บทที่ 257 – เลทิเซียกับอันน่า
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในโรงเรียนก็ได้เจอกับเด็กผู้หญิงผมสีเหลืองทองพบว่าเป็นอย่างที่พวกเธอคาด เธอคนนั้นก็เป็นนักเรียนเหมือนกัน
ชาร์ล็อตพยายามจะคืนของให้ แต่ก็ถูกปฏิเสธแถมอีกฝ่ายยังเหมือนจะไม่สนใจอะไรอีกต่างหาก
หลังจากนั้นการทดสอบก็เริ่มขึ้นและก็เป็นไปได้ด้วยดีทุกอย่างจนกระทั่งรอบสุดท้าย ชาร์ล็อตได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้า
ใช่แล้วเธอคือเลทิเซีย ชาร์ล็อตไม่คิดฝันว่าหลังจากนั้นความลับเรื่องของอันน่าจะแตก เพราะอันน่ากับเธอเติบโตมาด้วยกันตลอด
เธอแทบไม่ค่อยได้พบปะกับผู้คนนอกจากการออกเดินทางมาที่โรงเรียนนี้ก็เป็นครั้งแรก แต่ด้วยความที่ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับใครเลย
มันจึงไม่มีปัญหา แต่คราวนี้ต้องทำงานเป็นทีมครั้งแรก อันน่าจึงกังวลมากเลยตัดสินใจจะแยกตัวออกมาคนเดียว
แต่ไม่คิดว่าเลทิเซียจะมาเจอเข้า.. เธอตกใจมากกับการปรากฏตัวของเลทิเซีย ไม่เพียงแค่นั้นทันทีที่อันน่ารู้ความลับ
เธอเคลื่อนไหวโจมตีใส่เลทิเซียทันที มันทำให้อันน่าสับสนมาก โชคยังดีที่เธอหยุดอันน่าไว้ทัน
พร้อมกับอ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ ไปว่าเป็นพี่น้องฝาแฝดเพราะโลกนี้พี่น้องฝาแฝดเป็นสิ่งที่หายากมาก…
แต่แน่นอนว่าชาร์ล็อตก็มานึกได้อีกทีหลังจากพูดไปแล้วว่า ใครมันจะไปเชื่อเรื่องแบบนั้นกัน ถึงโลกนี้ลูกแฝดจะหายากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี
ในขณะที่เธอกำลังกลัวว่าความจะแตกเหมือนอีกฝ่ายจะเชื่อง่ายๆ ซะอย่างนั้น แม้ชาร์ล็อตกับอันน่าจะงงแต่ก็โล่งอก
สำหรับอันน่าเธอตะขิดตะขวงใจต่อเลทิเซียคนนี้มาก ถึงชาร์ล็อตจะมองไม่ออก แต่อันน่าที่มองในแง่ลบทุกๆ ด้าน
เลทิเซียเป็นเหมือนกลุ่มก้อนแห่งความบิดเบี้ยวแลดูผิดปกติเป็นอย่างมาก.. ซึ่งมันดูคล้ายคลึงกับ.. ตัวเธอมาก
ใช่ เธอนั้นเติบโตมาในฐานะด้านลบของชาร์ล็อต.. เธอน่ะเกิดขึ้นมาจากความทรงจำ ประสบการณ์ ความรู้สึกด้านลบของชาร์ล็อต
พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ว่าจะเป็นความเกลียดชัง ความหวาดกลัว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นด้านลบมันประกอบขึ้นมาเป็นเธอ อันน่า
และการมีอยู่ของเธอทำให้มีชาร์ล็อตที่ใสซื่อ ร่าเริงและไร้มลทิน.. อันน่าน่ะแบกรับความทรงจำที่เจ็บปวดของอันน่า
ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่เธอจะมีนิสัยที่ดุร้าย.. เพราะในทางกลับกันเธอเองก็ไม่เข้าใจความใสซื่อของชาร์ล็อตเช่นกัน
เธอไม่เคยอิจฉาชาร์ล็อตเลยแม้แต่น้อย เธอคิดว่าตัวเองคืออันน่า ชาร์ล็อตก็คือชาร์ล็อต แม้แรกเริ่มเดิมทีจะเป็นคนคนเดียวกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่
อันน่าเชื่อแบบนั้น.. แต่สายตาที่จดจ้องไปยังเลทิเซีย มันกลับให้ความรู้สึกที่เหมือนกับตัวอันน่าเอง
แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นชาร์ล็อตเช่นเดียวกัน ดังนั้น.. เธอจึงทั้งสบสนและอยากรู้ในเวลาเดียวกัน
และ..เลทิเซียก็เป็นคนแรกที่อันน่ายอมให้เข้าใกล้ชาร์ล็อต อาจจะเป็นเพราะความแปลกประหลาดของเลทิเซีย
ความเหมือนกันของพวกเธอ.. บางทีเธอคนนี้อาจจะเป้นเพื่อนให้กับชาร์ล็อตได้ก็ได้..
