การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 262

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 262 – ห้ามรัก ห้ามเกลียด

“นี่แกพูดเรื่องบ้าอะไร.. ข้าทำให้..ชาร์ล็อต…หายไป..?”

อันน่าตะโกนออกมาด้วยความสับสน แต่เสียงของเธอก็เบาลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเงียบลงพร้อมกับดวงตาที่ค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น..

ปากเธอเปิดออกราวกับจะเปล่งบางอย่างออกมา แต่กลับไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้ .. ผ่านไปนานสองนานเสียงแหบพร่าของเธอก็หลุดออกมาจากปาก

พร้อมกับความสับสนและไม่อยากจะเชื่อ… เธอไม่คิดว่านั่นจะเป็นความจริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันบอกกับเธอแบบนั้น

“หรือ..ว่า….”

ริมฝีปากแห้งผาก ฮิสครอมก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น

“ดูท่าจะรู้แล้วสินะครับ”

ใช่ เธอพอเดาได้แล้ว เพียงแต่ว่า… เพียงแต่ว่าแบบนั้นมัน..

ตลอดมา ตั้งแต่วันแรกที่เธอมีตัวตนบนโลกใบนี้ หากถามว่าทำไมใช้คำว่ามีตัวตนแทนที่จะเป็นเกิด เหตุผลก็คงรู้ๆ กันอยู่

เธอเป็นส่วนหนึ่งที่แยกออกมาจากตัวของชาร์ล็อต ใช่ สำหรับตัวของอันน่าเอง เธอเป็นได้แค่นั้นมาตลอด

เธอเป็นเพียงสามในสิบส่วนของตัวตนที่ชื่อชาร์ล็อต ในฐานะอันน่า.. ทุกอย่างที่เป็นสิ่งดีๆ ความทรงจำที่มีความสุข

ความรู้สึกด้านบวกทุกอย่างนั้นอยู่กับชาร์ล็อตทั้งหมด ตัวเธอนั้นเป็นเพียงแค่ด้านลบ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการเสมอ

หากพูดกันตามความเป็นจริงผู้คนจะเลือกเข้าหาผู้อื่นจากทางสีขาวมากกว่าสีดำ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าอันน่า.. เธอไม่เคยมองว่าตนเองคือ ‘คนคนหนึ่ง’

แต่เป็นแค่ ‘ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง’ ในตัวของชาร์ล็อตเพียงเท่านั้น ในทางกลับกันเพราะชาร์ล็อตไม่ได้มีด้านลบอะไรในตัวเลย

เธอที่มีแต่ความสุข ไม่เคยมีความทรงจำที่เลวร้าย ไม่เคยเจ็บปวดหรือเสียใจ เธอจึงแทบไม่รู้จักถึงความโหดร้ายของโลก

สิ่งมีชีวิตนั้นจะมีลักษณะนิสัยหรือบุคลิกจากประสบการณ์และความทรงจำ เพราะคนแต่ละคนได้เจออะไรที่แตกต่าง ได้มีความทรงจำที่แตกต่าง

จึงได้กลายเป็นคนละคนกัน.. อันน่ากับชาร์ล็อตเช่นกัน อันน่าเปรียบเสมือนบุคคลที่พบเจอแต่เรื่องเลวร้ายจึงรู้จักคิด รู้จักรอบคอบ

รู้จักระมัดระวัง ในทางตรงกันข้ามชาร์ล็อตเองก็ได้สอนให้อันน่ารู้ว่าคนบางคนก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเลวร้ายเสมอไป

แต่ทว่า อันน่ากลับไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นคน.. เป็นคนที่ไม่ใช่คนเดียวกันกับชาร์ล็อตเลย เธอมองเพียงแค่ว่าตัวเองเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชาร์ล็อต

หากให้เปรียบเทียบ เธอคงมองว่าตัวเองเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกายชาร์ล็อตที่ขาดหายไป ดังนั้นเพื่อชาร์ล็อตเธอต้องปกป้อง

ตลอดมา.. ตลอดมาเธอคิดแบบนั้น

เหตุผลอีกอย่างคงจะเป็นเพราะว่าตัวเธอนั้นไม่เคยสัมผัสในสิ่งที่ชาร์ล็อตสัมผัสได้เลย เธอทั้งสองคนใกล้กันที่สุด เข้าใจกันมากที่สุด

แต่ในเวลาเดียวกัน.. ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นคนที่ไม่เข้าใจกันและกันได้มากที่สุดเช่นกัน

จนกระทั่ง..อันน่าได้มาเจอกับคนที่ชื่อว่าเลทิเซีย เธอเชื่อว่าตัวเองนั้นไม่ใช่ตัวตนที่จะสามารถชอบใครถูกใจใครได้

ไม่สามารถรู้สึกได้เหมือนชาร์ล็อตได้

ไม่สามารถยิ้มเหมือนชาร์ล็อตได้

ไม่สามารถมีความสุขได้..

แต่ว่าผู้หญิงที่ชื่อเลทิเซียก็มาสร้างโลกใบใหม่ให้เธอได้เห็น ได้เห็นนิสัยที่ป้ำๆ เป๋อๆ ได้เห็นความขยันหมั่นเพียรที่มีความซื่อบื้อ

บางเวลาก็ดูเป็นคนใจดี บางทีก็ดูน่ากลัว..เธอได้มาตระหนักว่า อ่า.. มันช่างมีเสน่ห์อะไรแบบนี้ ราวกับว่าเธอสามารถมองคนคนนี้ได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน

ไม่อยากจะละสายตา.. ไม่อยากจะหลบเลี่ยง.. อยากเผชิญด้วยรอยยิ้ม.. ใช่ ในที่สุดเธอก็สามารถรู้สึกเหมือนชาร์ล็อตได้แล้ว..

แต่มันช่างแสนสั้น.. เธอกลับพบว่า..ต่อให้ตนเองรู้สึก.. เธอก็ไม่อาจจะแสดงความรู้สึกออกไปได้ตรงๆ …

ไม่สามารถที่จะทำเหมือนกับชาร์ล็อตได้ตรงๆ นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอคือ.. ‘ด้านลบ’ ยังไงล่ะ

ดังนั้นความรู้สึกที่อยากจะเข้าใจ.. แต่พอเข้าใจแล้วกลับไม่สามารถแสดงออกได้ตามความรู้สึกของตัวเอง

มันจึงกลายเป็นความอิจฉา.. ความอิจฉาที่มีต่อผู้หญิงที่ชื่อชาร์ล็อต.. แม้ในตอนแรกเธอจะไม่เคยอิจฉา..

แต่นั่นก็เป็นเพราะเธอไม่เคยสัมผัสกับมัน สิ่งที่เรียกว่าความสุขน่ะ.. ดังนั้นพอเธอได้สัมผัสมัน ความอิจฉาจึงก่อเกิด..จนหลงลืมสิ่งที่ตนควรกระทำ..

และพลั้งมือทำร้ายทั้งเลทิเซียและชาร์ล็อตไป.. แต่พอมารู้ตัวว่าตนเองทำอะไรลงไป เธอก็รู้สึกผิดและเสียใจเป็นอย่างมาก.. จนไม่กล้าที่จะแม้แต่สู้หน้าชาร์ล็อต

แต่เมื่อเวลาผ่านไป.. เธอก็ยอมรับได้ว่าตนเองนั้น..ชอบคนคนนั้น.. เธอเปิดอกยอมรับได้ ราวกับว่าเวลานั้นสามารถเยียวยาทุกสิ่งได้

และเธอก็ได้ยอมรับ.. ความรักของตนเองอย่างแท้จริง…

ใช่แล้วล่ะ.. อย่างที่อันน่าเคยบอกว่า.. เมื่อไหร่ที่ชาร์ล็อตได้ยอมรับความเกลียดชังหรือความโกรธของตนเองได้

เมื่อนั้น.. อันน่าจะหายไปเหลือเพียงชาร์ล็อตที่เติบใหญ่ขึ้น เพราะแบบนั้นเธอจึงจำเป็นจะต้องหาเพื่อนให้ชาร์ล็อตเสียก่อน

และ.. ตามหลักความเป็นจริง ไม่ว่าจะอันน่าหรือชาร์ล็อตล้วนเป็นคนคนเดียวกันมีคนละครึ่งอยู่ในตัวของคนสองคน

หากให้เปรียบเทียบว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีทั้งความดีความชั่วดำรงอยู่ละก็ อันน่ากับชาร์ล็อตก็คือความดีกับความชั่วที่ถูกแบ่งออกให้เห็นในแง่รูปธรรม

เพราะชาร์ล็อตนั้นปฏิเสธความโกรธที่มีต่อบุคคลลึกลับคนนั้น ในขณะเดียวกันเธอก็ปฏิเสธความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ต่อคนคนนั้น

จนท้ายที่สุดมันแยกออกเป็นสองฝั่ง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือทั้งคู่เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ไม่มีใครมากหรือน้อยกว่าตามความเข้าใจของอันน่า

หากพูดว่า..ถ้าชาร์ล็อตยอมรับด้านลบของตนเองด้านลบจะหายไปและกลับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเอง

ในทางกลับกัน.. ถ้าอันน่ายอมรับในด้านบวกของตนเอง.. ชาร์ล็อตเองก็จะหายไปเช่นกัน!!!

ในตอนที่อันน่ายอมรับว่าตนเองรักชาร์ล็อตมันก็เหมือนกับว่าตัวเธอนั้นยอมรับว่าตนเองก็เหมือนกับอันน่า.. ชอบบุคคลเดียวกัน

อันที่จริงหากชอบคนอื่น อันน่าคงจะไม่หายไปเพราะคำว่าชอบมันตรงความหมายของตัวตนชาร์ล็อตก็จริง

แต่หากว่ากันด้วยเหตุผล เพราะอันน่าปฏิเสธว่าตนเองไม่ใช่หนึ่งเดียวกับอันน่าเสมอมาเหมือนกับที่ชาร์ล็อตคิดว่าอันน่าไม่ใช่ตัวเอง

มันเลยทำให้ตัวตนทั้งคู่แยกจากกัน.. ดังนั้นการชอบใครสักคนจึงไม่ใช่คำตอบสำหรับอันน่า.. แต่เป็นการยอมรับอีกตัวตนของตนเองและสัมผัสความรู้สึกเดียวกันต่างหาก..

ใช่แล้ว.. หากชาร์ล็อตยอมรับความคิดของอันน่าสักครั้งตั้งแต่เล็กจนโตแล้วยอมรับว่าตัวเธอคือตัวเอง.. อันน่าจะหายไป

เรื่องมันง่ายเพียงแค่นั้นเอง.. แต่ต่อให้ชาร์ล็อตรู้ เธอก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นอยู่ดี.. ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอันน่าที่ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองคืออีกครึ่งหนึ่งของชาร์ล็อตเลย..

การที่เธอมาแทนที่ชาร์ล็อตแบบนี้ มันทำให้เธอยอมรับไม่ได้..

“ข้าไม่ใช่ชาร์ล็อต.. ข้าไม่ใช่ชาร์ล็อต”

เธอพึมพำด้วยความสับสนพร้อมกับก้าวถอยหลังด้วยความกลัว กระเป๋าเดินทางในมือร่วงลงกับพื้น

“มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้.. ทำไม..”

เธอปฏิเสธความคิดของตนเองพร้อมกับตะโกนเรียกชาร์ล็อตราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองคิด

“ชาร์ล็อต!! ออกมาเถอะ.. ข้าขอร้อง”

“อย่าเล่นแบบนี้สิ! ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเจอแบบนั้น”

เธอพูดทุกอย่างที่พูดได้ออกมาจนหมด แต่ชาร์ล็อตก็ไม่ตอบสนอง.. นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว..ว่าตัวตนของชาร์ล็อตหายไปแล้ว..

ไม่สิ ถ้าจะให้พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ.. กลับคืนเป็นหนึ่งเดียวมากกว่า.. แต่การกลับคืนสู่หนึ่งเดียวไม่ได้ช่วยให้อันน่าได้รู้สึกดีขึ้นเลย..

เพราะความทรงจำส่วนที่ชาร์ล็อตมีเธอก็จำไม่ได้.. สิ่งที่เธอสามารถรู้สึกได้มีเพียง.. ความรู้สึกที่ตนเองเคยสูญเสียไป..

พูดง่ายๆ ก็คือ ตอนนี้มันเหมือนกับ.. อันน่าได้กลืนกินชาร์ล็อตไปจนหมดแล้ว.. ตัวตนที่เรียกว่าชาร์ล็อตถูกสังเวยให้กับอันน่าเพื่อที่จะได้สัมผัสกับความสุข

ซึ่ง..เธอไม่อาจยอมรับได้..

โชคชะตาเองก็เหมือนกำลังเล่นตลก..

ทั้งคู่ต่างไม่อยากให้กันและกันหายไปเป็นเรื่องธรรมดา.. เพียงแต่ว่าโชคชะตานั้นกำหนดมาให้ว่า.. ห้ามเกลียดสิ่งเดียวกัน

หรือ..

ห้ามรักในสิ่งเดียวกัน

……….

[โคตรขยี้… – ใครสักคน]

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท