บทที่ 277 – ของฝาก..จากต่างโลก
ฮิสครอมที่เห็นเลทิเซียสลายหายไปต่อหน้าต่อตา เขาก็หัวเราะออกมาอย่างพอใจ เมื่อครู่ที่มีโซ่สีแดงปะปนอยู่ด้วยเพราะโซ่นั้นกำเนิดจากพลังที่เหนือกว่า
ว่ากันว่าโลกสี่มิติของเรานั้นเป็นโลกที่เราสามารถระบุหรือเข้าใจได้ แต่นั่นหาใช่ทั้งหมด.. เพราะโลกนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า..
โลกห้ามิติ.. โลกห้ามิติคือโลกที่มิอาจเข้าใจหรือรับรู้ถึงได้.. หากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ หากโลกสี่มิติหรือเอกภพสี่มิตินั้น
มีความยาวที่เป็นอนันต์.. ความกว้างที่เป็นอนันต์ความสูงที่เป็นอนันต์แม้แต่กาลเวลาเองก็ยังเป็นอนันต์
อนันต์คือจำนวนไร้ที่สิ้นสุดนั่นหมายความว่าไม่มีขอบเขตหรือจุดสิ้นสุด.. แล้วโลกห้ามิติคืออะไร.. หากเปรียบเทียบให้ความยาว กว้าง สูงและเวลา
เป็นมิติที่หนึ่งสองสามสี่.. เรียงตามคำกล่าว เอกภพห้ามิตินั้นก็เปรียบเสมือนกับ.. แกนบางอย่างที่ถูกเพิ่มขึ้นมาในโลกที่ทุกคนเคยรับรู้..
ซึ่งมีขนาดแกนเป็นอนันต์นั่นเอง แน่นอนว่าแกนมิติที่ถูกนับว่าเป็นมิติที่ห้านั้นไม่มีใครอธิบายได้ว่ามันคืออะไร
ไม่มีใครรับรู้ว่ามันคือแบบไหน.. เพราะการดำรงอยู่ของมันอยู่เหนือความเข้าใจทุกๆ แนวคิด ทุกความเป็นจริงในโลกสี่มิติเลยก็ว่าได้
หากงง.. ก็ลองมองว่าเอาลูกบอลวางไว้บนกระดาษแผ่นหนึ่ง และสมมุติมันขึ้นมาว่า บอลลูกนั้นคือวัตถุสามมิติ
และมีสิ่งมีชีวิตในกระดาษแผ่นนั้นดำรงอยู่ พวกเขาจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีบอลได้วางอยู่บนตัวตน บนอัตลักษณ์บางอย่างของพวกเขา
และหากมองเห็นก็ลองมองดีๆ .. สิ่งที่พวกเขาเห็นจะไม่ใช้วัตถุทรงกรมที่มีมุม แต่จะเป็นแผ่นสีดำที่มีเพียงความกว้าง เพราะพวกเขามิอาจรับรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ความสูง’ นั่นเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่งโลกสี่มิติและโลกห้ามิติก็เป็นเช่นนั้น ไม่มีใครรู้ว่ามิติที่ห้าคืออะไร…
พูดให้เข้าใจง่ายๆ เลย หากมีใครสักคนที่มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดและไร้เทียมทานความแข็งแกร่งไร้จุดสิ้นสุดอย่างแท้จริงในโลกสี่มิติ
แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลกห้ามิตินั้น.. ก็ไม่ต่างจากภาพวาดในกระดาษที่พวกเขาสามารถฉีกทิ้งได้ จากโลกสี่มิติกับโลกห้ามิติที่ห่างกันเพียงตัวเลขเพียงหนึ่งเดียว
กลับมีความห่างชั้นเสียยิ่งกว่า… สิ่งที่เรียกว่า อนันต์.. นั่นแหละคือโลกห้ามิติ.. แล้วมันเกี่ยวกันยังไง..
โซ่สีแดงนั้นมีความสามารถที่ตรงกันข้ามกับโซ่สีทอง.. ใช่หากโซ่สีทองลบมิติที่สี่หรือที่เรียกว่ากาลเวลาออกจากสรรพสิ่งได้
เช่นนั้น โซ่สีแดงก็สามารถสร้าง.. มิติที่ห้าเพื่อทำให้ตัวตนของบางสิ่งบางอย่าง.. มีการดำรงอยู่ที่สูงขึ้นไปอีกได้..
แต่สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การทำให้เลทิเซียขึ้นไปในโลกห้ามิติ.. แต่เป็นการทำให้โซ่ลบสี่มิตินั้น.. มีการดำรงอยู่ที่สูงขึ้น..
กลับกลายเป็นว่า.. สิ่งที่โซ่ทองลบออกไม่ใช่เวลาของโลกสี่มิติ.. แต่เป็นกาลเวลาของโลกห้ามิติ!!!!
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าแม้แต่การสะท้อนที่เป็นพลังของอามาเระเองก็ล้วนแล้วแต่ไร้ผล.. เพราะว่า.. โซ่ที่พรากชีวิตเลทิเซียไปนั้น.. คือโซ่ที่อยู่เหนือกว่าโลกสี่มิติไปแล้ว!
แต่มีอย่างหนึ่งที่ฮิสครอมไม่ทันได้สังเกต ห่างไกลออกไปบนยอดโบสถ์ที่มีหมอกปกคลุมเป็นชั้นๆ
มีชายคนหนึ่งสวมชุดหรูหราอลังการยืนทอดสายตาไปทางที่ฮิสครอมอยู่ราวกับหมอกเหล่านั้นล้วนไม่สามารถปิดกั้นดวงตาของเขา
คนคนนี้คือ.. หัวใจแห่งพระผู้เป็นเจ้า สันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่แห่งศาสนจักรโอโรโบรอส!
เขาเห็นฮิสครอมที่กำลังตื่นเต้นดีใจ..
“นี่มันอะไรเนี่ย.. ข้ารู้สึกเหมือนเมื่อกี้หลุดไปอีกโลกอย่างไรอย่างนั้น..”
ฮิสครอมรู้สึกสับสนทั้งดีใจ สิ่งที่เขารู้สึกเมื่อกี้มันราวกับเขาได้กลายเป็นพระผู้เป็นเจ้า.. แต่เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร..
สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับโซ่สีแดงมีเพียงอย่างเดียวคือมันสามารถฟื้นคืนชีพกาลเวลาที่ถูกช่วงชิงไปได้ ว่าง่ายๆ เป็นทางแก้ของพลังลบกาลเวลาของเขานั่นเอง
แต่ไม่คิดว่าพอมาทำแบบนี้จะกลายเป็นสิ่งแปลกประหลาดแบบนี้..
“ประตูแห่งพระเจ้าบานที่ห้า..”
สันตะปาปาพึมพำ.. ดวงตาของเขาเรือนรองด้วยความสนใจ.. ปากพึมพำศัพท์ที่ไม่เข้าใจออกมา
แต่บางทีประตูแห่งพระเจ้าบานที่ห้า.. คงหมายถึงโลกมิติที่ห้านั่นแหละ.. เขาหลับตาลงพึมพำคำบางอย่างออกมา
“เมื่ออสูรปรากฏภัยพิบัติจักมาเยือน.. ในยามนั้น.. ประตูบานที่ห้าจะปรากฏต่อหน้าเจ้า เมื่อก้าวผ่านปริศนาประตูแห่งพระเจ้าทั้งหมดจักปรากฏขึ้น”
ดวงตาเขาค่อยๆ ลืมขึ้นคำทำนายนั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว.. ก่อนที่จะหัวเราะร่าอย่างพอใจออกมา
“ฮ่าๆ มันมีอยู่จริง.. ทฤษฎีสตริงมิติทั้งอนันต์ของฉัน.. หึ… แม้แต่มิติที่ห้ายังไม่มีงั้นเหรอ พวกโง่ ตอนนี้ฉันเจอมันแล้ว..อีกไม่นาน.. มิติอนันต์ก็จะมากางอยู่ตรงหน้าของฉัน..”
…..
…
“ทำไม.. ทำไม.. ทำไม..”
ชาร์ล็อตพึมพำด้วยความสับสน เลือดของเลทิเซียอาบไปทั่วใบหน้าของเธอ.. หัวใจของเธอราวกับถูกแทง..
ความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยายนี้ ส่งผลให้เธอกรีดร้องออกมา เป็นเสียงกรีดร้องแห่งความสิ้นหวัง.. แต่ภายใต้ความสิ้นหวังของชาร์ล็อต
ฮิสครอมก็ยังรู้สึกตื่นเต้นจนออกนอกหน้า.. แต่พอได้ยินเสียงร้องไห้ของชาร์ล็อต.. เขาก็เอียงคอด้วยความสงสัย..
“ทำไม.. ยังจำได้อยู่.. ทั้งๆ ที่เด็กนั่นควรจะถูกลบออกจากอดีต ปัจจุบันและอนาคตไปแล้ว”
การถูกลบจากอดีต ปัจจุบันและอนาคตนั่นหมายความว่า เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเลทิเซียตั้งแต่อดีตหรือตอนนี้ แม้แต่อนาคตก็ไม่ควรจะมีอยู่บนโลกอีกต่อไป
นั่นแหละคือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Time out น่ะ.. แต่ทว่าทำไมชาร์ล็อตถึงจำได้ล่ะ..
“หรือว่า…”
ความคิดที่ยากจะเชื่อก็โผล่เข้ามาในหัวของเขา เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นจริงแท้ๆ แต่พอนึกถึงก็อดที่จะหวาดกลัวไม่ได้..
แต่ทว่าฉับพลันนั้นเอง ไหล่ของเขาก็ถูกจับเอาไว้ เสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง..
“ใช่.. ฉันไม่ได้ถูกลบออกไป”
“เป็นไปไม่ไ—”
แต่ก่อนที่จะได้แสดงความเห็น ไหล่ของเขาก็ถูกดึงกลับด้านหลังจนหน้าหันไปประจันกับใบหน้าของเลทิเซีย
“ของฝาก..จากต่างโลก”
กำปั้นข้าวเนียนของเลทิเซียถูกกำขึ้น และต่อยใส่ใบหน้าของฮิสครอมจนเกิดเสียงแตกหักของกราม “กรอบ”
ร่างของฮิสครอมปลิวกลับหลังจนไปกระแทกกับซากปรักหักพังที่อยู่ด้านหลังหลายสิบเมตร แต่แรงกระแทกไม่หมดลงร่างเขาทะลุสิ่งปลูกสร้างที่กลายเป็นซากปรักหักพังนับสิบหลังจนเกิดเสียงสนั่นไปทั่วพื้นที่
เลทิเซียสะบัดฝ่ามือขวาที่ต่อยเข้าหน้าฮิสครอมพร้อมกับยกมือซ้ายไปด้านหน้า..
“วิชาดาวไร้ลักษณ์.. หัตถ์ไร้ลักษณ์”
ฉับพลันนั้นเองร่างของฮิสครอมที่ปลิวไปไกลหลายสิบเมตรก็ลอยกลับมา พร้อมกับเลทิเซียที่กำหมัดอีกครั้ง
“ส่วนนี่..ที่นายทำให้..เพื่อนคนสำคัญของฉัน.. เสียใจ”
กำปั้นถูกชกออกไปพร้อมกับร่างฮิสครอมที่ลอยกลับมาใส่หมัดเลทิเซีย แต่ทว่าฮิสครอมเรียกสติกลับคืนมา..
“อย่าให้มันมากนัก”
เขาตะโกนโซ่สีทองและสีแดงม้วนพันกันอีกรอบฉับพลันนั้นเองร่างกายเขาพลันราวกับเป็นพระเจ้าสามารถบงการได้ทุกอย่าง
ควบคุมทุกสรรพสิ่ง.. ได้แม้แต่.. สิ่งที่จะเกิดและสิ่งที่จะมี.. หากโลกนี้เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดบทบาทมาตั้งแต่แรก
เป็นเนื้อเรื่องที่ถูกพระเจ้ารังสรรค์มา.. เขาในตอนนี้ราวกับสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้!!
“ฮ่าๆ .. ข้า.. ข้ากลายเป็นส่วนที่ยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าแล้—”
แต่ก่อนที่ทันจะได้พูดจบกำปั้นเล้กๆ ของเลทิเซียก็ต่อยพุ่งทะลุโซ่สองสีของเขาผ่านเข้าไปกระแทกใบหน้าของอีกฝ่ายจนแตกยับ
ร่างของฮิสครอมปลิวดิ่งลงพื้นกลิ้งอยู่หลายตลบพร้อมกับกรีดร้องเสียงหลงออกมา.. เลทิเซียมองกำปั้นตัวเองแล้วแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา
“ต่อยได้ด้วยเหรอ ? สมกับเป็นพลังของอามาเระ”
อันที่จริงเลทิเซียที่โดนท่านั้นของอีกฝ่ายเธอก็รู้แต่แรกแล้วมันคือท่าที่อยู่เหนือกว่าความเข้าใจตัวเธอเอง..ในโลกเดิมก็มีอยู่
ไอ้พวกทฤษฎีที่ใช้ในเชิงคณิตศาสตร์น่ะ ก็นะการคำนวณหาค่าต่างๆ ในแล็บเลทิเซียก็ต้องใช้สูตรคณิตหลายๆ อย่าง
ไม่แปลกที่เธอจะรู้พวกทฤษฎีจำนวนเชิงซ้อนหรืออะไรแบบนั้น.. ดังนั้นเมื่อกีเลทิเซียจึงเตรียมรับมือกับท่านั้นของอีกฝ่ายไว้แล้ว
แต่ไม่คิดว่า.. พลังของอีกฝ่ายที่ดำรงอยู่ในโลกห้ามิติจะถูกสะท้อนได้ด้วย.. แต่ทำไมก่อนหน้าถึงสะท้อนไม่ได้ล่ะ..
เลทิเซียได้แต่สงสัย.. อันที่จริงถ้าจะบอกว่าพลังของอามาเระนั้นขึ้นอยู่กับความเข้าใจต่อพลังของอีกฝ่าย
อีกทั้งหากไม่ตั้งตัวดีๆ การโจมตีทีเผลอแบบนี้ ต่อให้การสะท้อนของอามาเระจะแข็งแกร่ง แต่ก็คงทำงานเองไม่ได้!