เพราะอันน่ารู้ดี.. สักวันชาร์ล็อตก็ต้องเติบโต.. นั่นหมายความว่าพอเธอเติบโตรู้จักแบกรับความเจ็บปวด.. ยามนั้น… เธอจะหายไป
นั่นเพราะว่าเธอถือกำเนิดขึ้นเพราะการปฏิเสธความเจ็บปวด ความเศร้าโศกเสียใจของชาร์ล็อต แต่ถ้าชาร์ล็อตยอมรับสิ่งเหล่านั้นได้เมื่อไหร่
เธอก็จะหายไป.. เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชาร์ล็อต แต่เธอก็อยากให้ชาร์ล็อตได้เติบโตพยายามทำทุกอย่างให้ชาร์ล็อตได้เติบโต
และหาคนที่จะมาแทนที่ตัวเธอในสักวัน..บางทีผู้หญิงที่ชื่อเลทิเซียอาจจะเป็นคนที่ว่า นั่นเป็นเพราะเธอเหมือนกับอันน่าและชาร์ล็อต
มีความเจ็บปวดมากมายที่อยู่ในอก มีความดำมืด มีความระแวง.. แต่ในขณะเดียวกันก็มีความใสซื่อจนน่าตกใจ
อาจะจะเป็นเพราะมีนิสัยแบบแรกเลยทำให้ปฏิเสธที่จะเข้าหาหรือปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น มันเลยทำให้เธออ่อนต่อโลกมาก
ซึ่งมันเหมือนอันน่าที่มีด้านลบมากมาย เหมือนชาร์ล็อตที่อ่อนต่อโลก.. คนคนหนึ่งที่มีความคล้ายคลึงขนาดนี้…
อันน่าคิดแบบนั้น.. และดูเหมือนว่า… โชคชะตาจะบรรจบกันอย่างไม่น่าเชื่อ.. ทั้งคู่คือรูมเมจกัน..
แต่ด้วยความที่เลทิเซียเป็นคนที่ขี้ระแวงมากเธอจึงระวังตัวต่ออันน่ากับชาร์ล็อตมาก ซึ่งแม้ชาร์ล็อตจะมองไม่ออกแต่อันน่าก็มองออก
ดังนั้นทุกๆ คืน เธอจะพยายามทำให้เลทิเซียละทิ้งความระแวงที่มีต่อชาร์ล็อตให้ได้.. ไม่จำเป็นต้องลดการระแวงเธอก็ได้แค่ชาร์ล็อตก็พอ..
นั่นคือสิ่งที่เธอวางแผนเอาไว้.. ดังนั้นเธอจึงพยายามจะทำให้เลทิเซียมาระแวงที่ตัวเองโดยการแอบไปที่เตียงเลทิเซียบ้างล่ะ
กวนเลทิเซียบ้างล่ะ.. และผลลัพธ์ก็ออกมาดีเลย ความระแวงของเลทิเซียที่มีต่ออันน่านั้นพุ่งสูงในขณะเดียวกันเลทิเซียก็เริ่มที่จะมองข้ามว่าตัวชาร์ล็อตที่ใสซื่อจะเป็นอันตรายต่อเธอเอง
แต่ในขณะเดียวกันที่พวกเธออยู่ด้วยกัน.. ปฏิเสธไม่ได้ว่าชาร์ล็อตเองก็มีความรู้สึกดีๆ ต่อเลทิเซียที่เติบโตขึ้น
ซึ่งต้องขอบคุณอันน่าในหลายๆ จังหวะที่ทำให้เกิดสถานการณ์ต่างๆ ระหว่างทั้งสอง.. เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสามถูกกอันน่าชักจูงอย่างเงียบๆ
แต่ในขณะเดียวกัน..ความรู้สึกเล็กในอกอันน่าก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นมาด้วยในเวลาเดียวกัน..
“อันน่าเธอจะทำอะไรน่ะ”
ในคืนหนึ่งหลังจากชาร์ล็อตหลับไปแล้วอันน่าเข้าควบคุมร่างแล้วก็แอบย่องไปที่เตียงของเลทิเซีย แต่โดนเลทิเซียดักไว้ก่อน
แถมยังมองแว้บเดียวรู้ว่าเป็นเธออีกตั้งหาก อันน่าก็หันหลังกลับกลบเกลื่อนทันที
“ข้าไม่ใช่อันน่าสักหน่อย ข้าคือชาร์ล็อตต่างหาก”
“ถึงเธอจะบอกแบบนั้นก็เถอะนะ.. แต่เธอกับชาร์ล็อตต่างกันจะตายไปนี่”
เลทิเซียพูดออกไป อันน่าที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย.. ใช่แล้ว.. ที่เธอแตกต่างกับชาร์ล็อตน่ะเป็นเพราะเธอคือด้านลบชาร์ล็อตคือด้านสว่าง
“ก็นะพวกเราต่างกันสุดขั้วเลยนี่น่า”
เธอพึมพำด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจพร้อมกับเตะข้างเตียงเบาๆ เหมือนกับว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับชาร์ล็อตโดยสิ้นเชิงเท่านั้น..
แต่เพราะการเตะเตียงในความมืดที่เงียบสงบมันเลยเสียงดังเป็นพิเศษ ทำให้เลทิเซียสะดุ้งก่อนที่เธอจะรีบพูด
“ฉันว่าเธอก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองนะ”
“พูดอะไรของเจ้าน่ะ?”
“เปล่า ฉันแค่อยากจะบอกว่าอย่าคิดมากกับคำพูดของฉันสิ ดูไม่สมเป็นเธอเลยนะ”
“…..”
คำพูดที่ตรงไปตรงมาที่ทำให้ความอิจฉาเล็กๆ ของอันน่าที่เกิดขึ้นมาในใจสั่นสะเทือน.. เธอรับรู้ทันทีว่า.. เธอในตอนนี้อิจฉาชาร์ล็อต
อาจจะเป็นเพราะว่าเหงา.. ที่ชาร์ล็อตเริ่มได้รู้จักกับคนมากขึ้นผ่านเลทิเซีย ในขณะที่เธอกลับโดดเดี่ยวเพียงคนเดียว
มันเลยทำให้ก่อเกิดความสับสนในตัวเอง.. ใช่ ในตอนนี้ดูไม่สมเป็นเธอเลย.. อันน่าปกติต้องปกป้องรอยยิ้มของชาร์ล็อตไม่ใช่หรือไง..
แล้วเธอในตอนนี้มามัวอิจฉาชาร์ล็อตคนที่เปรียบเสมือนน้องสาวตัวน้อยของตัวเองได้ยังไงกัน…
แต่แน่นอนว่าความรู้สึกเหมือนถูกทิ้งมันก็ยังอยู่ แม้อันน่าจะไม่ได้พูดอะไรออกมา.. แต่ภายในของเธอก็ยังรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง..
เลทิเซียที่เห็นว่าอีกฝ่ายยังหน้าบูดไม่ยอมถอยออกไปจากเขตของเตียงตัวเอง ทั้งที่พยายามทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีแล้วไล่กลับไปแท้ๆ
ดังนั้นด้วยความไร้หนทางเลทิเซียจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ไม้แข็ง
“ฉันจะขอพูดให้ชัดๆ ตรงนี้เลยแล้วกันนะว่า.. ถึงคนอื่นจะไม่รู้ว่ามีเธออยู่ในตัวอันน่าแต่ฉันก็รู้หรอกนะ จำเรื่องนี้เอาไว้ด้วยแล้วก็ไปพักซะ”
คำพูดเลทิเซียที่ดุดันและแสดงความขู่ชัดเจน .. แค่เอาเรื่องที่เลทิเซียกุมความลับอยุ่ไปขู่ซะเลย.. ถึงจะไม่ดีต่อชาร์ล็อตและไม่คิดจะทำจริงๆ ก็เถอะ
แต่ก็หวังว่าอันน่าจะถอยไปให้นะ.. เพราะเธอง่วงแล้ว.. แต่คำพูดที่เรียบง่ายของเลทิเซียก็ทำให้อันน่าสะดุ้งตื่นจากพายุความรู้สึกสับสนต่อตัวเอง..
“ข้า…”
ชาร์ล็อตไม่รู้จะกล่าวอะไรออกไป.. เพราะคำพูดเลทิเซียที่บอกว่า.. ต่อให้คนอื่นไม่รู้จักเธอหรือรู้สึกเหมือนถูกชาร์ล็อตทิ้งไว้ข้างหลัง
แต่เธอก็ยังมีเลทิเซียจดจำเธอได้อยู่เสมอ.. เพราะงั้นพักบ้าง.. เรื่องเกี่ยวกับชาร์ล็อตหรือเรื่องอะไรนะ.. จำไว้ว่าเธอก็คือเธอ
ชาร์ล็อตก็คือชาร์ล็อต.. พอเลทิเซียพูดเสร็จก็ไม่อยากพูดอะไรต่อ เธอหันหลังให้อันน่าแล้วก็นอนลง อันน่าได้แต่ยืนมองเลทิเซียอย่างโง่งมพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว…
“ข้า…”
ขาขอเธอก้าวถอยหลังไปก่อนที่จะนั่งลงบนเตียง..แสงจันทร์สาดเข้ามาจากหน้าต่างดวงตาที่น่ากลัวต่างจากชาร์ล็อต..
แต่ในตอนนี้กลับมีสีหน้าที่เหมือนกับชาร์ล็อตไม่มีผิด… ใบหน้าที่แดงระเรื่อราวกับเด็กหญิงในวัยเติบโตที่พบความสุข