การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 278

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 278 – ก้าวเดินต่อไป

“เป็นไปไม่ได้.. เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้”

ฮิสครอมค่อยๆ ลุกขึ้นมาพร้อมกับตะโกนอย่างไม่เชื่อสายตา มันไม่ควรเป็นแบบนี้.. ต่อให้พลังของเขายังไม่พัฒนาไปอีกขั้น

มันก็น่าจะเพียงพอต่อการลบใครสักคนออกจากโลกโดยไม่อาจกลับมาได้อีก เพราะสิ่งที่เขาทำคือการลบออกจากทุกช่วงเวลา

นั่นหมายความว่านี่ไม่ใช่การฆ่าหรือสังหารแต่เป็นการลบออกจากโลกใบนี้ ถ้าไม่โดนก็ว่าไปอย่าง

แต่เมื่อกี้เขามั่นใจว่าโดนลบไปแล้วแน่ๆ แถมแผลทั่วร่างของเลทิเซียก็ยังหายไปจนหมดสิ้น เขาตะโกนใส่เลทิเซีย

“แกทำได้ยังไงกัน!!!”

แม้ฟันจะร่วงหลายเล่มจนเสียรูปลักษณ์ไปแล้ว แต่เขาไม่ได้สนใจเลย ในหัวมีแต่ความสับสน

เลทิเซียไม่ได้สนใจอีกฝ่าย เธอเดินไปหาชาร์ล็อตช้าๆ พร้อมกับยื่นมือให้กับชาร์ล็อต..

“เลทิเซีย..ข้า..ข้า…”

เธอพึมพำด้วยความสับสน ความรู้สึกเมื่อครู่นี้มันเกิดขึ้นชั่วครู่เดียวแต่ก็เจ็บไปถึงข้างในอกราวกับว่าหัวใจถูกทำลายลงไป แม้แต่ตอนนี้ที่พอเลทิเซียมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอยังคิดว่ามันเป็นภาพหลอนอยู่เลยด้วยซ้ำ

เธอยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะจับมือของเลทิเซีย แต่พอจะสัมผัสเธอกลับไม่กล้า.. เพราะเลือดสีแดงฉานของเธอยังติดอยู่ในมือ

ภาพที่หัวใจหลุดออกจากร่างยังคงติดตา… เธอกลัวว่านี่จะเป้นการละเมอของตัวเอง.. แต่เลทิเซียก็จับมือเธอเอาไว้

“ฉันสัญญาไว้แล้วว่า.. จะต้องทำให้เธอมีความสุข.. ฉันไม่มีทางผิดคำสัญญาอย่างแน่นอน”

พอคำพูดเลทิเซียดังขึ้น หัวใจของเธอราวกับถูกเติมเต็ม ความเจ็บปวด ความเสียใจตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาราวกับหายไปในพริบตาเดียว

จะน่าสมเพชก็ช่าง จะน่าเวทนาก็เชิญ.. ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้มันราวกับพบเจอแสงสว่างที่ดับลงตรงหน้า..

เหมือนตอนสูญเสียอันน่าเลยไม่มีผิด.. ไม่เอาแล้วเธอไม่ต้องการแบบนั้น.. เธออยากจะซื่อตรงต่อความรู้สึก..

ไม่ใช่เพื่ออันน่า.. ไม่ใช่เพื่อใครสักคน..แต่เธออยยากจะซื่อตรงต่อความรู้สึกเสียใจก่อนหน้านี้

“ข้าน่ะ.. ข้าน่ะ..”

“ไม่ต้องพูดแล้ว..เธอไม่ได้เห็นแก่ตัวหรอก เชื่อในตัวอันน่าสิ.. ฉันเชื่อว่าเธอก็หวังแบบนนั้น หวังให้เธอมีความสุขแน่นอน”

“แต่ว่า.. แบบนั้นมันเหมือนกับว่าข้าไม่สนใจอันน่าน่ะสิ…”

ใช่ เธอรู้สึกผิด การกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมมันก็เหมือนการไม่สนใจอันน่า.. เธอเกลียดชังผู้คน.. ผู้คนที่ทำให้เธอต้องเจอกับเรื่องโหดร้าย

แต่เหนือสิ่งอื่นใด.. อันน่าน่ะสำคัญยิ่งกว่าความเกลียดชังของเธอเสียอีก.. ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากล้างแค้น..

เพื่ออันน่าที่หายไปในเหตุการณ์ที่ผ่านมา.. โลกใบนี้มันโหดร้าย โหดร้ายจนทำให้อันน่าต้องหายไป นั่นคือสิ่งที่ชาร์ล็อตเชื่อ

ดังนั้นด้านลบของเธอคือล้างแค้นให้อันน่า..และตัวเอง ต้องชำระคนชั่วให้หมดโลก นั่นแหละคือสิ่งที่เธอได้เรียนรู้

เพียงแต่ว่าคนตรงหน้าตอนนี้กลับบอกว่าไม่ใช่.. มันต้องไม่ใช่สิ่งที่อันน่าต้องการแน่ๆ อันน่าต้องการให้เธอมีความสุข

และแน่นอนว่าความจริงก็เป็นเช่นนั้น อันน่าหวังเพียงแบบนั้น เพราะงั้นเธอถึงได้ยอมเสียสละตัวเอง.. เพราะสำหรับอันน่าเธอก็เหมือนส่วนหนึ่งของชาร์ล็อต

การที่ทำให้ต้นแบบมีความสุขคือหน้าที่เพียงส่วนเดียว.. ต่างจากชาร์ล็อตที่มองว่าทั้งสองต่างเท่าเทียมเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

ดังนั้น.. เธอจึงคิดว่าทำแบบนั้นมันเท่ากับการเห็นแก่ตัว..

คนหนึ่งมองตนต่ำกว่ายกอีกคนให้สูง อีกคนมองเท่าเทียมเมื่ออยู่สถานการณ์ที่ไม่เท่าเทียมจึงอึดอัดและรู้สึกผิด

มันเป็นเช่นนั้น แน่นอนว่ามุมมองของอันน่าต้องผิด เพราะเธอชอบมองตนเองต่ำกว่าชาร์ล็อต…

การมีความต้องการคือการทรยศต่อชาร์ล็อต เพราะงั้นเธอถึงเลือกที่จะเป็นคนหายไปแทน ในทางตรงกันข้ามชาร์ล็อตเองก็คิดว่าต้องเท่าเทียมเท่านั้น

หากอันน่าตายตัวเองตายถึงจะถูกแต่ว่าเธอทำไม่ได้.. เธอจะต้องแก้แค้นเสียก่อน.. เพราะงั้นเธอถึงได้เลือกเส้นทางนี้..แน่นอนว่ามันผิดเช่นกัน

ในมุมมองของเลทิเซียทั้งสองต่างก็เป็นคนละคนกัน มีคุณค่าร้อยส่วนในแบบที่ต่างกัน ดังนั้น.. สำหรับเลทิเซียแล้ว

ทั้งคู่ก็เหมือนพี่น้องฝาแฝดนั่นแหละ เพราะงั้นเธอไม่คิดว่าการที่อันน่าเสียไปชาร์ล็อตต้องมาจมปลักอยู่กับที่

ไม่ใช่ว่าเธอไม่ให้ชาร์ล็อตเสียใจ ตรงกันข้ามเลทิเซียเข้าใจการสูญเสียยิ่งกว่าใครๆ แต่คนทุกคนก็ต้องการเดินต่อไป

ดั่งคำกล่าว.. โลกไม่เคยหยุดเดิน.. ไม่มีใครมาหยุดรอให้เราเลือกทางเดินเป็นปีๆ เพราะเลทิเซียจมปลักมานับสิบปี..

เธอรู้เรื่องนั้นดีกว่าใครๆ แต่เมื่อก้าวออกมาได้.. เธอถึงได้เข้าใจว่าโลกใบนี้ยังมีสิ่งอีกมากมายที่ให้ได้สัมผัส..

“มันต้องไม่ใช่แบบนั้นอยู่แล้วล่ะ”

เลทิเซียยิ้มอย่างอ่อนโยนค่อยๆ ดึงมือชาร์ล็อตลุกขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม

“การที่เธอสนใจอันน่าหรือไม่.. มันไม่ได้เกี่ยวกับการที่เธอจะเลือกทางเดินชีวิตแบบไหนสักหน่อยถูกไหม ?”

“แต่ว่า..”

“งั้นฉันขอถาม ถ้าหากเธอกลับไปที่โรงเรียนแล้วเธอจะลืมอันน่างั้นเหรอ อันน่าที่เปรียบเสมือนพี่สาวขี้วีนของเธอคนนั้นน่ะ”

“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย แต่ว่า—”

แต่ว่าการมีความสุขคนเดียวโดยทิ้งอันน่าไว้เบื้องหลังมันต่างอะไรจากการเห็นแก่ตัวกันล่ะ นั่นคือสิ่งที่เธออยากจะพูด

แต่ทว่าเลทิเซียก็ยกมือขึ้นข้างหนึ่งจับที่ใบหน้าของชาร์ล็อตพร้อมกับใช้มือเสยผมของชาร์ล็อตออกไปด้านข้างราวกับต้องการจะจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ

“นั่นก็เพียงพอแล้วล่ะ เก็บความทรงจำ อดีต..และความสุขที่เคยมีด้วยกันลงมันไปในนี้.. แล้วก็ก้าวเดินต่อไป”

“เป็นที่ผลักดัน.. และคอยย้ำเตือนตัวเองว่า.. คนคนนี้คือคนที่มีบทบาทที่สุดในชีวิต”

เลทิเซียใช้มือที่กำเป็นหมัดวางลงที่อกของชาร์ล็อตเบาๆ … ราวกับบอกตัวเองด้วย อันน่า.. เซเรส.. โคลเอ้ สเตฟานี่..และพี่เอลน่า

ทุกๆ คน….

เธอเองก็เช่นเดียวกับชาร์ล็อต

เธอเติบโตจากการสูญเสีย.. สูญเสียและสูญเสีย ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาเธอสูญเสียไปนักต่อนักจนกลายเป็นเธอในตอนนี้

แต่เธอก็รู้ว่าตัวเธอในตอนนี้สามารถฆ่าคนได้โดยไม่แยแส.. ความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้บางทีคงห่างไกลจากคำว่าเติบโตทั่วไปอยู่มาก

แต่นั่นก็เพียงพอ เพราะเธอก้าวไปด้านหน้าได้แล้ว.. เพราะมันต้องแลกมาด้วยเลือดของคนสำคัญนับไม่ถ้วน..

จนตอนนี้ได้รับรู้แล้วว่าโลกไม่รอให้เธอตัดสินใจเป็นสิบๆ ปี..

น้ำตาของชาร์ล็อตไหลออกจากดวงตา ความรู้สึกอันยากจะบรรยายหลั่งไหล ออกมาจากหัวใจ

ราวกับว่าความอ้างว้าง ความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดในอกถูกเติมเต็ม

แต่ทว่าฉับพลันนั้นเองโซ่สีทองและสีแดงก็พุ่งใส่หลังเลทิเซียอีกครั้งแต่เลทิเซียก็ใช้มือขวาจับโซ่ที่พุ่งมาด้วยความเร็วเหนือล้ำ

ไม่แม้แต่จะหันมอง เธอกอดชาร์ล็อตไว้ในอกแล้วก็พูดขึ้นอย่างเฉยชา..

“ฉันไม่คิดว่าไม้เดิมจะใช้กับฉันได้ผลนะ”

เลทิเซียกล่าวขึ้น พร้อมกับปล่อยชาร์ล็อต..

“เอาล่ะ.. รอฉันก่อนนะ พวกเราจะกลับไปที่โรงเรียนพร้อมกัน”

“อื้ม…”

ชาร์ล็อตเช็ดน้ำตาแล้วก็พยักหน้า เลทิเซียก้าวเดินออกไปอยู่ด้านหน้าชาร์ล็อตประจันหน้ากับฮิสครอมพร้อมกับพูดขึ้น

“เอาล่ะ.. ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าอะไรที่อยู่ในหัวของนายในตอนนี้.. มันเกี่ยวกับการที่ชาร์ล็อตถูกลักพาตัวหรือเปล่านะ ?”

เลทิเซียก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับพูดเสียงเย็น.. ฮิสครอมขมวดคิ้วที่โซ่ของตนเองไม่มีผลกับอีกฝ่าย..

ดาบจูชินสีดำยาวปรากฏในมือของเลทิเซีย..

“เอาล่ะ… ฉันจะแงะสมองนายยังไงดี”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท