การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 234

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 234 – ชักจูง

การประชุมครั้งยิ่งใหญ่ได้เริ่มขึ้นอย่างเงียบๆ การประชุมครั้งนี้จะเป็นเหมือนตัวตัดสินชี้ชะตาของผืนดินของดินแดนแห่งนี้

หากก้าวพลาดเพียงหนึ่งก้าวแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ สงครามขนาดใหญ่จะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แม้ในห้องประชุมจะมีคนไม่กี่คนเท่านั้น

แต่ทว่าทุกคนในนี้ล้วนมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการครอบครองดินแดนต่างๆ ว่าง่ายๆ คือคนใหญ่คนโตของโลกระดับต้นๆ เลยก็ว่าได้

แน่นอนยังมีผู้กล้าอีกเยอะที่ไม่ได้เข้าร่วมหรือแม้แต่จอมมารอีกนับสิบที่ยังไม่ทราบเรื่อง อย่างไรก็ตามเมื่อไฟลุกไหม้กลางป่า

แน่นอนว่ามันก็ต้องลามไปเรื่อยๆ กล่าวคือหากมีสงครามเกิดขึ้นจากการประชุมครั้งนี้ทั้งโลกจะลุกขึ้นเป็นไฟอีกครา หลังจากสงครามที่สิ้นสุดลงไป

สาเหตุมันเกิดจากการที่เลทิเซียฆ่าคนไปมากมายอย่างนับไม่หมด! ซึ่งหลักฐานนั้นมันชัดยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น

และแน่นอนว่าประเทศนี้ต่อจากนี้เป็นต้นไปจะตกอยู่ในสภาวะขาดผู้นำ เกษตรกร พ่อค้า นักธุรกิจต่างพากันตายไปมากมายจนนับไม่หมด

สมดุลของอาณาจักรพังทลายลง เมื่อดินแดนไร้ซึ่งคนปกครองก็จะกลายเป็นถิ่นไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ และเมื่อยามนั้น.. อาชญากรรมจะพุ่งสูงขึ้น

และไม่นานผู้คนต้องดิ้นรนมีชีวิตรอด สุดท้ายบางคนอาจจะหิวตาย บางคนอาจจะถูกจับไปขายในต่างแดน

ทุกอย่างมันส่งผลกระทบอย่างมากไม่เพียงแค่ประเทศแห่งนี้ ยังส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจมากมายในประเทศใกล้เคียง

นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะให้อภัยได้โดยเด็ดขาด ต่อให้ตัดเรื่องที่เลทิเซียเป็นภัยต่อพวกจักรพรรดิมังกรริสเวลในอนาคตออกไปก็ตาม

เรื่องที่ว่าเธอมีความผิดที่ยากจะไถ่ก็เป็นความจริงอยู่ดี แน่นอนว่าหลังจากจักรพรรดิมังกรริสเวลสงบสติอารมณ์ลงได้

ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นคงมีแต่ต้องใช้วิธีต่อรอง เพราะแม้แต่บรรพบุรุษมังกรทั้งสองยังสั่นกลัวผู้หญิงผมสีเหลืองทองคนนี้เลย

เขาจะกล้าขัดได้อย่างไร.. เขากล่าวในสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป

“แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นในกรณีไหนก็ตาม เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นก็มีความผิด อย่าพึ่งกล่าวถึงเรื่องอื่นไกลการที่เจ้านั่นลงมือกับคนที่ไร้ทางสู้ก็นับว่าเป้นความผิดมหันต์แล้ว”

จักรพรรดิริสเวลกล่าวอย่างชาญฉลาด อย่างไรก็ตามเลเวียก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันทีว่า

“แต่นั่นเป็นเพราะเจ้าสองผู้กล้านั่นลักพาตัวเลทิเซียมาก่อน ไม่แปลกที่เธอจะป้องกันตัวและเจ้าพวกนั้นดันเอาตัวไม่รอดเองก็แค่นั้น”

จักรพรรดิมังกรริสเวลส่ายหน้าพร้อมกับกล่าว

“ท่านเทพ ท่านไม่รู้จักการป้องกันตัวที่เกินกว่าเหตุงั้นเหรอ? ท่านรู้หรือไม่ว่าในประเทศนี้มีคนตายเพราะเด็กนั่นไปกี่คนกันนะ ท่านคิดว่าตัวเองจะสามารถรับผิดชอบไหว? เฮ้ยๆ อย่ามาล้อเล่นน่าเทพเป็นสัญลักษณ์แห่งความถูกต้องไม่ใช่หรือไง มาเข้าข้างผู้ร้ายแบบนี้ระวังผู้คนจะเสื่อมศรัทธาเอาน—”

แต่ก่อนที่เขาจะได้เยาะเย้ยจบ เสียงเคาะโต๊ะก็ดังขึ้นหนึ่งครั้ง ซึ่งดังมาจากผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อว่าโรส

“ในที่แห่งนี้พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้กล่าวคำไร้สาระ”

เนื่องมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือสถาบันเวทมนตร์ อันที่จริงถ้าเป็นสถาบันเดียวยังพอรับมือไหว แต่ถ้าหากทั้งห้าสถาบันละก็..

พาลาดินห้าคนเลยนะ พาลาดินที่มีพลังเทียบเท่ากับจอมมารหรือผู้กล้าก่อนที่จะโดนผนึกพลังน่ะ .. แน่นอนว่าสถาบันเวทมนตร์ล้วนเป็นกลาง

เพราะสัญญาร่างไว้เช่นนั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะสามารถขัดสัญญาได้ เพราะหากทำได้พวกเขาคงทำไปตั้งแต่ห้าร้อยปีก่อนแล้ว

จักรพรรดิริสเวลได้แต่พยักหน้าขอโทษ ก่อนที่จะหันไปทางฝั่งพวกเลเวียอย่างเฉยชา หากพึ่งใบบุญของกฎหมายของปราชญ์บัดซบนั่นพวกเขาก็สามารถกำจัดเสี้ยนหนามนั่นได้

นี่เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิริสเวลรู้สึกชื่นชมกฎหมายดังกล่าว แต่ในตอนนั้นเองเวโรเน่ก็พูดขึ้น

“เจ้าบอกว่ามันเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุสินะ? แล้วเจ้ามีอะไรยืนยันว่าเธอคนนั้นเป็นภัยต่อมวลมนุษยชาติ?”

เวโรเน่กล่าวถามอย่างมีนัย จักรพรรดิมังกรริสเวลอยากจะดูถูกอีกฝ่ายว่าตัวเองพึ่งพูดถึงเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายทำเกินกว่าเหตุ

แล้วมาถามว่าทำไมถึงนับว่าเจ้านั่นเป็นภัย นี่อีกฝ่ายโง่หรือโง่กันแน่ เพราะคำถามมันก็มีคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว

เขารู้สึกขำและคิดว่าเวโรเน่คงกำลังหาข้ออ้างอยู่ อันที่จริงท่าทางของเวโรเน่ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนคนพยายามแถ

แน่นอนว่าสำหรับเขาเป็นเรื่องที่ดี หากอีกฝ่ายกระวนกระวายกว่าสงบนิ่งละก็จะได้บดขยี้ได้ง่ายหน่อย เขาจึงยกมือขึ้นกล่าวอย่างใจเย็น

“คำตอบก็อยู่ในคำถามเจ้าแล้วไม่ใช่รึ ผู้กล้าเวโรเน่ ก็การที่เด็กนั่นป้องกันตัวเกินกว่าเหตุนั่นไงล่ะถึงทำให้คนล้มตายไปจำนวนมาก แบบนั้นมันก็เป็นภัยธรรมชาติแล้ว”

ขำตอบกลับก็อดรู้สึกขำในใจ ผู้กล้าที่พยายามเข้าข้างจอมมารงั้นเหรอ.. เวโรเน่กล่าวสืบต่อ

“ข้าถึงได้ถามนี่ไงว่าเป็นภัยยังไง.. หากว่าการที่เธอป้องกันตัวเกินกว่าเหตุนั้น ‘เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจจะทำ’ น่ะ?”

เธอกล่าวถามด้วยความสงสัยใบหน้าสุขุมของจักรพรรดิมังกรริสเวลแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาจับทางอีกฝ่ายได้ทันที

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะให้โฟกัสไปที่ประเด็น ‘ภัยต่อธรรมชาติ’ และก็พยายามถอนความผิดตรงนั้นแทนที่จะเป็น ‘ภัยพิบัติที่พึ่งเกิด’

ยังไงซะเขาก็ถือเป็นเจ้าเฒ่ามากเล่ห์กลดังนั้นเพียงแค่คำพูดต่อมาของเวโรเน่เขาก็เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายทันที

เขาเลี่ยงประเด็นตรงนั้นแทบจะทันที

“แต่ว่านั่นไม่ใช่ประเด็นหลักนี่ เจ้าจะบอกว่าคนที่ตายไปก่อนหน้าไม่มีค่าพอให้พูดถึงอย่างงั้นเหรอถึงยกเรื่องในอนาคตขึ้นมาพูดถึงก่อนโดยละเลยเรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ”

จักรพรรดิมังกรริสเวลกล่าวอย่างชาญฉลาดนอกจากจะดึงสถานการณ์กลับมาฝ่ายตัวเอง ยังกดให้อีกฝ่ายถือไพ่ต่ำกว่าได้อย่างสวยงาม

แต่แน่นอนว่าเวโรเน่เองก็เข้าใจ มีหรือเธอจะเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายจะไม่สังเกตเห็นแผนการของตนเอง

“ข้าแค่พูดขึ้นความจะเป็นตามหัวข้อที่เจ้าพูดมาในตอนแรกเพียงแค่นั้น?”

เธอยิ้มกล่าวแบบนั้นทำให้สีหน้าของจักรพรรดิมังกรริสเวลแปรเปลี่ยนอีกครั้ง จริงๆ เขาเป็นคนยกเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนเอง

การกดอีกฝ่ายให้ต่ำลงโดยใช้คำพูดที่อิงด้วยศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายแต่เหมือนจะไม่สำเร็จ ดังนั้นเขาจึงกล่าวขึ้น

“อ่า นั่นสินะ แต่ในตอนนี้ประเด็นหลักคือผู้สูญเสียไปต่างหาก ใครจะเป็นคนรับผิดชอบความสูญเสียนั้น?”

เขากล่าวเหมือนผู้เหนือกว่า ใช่แล้วต้องโฟกัสที่ประเด็นเดิมเพื่อยัดเยียดความผิดนี้ให้เลทิเซียเป็นหลักและให้เธอรับผิดชอบ

แต่ทว่าเวโรเน่กลับฉีกยิ้มและกล่าวขึ้นทันที

“อ่า เรื่องความสูญเสียนั้นพวกเราทางฝั่งอาณาจักรเวทมนตร์มิราลิสจะรับคนไร้บ้านที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ สำหรับเด็กไร้บ้านจะส่งเข้าโรงเรียนเวทมนตร์ทั้งห้าภายใต้ชื่อของนายกรัฐมนตรีแห่งอาณาจักรมิราลิส เรื่องนี้ไม่มีปัญหาใช่ไหมที่ทางดรงเรียนจะรับเด็กที่ได้รับภัยพิบัติขนาดนี้น่ะ?”

เวโรเน่กล่าวขึ้นอย่างฉับไวราวกับต้องการประโยคนี้จากอีกฝ่าย อีกทั้งยังหันหน้าไปถามยืนยันจากเด็กผู้หญิงที่ชื่อโรสอีก

เธอคนนั้นเองก็ยิ้มกริ่มรู้ถึงแผนของเวโรเน่ตั้งแต่แรก เธอทำท่าครุ่นคิดก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเป็นธรรม

“แน่นอน”

สีหน้าจักรพรรดิมังกรเปลี่ยนสีอีกครั้ง บัดนี้เขารู้แผนอีกฝ่ายแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเพียงหลอกล่อให้เขาสับสนในความต้องการของเวโรเน่

เพราะจริงๆ แล้วสิ่งที่เธอคนนี้ต้องการคือคำว่า ‘ใครจะเป้นคนรับผิดชอบสิ่งที่สูญเสีย’ ในเมื่อฟื้นคืนสิ่งที่เกิดไปแล้วไม่ได้

ดังนั้นจึงรับผิดชอบตรงนั้นไม่ได้แต่รับผิดชอบคนที่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียได้ แน่นอนว่าความหมายของจักรพรรดิมังกรริสเวลคือหมายถึงว่า

คนตายขนาดนี้ใครจะรับผิดชอบ แต่ด้วยความที่เวโรเน่ได้ทำให้เขาสับสนก่อนหน้าในเรื่องที่ว่าเธอต้องการให้เขาโฟกัสอีกเรื่อง

แต่เขากลับสามารถโฟกัสเรื่องเดิมได้.. ใช่เขากลับมาโฟกัสได้ก็จริงแต่นั่นก็เพราะเข้าใจแผนการของอีกฝ่ายจึงทำให้เขาพลาด..

เพราะความต้องการจริงๆ ของอีกฝ่ายคือแบบนี้ต่างหาก!!!

เขาพยายามรวบรวมสติกลับคืนมาพร้อมกับกล่าวอย่างใจเย็น

“เดี๋ยวก่อนสิ เจ้าไม่ใช่นายกรัฐมนตรีของอาณาจักรเวทมนตร์มิราลิสสักหน่อย การกล่าวคำพล่อยๆ ไม่มีมูลในสถานที่แห่งนี้เจ้าคิดดีแล้วหรือ?”

“อ้อ สำหรับเรื่องนั้นเองหรอกเหรอ?”

เธอยกกระดาษแผนหนึ่งขึ้นมา เป็นสัญญาฉบับหนึ่งที่กล่าวถึงสิทธิ์ในการเปิดรับคนเข้าประเทศอย่างอิสระและสามารถมอบสัญชาติให้ได้อย่างถูกกฎหมาย

กล่าวคือ.. คำพูดของเธอที่ว่าสามารถรับคนที่เหลืออยู่ในอาณาจักรแห่งนี้เข้าไปในอาณาจักรเวทมนตร์มิราลิสอย่างถูกต้องตามกฎหมายถือเป็นเรื่องจริง

และสามารถใช้ได้จริง!

จวบจนกระทั่งบัดนี้ จอมมารก็ดีเทพธิดาก็ช่าง.. ทุกคนได้หลงลืมสิ่งที่เรียกว่า.. ผู้คนตายไปจำนวนมากไปแล้ว..

ไม่สิ บางทีอาจจะไม่ได้ลืมแต่หัวข้อสนทนามันบีบบังคับมาในทางนี้เพราะความดึงดันและพยายามที่จะถือไพ่ให้เหนือกว่าของจักรพรรดิริสเวล

แต่ผลกลับตรงกันข้าม.. เวโรเน่แม้อยู่ฝั่งผิดแต่กลับสามารถดึงสิทธิ์ความชอบธรรมให้มาเข้าข้างตัวเองได้โดยใช้ช่องโหว่คำพูดในการบงการอีกฝ่าย

เหมือนกับปีศาจเฒ่ามากแผนการ!

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท