรีย

“เลมิสทาเรีย.. เลมิสทาเรีย”

เสียงแหบพร่าของไบรอัสดังออกมาจากลำคอที่พังทลายของตัวเอง ทุกครั้งที่เขาเปล่งเสียงก็มีเลือดไหลออกมาจากปากเหมือนกับสายน้ำ

เขาค่อยๆ คลานเข้าหาเลมิสทาเรียอย่างยากลำบาก ด้วยความเป็นห่วงน้องสุดแสน.. ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่น้องสาวเขาสำคัญยิ่งกว่าอะไรบนโลกนี้

ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขาเลิกที่จะสนใจสิ่งรอบข้าง… ไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่างหากนั่นทำให้พวกเขามีความสุข

ใช่แล้ว.. เมื่อหลายร้อยปีก่อนพวกเขาเคยเป็นคนในตระกูลขุนนางระดับล่างๆ ทั้งคู่เติบโตมาในครอบครัวที่เพียบพร้อม

ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง.. ไบรอัสได้ทำเรื่องเกินเลยบางอย่างกับน้องสาวไป.. ใช่ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่เกินคำว่าพี่น้องไป

แน่นอนว่าเลมิสทาเรียเองก็รู้สึกกับไบรอัสเกินพี่น้องเช่นกัน.. พวกเขารักกันไม่ใช่ ในฐานะพี่น้อง.. แต่เป็นในฐานะผู้ชายกับผู้หญิง

พวกเขารู้ว่านี่ไม่ถูกต้อง พวกเขารู้ว่านี่มันผิด แต่ทว่าทุกครั้ง.. ทุกครั้งมันกลับเกินเลยไปตลอด..

จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อแม่ของพวกเขาจับได้.. ในฐานะที่พวกเขาเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดมีอะไรกันนั้นมันผิด มันไม่ถูก

จริงอยู่ที่ในเชื้อพระวงศ์อาจจะมีการสู่สมรสกับพี่น้องสายเลือดเดียวกัน.. แต่นั่นมันเมื่อนานมาแล้ว หลังจากสิ้นสุดสงครามลง

โลกก็ก้าวหน้าไม่ใช่แค่ในแง่ของวิทยาศาสตร์หรือเวทมนตร์ แม้แต่ในแง่ของวัฒนธรรมก็เช่นกัน

ดังนั้นทันทีที่พ่อแม่พวกเขาได้รับรู้เรื่องนี้ จึงเกิดการทะเลาะกันครั้งใหญ่ของครอบครัว ครอบครัวที่เคยอบอุ่นก็เริ่มมีรอยแตกร้าวขึ้นมา

พ่อแม่ไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขาสองพี่น้อง และท้ายที่สุด.. ไบรอัสก็ถูกไล่ออกจากบ้านเพราะว่าตัวเองเป็นพี่แถมยังเป็นผู้ชาย

แต่กลับ.. ไม่มีหัวคิดทำเรื่องแบบนั้นลงไปได้ ไบรอัสถูกผู้เป็นพ่อต่อยหน้าและไล่ออกจากบ้านไป..

แต่ทว่าความรู้สึกของเลมิสทาเรียเองก็รักพี่ชายเช่นกันดังนั้น.. เธอจึงหนีออกจากบ้านตามพี่ชายไป ทำให้พ่อกับแม่ของเขาเริ่มทะเลาะกัน

และโบ้ยความผิดให้กันและกัน ถึงแม้พวกเขาจะเป็นขุนนางยศต่ำๆ แต่ทว่าเมื่อมีเรื่องมีราวเกิดขึ้นทั่วทั้งเขตแคว้นที่ปกครองก็กลายเป็นเรื่องซุบซิบนินทา

ไม่นานก็กลายเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วทั้งอาณาจักรว่า ลูกสาวกับลูกชายของตระกูลขุนนางนี้แอบมีอะไรกันอยู่นานสองนาน

ก่อนจะถูกจับได้และผู้เป็นพี่ชายถูกไล่ออกจากบ้าน ส่วนน้องสาวก็หนีตามพี่ไป พ่อแม่ทะเลาะกัน.. เรื่องราวเริ่มบานปลายกันไปใหญ่และกลายเป็นเรื่องนินทาสนุกปาก

“เฮ้ยๆ นี่มันยุคไหนแล้ว.. ไม่รู้หรือไงว่ามีการศึกษาออกมาชัดเจนว่าถ้าสายเลือดเดียวกันมีลูกด้วยกันอาจจะทำให้ลูกหลานมีร่างกายอ่อนแออะไรแบบนั้นน่ะ”

“เจ้าจะไปรู้อะไร.. ข้าได้ยินมาว่าไอ้เจ้าเด็กที่ชื่อไบรอัสอะไรนั่นมันข่มขืนน้องสาวต่างหาก แต่พอพ่อแม่รู้ความจริงเพื่อปกปิดเรื่องที่ว่าและแกล้งทำเป็นมีเรื่องอื้อฉาว เพราะยังไงพวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าไม่นานต้องกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวแน่ๆ เลยสร้างเรื่องขึ้นมาหลอกเสียก่อนเลย”

“เจ้าจะไปรู้อะไร ข้าได้ยินว่าคนที่ชักจูงอยู่เบื้องหลังคือพ่อของไบรอัสเพราะเขาคิดว่าภรรยาเขาแอบนอกใจไปมีเลมิสทาเรีย”

ในยุคที่เล่าปากต่อปาก ผู้คนมักจะเอาความสนุกในการนินทาเข้าว่า ไม่รู้เรื่องไหนเป็นจริงเป็นเท็จ พอมันได้พ่นออกจากปากไปก็มีเรื่องราวมากมายถูกแต่งเสริมเติมแต่งเข้าไป

ไบรอัสและเลมิสทาเรียที่ได้ยินทั้งคู่ต่างพากันรู้สึกไม่ยอมรับ ไม่ว่าจะพ่อแม่ก็ดี ครอบครัวก็ดี.. หรือใครก็ช่าง..

พวกเขารักกันแล้วมันผิดตรงไหนกันล่ะ… จนตอนนั้นเองพวกเขาได้ไปเจอกับผู้กล้าสองคน..ผู้กล้าสองคนนั้นก็กำลังจะปลดเปลื้องภาระขอองตนเอง

แน่นอนว่าในตอนแรกไบรอัสและเลมิสทาเรียไม่รู้ว่าพวกเขาคือผู้กล้า.. เพราะสองคนที่เป็นผู้กล้าเหมือนจะเป็นคู่รักกัน

และเก็บพวกเขาทั้งคู่ไปเลี้ยงดูเวลาผ่านไป ผู้กล้าทั้งสองมีลูกชายและพวกเขาได้ฝากฝังพลังของผู้กล้าให้เลมิสทาเรียและไบรอัส

ตอนแรกทั้งคู่ก็ยินดีที่ได้รับพลังและพลังนี้มีไว้เพื่อปกป้องลูกชายของผู้กล้า แน่นอนว่าผู้กล้าทั้งสองไม่อยากให้ลูกตัวเองแบกรับภาระของสิ่งที่เรียกว่าผู้กล้า

ดังนั้นเขาจึงมอบให้ไบรอัสและเลมิสทาเรีย.. ทั้งคู่ปีติยินดีและสาบานว่าจะปกป้องลูกชายของผู้กล้าทั้งสอง…

เพราะผู้กล้าทั้งสองเหมือนพ่อแม่คนที่สอง ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังสอนทั้งเวทมนตร์ ทั้งวิชาดาบ ทุกๆ อย่าง

ทั้งคู่ต่างเคารพและรักผู้กล้าทั้งสองเป็นอย่างมาก

จนกระทั่ง…วันหนึ่ง..

“นี่เจ้าคิดว่าเด็กพวกนั้นเป็นใครมาจากไหนงั้นเหรอ”

ในห้องแห่งหนึ่งเสียงของผู้กล้าที่เป็นผู้หญิงถามสามีผู้เป็นผู้กล้าเช่นกัน พวกเขาแก่ชราลงไปหลังสละพลังผู้กล้าภายในสองสามปีพวกเขาทั้งคู่ก็นอนติดเตียงแล้ว

แน่นอนว่ามันปกติเพราะด้วยพลังของผู้กล้ามันทำให้อายุขัยพวกเขายืดยาวขึ้นไปไม่มากก็น้อยดังนั้นเมื่อสูญเสียพลังไป

ร่างกายจะค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพแก่เฒ่าดังเดิมเหมือนที่เคยจะเป็น หากอยู่มาเป็นพันปีอาจจะสลายหายไปในทันทีเลย

แต่พวกเขาทั้งสองมีอายุร้อยกว่าปีเท่านั้น.. ดังนั้นสองปีที่ผ่านมาพวกเขาจึงค่อยๆ แก่ชราลงเรื่อยๆ

เลมิสทาเรียที่กำลังจะเอาอาหารเย็นมาให้ทั้งคู่ ก็บังเอิญได้ยินเสียงนั้น เธอหยุดเดิน…

“นั่นสินะ.. เจ้าคิดว่าไงล่ะ”

ชายชราอดีตผู้กล้ากล่าวขึ้น…

“บางที.. พวกเขาคงเป็นพี่น้องที่เคยเป็นข่าวลือในเมืองหลวงเมื่อหลายปีก่อนนั่นแหละ”

หญิงชราอดีตผู้กล้ากล่าวพึมพำ เลมิสทาเรียที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกมือสั่น.. เพราะคำตอบของหญิงชรา

“เจ้าเองก็คิดเหมือนข้าอย่างนั้นเหรอ…”

ชายชราพูด หญิงชราเองก็พยักหน้า

“อืม.. เป็นความสัมพันธ์ที่ประหลาดดีจริงๆ ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะยังมีความสัมพันธ์แบบนี้เหลืออยู่บนโลกอีกทั้งๆ ที่มีพวกนักวิทยาศาสตร์อะไรนั่นอธิบายเหตุผลซะดิบดีไว้”

หญิงชรากล่าว ชายชราเองก็ถอนหายใจพลางส่ายหน้า

“นั่นสินะ.. พอพูดแล้วมันก็น่าตลกดีนะ”

เลมิสทาเรียที่ฟังมาถึงจุดนี้ดวงตาเธอก็หรี่แคบลง..

“ไม่ถูกต้อง..”

“ความสัมพันธ์มันผิด”

“เลมิสทาเรียต้องแต่งงานกับองค์ชาย”

“ลูกทำให้พ่อผิดหวัง”

“ไบรอัสมันข่มขืนเลมิสทาเรีย”

คำพูดต่างๆ มากมายถาโถมเข้ามาในหัวของเธอ เธอกัดฟันถ้วยข้าวต้มในมือถูกบีบจนเกิดรอยร้าว

“ทำไม.. ทำไม.. ข้ารักท่านพี่แล้วมันผิดตรงไหน.. ทำไมต้องมีคนมากำหนดว่าคนที่ข่ารักต้องไม่ใช่แบบนี้… ทำไม..”

“ทุกคนมันเห็นแก่ตัว… ทุกคน!!!!”

สีหน้ามืดครึ้มเลมิสทาเรียจ้องไปเบื้องหน้าที่มีประตูอยู่ก่อนที่เธอจะหันหลังและเดินจากไป… พร้อมกับ.. ความโกรธและความเด็ดเดี่ยว เธออดทนมาตลอด

ไม่ว่าจะพ่อแม่..หรือผู้มีพระคุณต่างก็ไม่เห็นด้วย ทั้งๆ ที่ความรู้สึกของเธอมันเป็นของจริง..

จนเธอไม่ได้ยินประโยคต่อจากนั้นของอดีตผู้กล้าทั้งสอง

“นั่นสิ.. มันน่าตลกจริงๆ นะ.. เหมือนเห็นเราสองคนเลยล่ะ.. ฮ่าๆ”

“ข้าก็ว่าอยู่ทำไมถึงเห็นภาพของเราซ้อนทับบนตัวพวกเขา.. แบบนี้คงฝากฝังให้พวกเขาดูแลเจ้าตัวเล็กน้อยของเราได้ล่ะ”

เลมิสทาเรียที่เดินจากมาแล้วเธอไม่ได้ยินเสียงดังกล่าว แต่ในมือตอนนี้มีเชือกเส้นหนึ่งอยู่… ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อโลกใบนี้

ต่อผู้คน.. ต่อทุกอย่าง..

“ข้าจะเปลี่ยนโลก.. เพื่อพวกเรา.. เริ่มจากฆ่าพวกคนที่ปฏิเสธความสัมพันธ์ของพวกเรา”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท