บทที่ 244 – ไม่สามารถเอื้อนเอ่ย
ภายใต้การนำทางของคนตรงหน้า ไม่นานเลทิเซียก้เดินมาถึงที่เกิดเหตุ.. เธอก็เห็นร่างของโคลเอ้ที่อาบชุ่มไปด้วยเลือด
หน้าอกเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ ดวงตาเบิกกว้างปิดไม่สนิท ทั้งยังมีรอยบิดเบี้ยวแห่งความเจ็บปวดบนใบหน้าที่มีทั้งคราบเลือดและคราบน้ำตา..
เลทิเซียร่างกายสั่นสะท้าน..
“อีกแล้ว..เหรอ.. ทำไม…”
สีหน้าของโคลเอ้มันซ้อนทับเขากับใบหน้าของสเตฟานี่ที่ตายไปต่อหน้าเธอ.. ทำไม.. ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้..
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่.. ทำไมคนรอบตัวเธอถึงตายไปอีกแล้ว.. หัวใจของเลทิเซียรู้สึกว้าเหว่อย่างไม่ทราบสาเหตุ
ความรู้สึกเหล่านี้เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน ราวกับว่าโลกทั้งใบมันเหลือเพียงแค่เธอคนเดียว..
“อ่าาา… ทำไม.. ทำไมกันล่ะ”
“องค์หญิง”
ในตอนนั้นเองลาน่าที่ได้รับข่าวว่าเลทิเซียฟื้นแล้วเธอก็รีบตามมาทันที พอเห็นเลทิเซียที่ทรุดลงไปกับพื้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนสี
กลัวว่าเลทิเซียจะสติหลุดเหมือนตอนเย็น เธอรีบเข้ามาพยุงร่างกายเลทิเซียด้วยความเป็นห่วงและสับสน..
“นี่คือ…”
พอเธอหันไปเห็นซากศพของโคลเอ้เธอก็พูดไม่ออก.. ร่างกายเลทิเซียในตอนนี้แทบไร้ซึ่งเรี่ยวแรง..
เธออ่อนแอ.. อ่อนแอมากๆ .. ลาน่านิ่งเงียบไปก่อนที่จะกอดเลทิเซียจากด้านหลัง.. ราวกับว่าเธอน่ะอยากจะปลอบประโลมผู้หญิงตรงหน้านี้
ลาน่าเป็นคนคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนแม่อีกคนของเลทิเซีย คอยสอน คอยดูแล คอยแนะนำเธอมาตลอด
และเธอก็เป็นคนที่ใกล้ชิดเลทิเซียยิ่งกว่าเอลร่าหรือเลเวีย.. และเป็นคนที่รู้เรื่องของเลทิเซียมากที่สุดในแง่ของคนที่ใกล้ชิดกับเธอ
เธอน่ะรู้ว่าเมื่อสองเดือนก่อน.. เลทิเซียได้สูญเสียเพื่อนคนสำคัญไป.. มันทำให้เธอเจ็บปวดขนาดไหนการกระทำที่ฆ่าคนนับไม่ถ้วนในอาณาจักรแห่งนั้นล้วนเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดว่า…
“เพื่อน” สำหรับเธอมันสำคัญขนาดไหน.. อีกอย่างนอกจากเลวิเนีย เลทิเซียก็แทบไม่เคยพบเจอเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเธออีกเลย
มีโคลเอ้อยู่คนหนึ่งแต่นั่นก็ในแง่ของกการฝึกวิชาดาบ.. หากพูดถึงเพื่อนละก็ ก็คงเป็นคนที่เที่ยวด้วยกัน ยิ้มด้วยกัน หัวเราะไปพร้อมกัน
ทว่าพอเธอมีเพื่อนกลับต้องมาสูญเสียเพื่อนคนสำคัญไปเสียอย่างนั้น.. และปากพล่อยๆ ของเธอก็พูดถึงเรื่องที่เลทิเซียเคยทำ..
โดยไม่ทันได้นึกถึงความรู้สึกของเลทิเซีย บางทีเธอกับเซเรสคงเข้าหากันโดยลืมซึ่งกันและกัน.. แน่นอนว่าลาน่าไม่รู้เรื่องนี้
ดังนั้นเธอจึงถามออกไปว่าอยากช่วยคนคนนี้จริงๆ งั้นเหรอ.. เพราะงั้นในตอนนั้นเลทิเซียถึงได้มีท่าทีที่รู้สึกผิดแบบนั้น
เธอเข้าใจในวินาทีว่าเด็กคนนี้.. คนที่แม้แต่จอมมารคาริลหรือจักรพรรดิมังกรริสเวลผู้ยิ่งใหญ่ยังต้องกลัวคนนี้..
เธอกลับอ่อนไหวง่ายดายขนาดไหน นั่นก็คงไม่แปลกยังไงซะเธอน่ะก็คือเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมพลังที่มากมายเกินไป
และบัดนี้..ในตอนนี้เธอยังสูญเสียเพื่อนคนสำคัญที่เติบโตมาด้วยกันไปอีกโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งหลักอะไรเลย..
ราวกับว่าฟ้ากำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของเธอ ดังนั้นลาน่าจึงกอดเลทิเซียเอาไว้.. กอดเธอด้วยความอ่อนโยน
“ไม่เป็นอะไรนะคะ..?”
“ฉัน…ฉัน..”
เลทิเซียก้มหน้าลงพลางพึมพำด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาหยดไหลออกจากดวงตา.. น่าเสียดายที่โคลเอ้ไม่ได้เห็นภาพนี้..
บางทีหากเธอเห็นภาพนี้.. เธอคงจะรู้สึกผิดที่คิดเกลียดชังเลทิเซีย.. ใช่ ในตอนนี้น้ำตาที่หลั่งไหลออกมาจากดวงตาของเลทิเซียนี้ไม่ใช่เพื่อใคร.. แต่เพื่อโคลเอ้..
แม้เลทิเซียจะเป็นคนที่ระแวงต่อทุกคน.. ใช่ เธอเป็นแบบนั้นตลอดมา.. แต่ภายในความระแวงของเธอนั้นยังมีความขัดแย้งในตัวเธอเอง..
นั่นคือเธอไม่ใช่คนที่เย็นชา.. หลักฐานก็คือในตอนนี้ ในเวลานี้.. เลทิเซียพึ่งมาตระหนักรู้ว่า.. คนที่กลายเป็นศพตรงหน้า..
คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้เมื่อถึงเวลาที่เธอจากไปและไม่ได้พบกันอีกมันทำหัวใจของเธอรวดร้าวขนาดไหน..
“ทำไมกันล่ะ..”
“ทำไมกันล่ะ ลาน่า”
“ฉัน..น่ะ ทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ.. ตอบฉันที”
หัวใจของเลทิเซียในตอนนี้มันว้าเหว่ ว่างเปล่าอ้างว้าง.. เธอไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากคำตอบสั้นๆ จากใครสักคน
ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้.. ตัวเธอมีพลังไม่ใช่เหรอ.. พรที่เทพธิดาให้มันมีมากมายไม่ใช่เหรอ..
แล้วทำไม… ในตอนที่เธอรู้เรื่องอะไรสักอย่างมันถึงสายไปหนึ่งก้าวตลอด.. เธอพยายามยังไม่พอใช่ไหม.. ยังต้องระแวงมากกว่านี้ใช่ไหม..
“ได้โปรด.. ตอบฉันที…”
เลทิเซียหันหน้าไปหาลาน่าที่กอดตัวเองอยู่.. เธอเงยหน้ามองหน้าของลาน่า.. พร้อมกับถามคำถาม..
เธอในตอนนี้ดูไม่เหมือนคนที่ยืนประชันหน้ากับกองทัพนับแสน.. ไล่ฆ่าผู้กล้าทั้งสองอย่างโหดร้าย จอมมารที่มีเสียงสิบกว่าคนบนโลก..
เธอในตอนนี้มันดูเหมือนกับคนที่ไร้ที่พักพิง และกำลังหลงทาง.. อ่อนแอ..อย่างงไร้ทางต้านท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ
น้ำตาไหลออกจากดวงตาไม่หยุด.. มองดูดีๆ ร่างกายเธอสูบผอมไปเยอะมาก ดวงตาของเธอร้องไห้บ่อยจนขุ่นมัวไปหมด..
ลาน่าจ้องมองเลทิเซีย เธอกอดเลทิเซียเบาๆ ..
“องค์หญิงน่ะ..พยายามมามากแล้วล่ะ.. เก่งแล้วล่ะ.. ที่ยังคงร้องไห้เพื่อคนอื่น เพื่อเพื่อนได้มากขนาดนี้.. เพราะงั้นน่ะ…”
“แต่ว่าทั้งสเตฟานี่เองก็ตายไปแล้ว ตอนนี้มาถึงคราวของโคลเอ้.. คำพูดสุดท้ายที่พวกเราได้คุยกันฉันยังจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำไมล่ะลาน่า. ทำไมกัน .. จะมีใครต้องตายอีกอย่างนั้นเหรอ”
เธอตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด.. อันที่จริงแม้แต่ตัวเลทิเซียเองยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าตัวเธอในตอนนี้ต้องการอะไร
เธออยากได้คำตอบแบบไหนจากลาน่ากันแน่.. สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงถามว่าทำไมเท่านั้น.. ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ไปด้วย
“…”
ลาน่านิ่งเงียบไปหัวใจเธอรู้สึกเจ็บปวดเพราะคำพูดของเลทิเซีย เธอไม่มีทางรู้เลยว่าในตอนนี้
เด็กตรงหน้านี้เจ็บปวดขนาดไหน.. เลทิเซียน่ะเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับลาน่าอย่างไม่ต้องสงสัย..
ดังนั้นเธอจึงไม่อาจที่จะกล่าวคำพูดที่มีอุดมคติของตัวเองออกไปได้ว่าแค่สู้ต่อไป.. พยายามต่อไป..
เพราะว่าคนทุกคนหาได้สำเร็จเพียงจากความพยายามอย่างเช่นเลทิเซียในตอนนี้ ทันทีที่เธอก้าวขาออกไป
ก็เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างนำหน้าไปก่อนแล้วก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวด.. เธอควรจะทำยังไง ควรได้รับคำตอบแบบไหน..ลาน่าก็ไม่อาจตอบได้
ต่อให้ไม่ใช่ลาน่าอาจจะเป็นเวโรเน่.. หรือใครก็ช่างบางทีหากมาเจอแบบนี้ พวกเธอก็คงได้แต่เพียงนิ่งเงียบและฟังเสียงร้องไห้แห่งความสิ้นหวังนี้เพียงเท่านั้น
“ข้าไม่รู้ว่าทำไม..”
ลาน่ากล่าวพูดขึ้นเบาๆ เธอกอดเลทิเซียแน่นขึ้น..
“แต่.. ข้าสัญญาว่าข้า.. จะอยู่เคียงข้างองค์หญิงในฐานะคนรับใช้.. ตลอดไป”
“เพราะงั้นไม่ว่าท่านจะเศร้า.. จะเสียใจ.. อยากจะร้องออกมา.. ข้าจะรับฟังทุกอย่าง.. และจะยังโอบกอดท่าน..พร้อมกับบอกว่า.. ข้าน่ะจะอยู่ข้างๆ ท่านเสมอ”
คำพูดของเธอไม่ใช่คำตอบและก็ไม่ใช่สิ่งที่เลทิเซียอยากจะรับฟัง.. แต่ทว่าเมื่อมันถูกกล่าวออกมาความอบอุ่นนั่นก็ไหลบ่าเข้ามาภายในอกของเลทิเซีย
แม้ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้เมื่อได้รับคำถาม
แต่ลาน่าก็มอบสิ่งที่เลทิเซียปรารถนามากที่สุดในตอนนี้ได้..