บทที่ 279 – ข้อตกลงงั้นเหรอ ?
“เมื่อกี้นายถามสินะว่าทำไมฉันถึงไม่เป็นอะไร?”
เลทิเซียเดินเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมกับกล่าว ในเมื่ออีกฝ่ายสงสัยก็ไม่มีปัญหาที่จะกล่าว อันที่จริงเธอมีความต้องการบางอย่างอยู่..
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตอนที่สู้กับหมึกยักษ์และตัวเองได้ใช้ท่าบางอย่างที่ลบตัวตนอีกฝ่ายออกจากโลกใบนี้
มันทำให้เธอตั้งข้อสังเกตขึ้นมาว่า ถ้าหากตัวเองโดนท่านี้เสียเองจะเกิดอะไรขึ้น เลทิเซียไม่เคยคิดว่าตนเองคือผู้เหนือล้ำ
เธอรู้ว่าในเมื่อตนเองทำได้ บนโลกนี้อาจจะมีใครสักคนทำได้เช่นกัน ดังนั้นเธอจึงเตรียมรับมือกับกรณีเลวร้ายเช่นนั้นไว้เช่นกัน
หากตัวเองโดนฆ่า..ล่ะ..? ก่อนหน้านี้เธอได้ใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูเพื่อให้ตัวเองฟื้นบาดแผลได้อย่างน่าอัศจรรย์..
แต่ในตอนที่สู้กับผู้กล้าเธอระเบิดวิญญาณไปแท้ๆ แต่กลับไม่ตาย… นั่นมีความหมายพิเศษอะไร
แน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น ใช่แล้วสิ่งที่เลทิเซียมีนั้นไม่ใช่การฟื้นฟูทั่วไปที่คนอื่นรู้จักกัน.. เธอนั้นใช้ความรู้จากโลกก่อนมาผสมผสานกับเวทมนตร์ในโลกนี้
แน่นอนว่าตลอดมาเป็นเช่นนั้น และการฟื้นฟูที่แสนน่ากลัวนี้ก็เช่นกัน
“มิติควอนตัม .. รู้จักหรือเปล่า”
แรกเริ่มเดิมที.. เธอใช้หลักการฟื้นคืนของเซลล์ ตามหลักแล้วร่างกายมนุษย์จะมีความสามารถในการรักษาบาดแผลตนเองในระดับหนึ่ง
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพอมีบาดแผลผ่านไปไม่นานร่างกายก็จะเริ่มสมานบาดแผลช้าๆ .. ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่มีกันทุกคน
และเลทิเซียใช้หลักการนี้โดยใช้เวทมนตร์ปีศาจเพื่อเสริมพลังการฟื้นฟูของเซลล์ในร่างกายตัวเองจนแม้แต่แขนขาดก็ต่อกลับหรืองอกมาใหม่ได้
ทว่าดวงวิญญาณมันไม่ได้เป็นรูปธรรมเสียหน่อย.. แล้วเลทิเซียสามารถฟื้นฟูได้ยังไง ไหนจะมีสิ่งที่เรียกว่าปรากฏการณ์ Time out อีก
และทุกอย่างก็จะกลับมาหาคำว่า.. มิติควอนตัม
“พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
ฮิสครอมสบถใส่อีกฝ่าย คำคำนั้นเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย เลทิเซียก้ทำท่าทางเหมือนแน่นอนล่ะ
ถึงโลกนี้จะมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะก้าวหน้าไปในทิศทางเดียวกันกับโลกเดิมของเธอ
อีกอย่างสิ่งที่เรียกว่ากลศาสตร์ควอนตัมนั้นคือสภาวะที่ขัดต่อฟิสิกส์ทุกอย่าง จะว่าง่ายๆ คือโลกใบนี้ที่เสกไฟ เสกน้ำใส่กันอยู่แล้ว
มันก็ขัดต่อหลักการทางวิทยาศาสตร์ นั่นจึงไม่จำเป็นต้องค้นหาสถานที่ที่หักล้างกฎฟิสิกส์ทุกข้อ..เพราะโลกใบนี้มันขัดมาแล้วตั้งแต่แรกนั่นเอง
“นั่นสินะ.. งั้นก็ช่างมันแล้วกัน”
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่รู้เลทิเซียก็ไม่คิดจะอธิบายมากไปกว่านี้ อันที่จริงเลทิเซียแค่ลองเชิงอีกฝ่ายเฉยๆ
เพราะทั้งศาสนจักรโอโรโบรอส ลำดับสถานะการบูชา… ทุกอย่างมันคล้ายคลึงกับเรื่องงมงายในโลกเดิมของเธอมากเกินไป
หากอีกฝ่ายเอะใจเรื่องมิติควอนตัม.. นั่นก็หมายความว่าศาสนจักรนี้เกี่ยวข้องกับอีกโลกจริงๆ แต่เมื่อไม่มีการตอบสนองที่เหมือนจะรู้จัก
เลทิเซียก็ไม่สนใจ.. ในตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการคือพาชาร์ล็อตจากไปให้ไวที่สุด.. เพราะด้านนอกมิติแห่งนี้ยังมีทั้งลาน่าและอามาเระอยู่
เลทิเซียไม่กล้าปล่อยพวกเธอทิ้งไว้นานเกินไป.. เพราะสิ่งที่สำคัญสำหรับเลทิเซียที่สุดคือการปกป้องคนสำคัญ..
ดังนั้นเธอจึงต้องรีบจบทุกอย่างให้ไวที่สุด..
“วิชาดาวไร้ลักษณ์ นภาไร้เสียง”
ฉับพลันที่เลทิเซียกล่าวนั้นเอง ดวงตาของฮิสครอมก็เบิกกว้างขึ้น อย่างไรก็ตามเขารีบสร้างโซ่สีทองนับไม่ถ้วนขึ้นมาปกคลุมร่างกายตนเองเอาไว้
แต่ทว่าเลทิเซียไม่ได้เคลื่อนไหวต่อ ทำให้อีกฝ่ายสับสน แต่ชั่วเวลานั้นเอง ฮิสครอมพลันรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกคมดาบนับไม่ถ้วนเฉือนไปตามแขน
ตามขา..
“อ้ากกกกกก”
เขากรีดร้องออกมา ทั้งๆ ที่ไม่มีทางที่คมดาบจะเข้ามาถึงแท้ๆ เพราะว่าโซ่สีทองจะลบการเดินทางของมัน กล่าวคือคมดาบจะไม่มีทางไปถึงตัวมันได้
ทุกๆ อย่างต้องใช้ระยะและเวลาในการเคลื่อนที่.. นั่นหมายความว่าหากเวลาถูกลบออกไประยะก็จะไม่เข้าใกล้ไปมากกว่านี้
แต่ทำไม.. ฮิสครอมไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น.. แต่เขาอาจจะไม่รู้ว่า.. คมดาบที่เรียกว่านภาไร้เสียงนั้นมันดั่งชื่อ..
เป็นกระบวนท่าที่.. ฟันโดยไม่จำเป็นต้องมีระยะหรือเวลา แม้อานุภาพมันจะน้อยสุดในทุกกระบวนท่า.. แต่ท่านี้ตราบใดที่ทุกอย่างอยู่ในสายตาเลทิเซีย
คมดาบสามารถฟันโดนโดยไม่จำเป็นต้องรออะไร คมดาบจะถูกประทับลงผิวหนังอย่างรวดเร็ว..
และในพริบตาต่อมาเลทิเซียพุ่งดิ่งไปที่อีกฝ่ายด้วยความเร็วสูง ดาบในมือสลายหายไปกำปั้นในมือถูกกำขึ้นพร้อมกับต่อยทะลุโซ่สีทอง
“เปรี้ยง” โซ่แต่กระจุยกระจาย ก่อนที่เลทิเซียจะแบมือพร้อมกับจับหน้าผากของอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็ว
เพราะฮิสครอมในตอนนี้กำลังทรมานจากการโดนเฉือนเนื้อทีละนิด จึงไม่มีทางตอบโต้เลทิเซียได้เลย.. นั่นหมายความว่า..
เขานั้นไม่ต่างจากหนูในกำมือของเลทิเซีย.. นี่แหละคือความห่างชั้นอย่างแท้จริง..
“ไหนฉันขอแงะสมองนายหน่อยสิ”
ดวงตาของเลทิเซียเปล่งแสงสีดำทมึนน่ากลัวออกมา พลังเวทมากมายแทรกแซงเข้าสู่สมองส่วนกักเก็บความทรงจำของอีกฝ่าย
เพียงชั่วพริบตาเลทิเซียก็ราวกับหลุดไปในโลกที่อีกฝ่ายได้พบได้เห็น ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวจริงๆ .. ก่อนที่เปลือกตาเลทิเซียจะเปิดขึ้น
และกระโดดหลบไปด้านหลัง ฉับพลันตรงหน้าของฮิสครอมมีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับยืนขวางระหว่างเลทิเซียกับฮิสครอมไว้อยู่
“ท่านสันตะปาปา….”
ปากของฮิสครอมกล่าวขึ้นอย่างสับสนพร้อมกับหมดสติไปในเวลาต่อมาเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว.. เลทิเซียมองอีกฝ่ายอย่างพินิจพิเคราะห์..
“เจ้าต้องการอะไรถึงได้บุกรุกมาที่แห่งนี้…”
สันตะปาปากล่าวอย่างสุขุมและเยือกเย็น สายตาจ้องไปที่เลทิเซียร่างของฮิสครอมที่ควรจะร่วงลงพื้นก็ค่อยๆ ลอยขึ้นช้าๆ
เลทิเซียหรี่ตาลง.. เมื่อกี้การปรากฏตัวของอีกฝ่ายเหมือนกับรอจังหวะนี้อยู่.. แต่เพื่ออะไรล่ะ?
เมื่อครู่ที่เลทิเซียค้นเข้าไปในสมองของอีกฝ่าย สิ่งที่เจอคือตอนที่ไปช่วยเหลือชาร์ล็อตเท่านั้น ความทรงจำก่อนหน้านั้นก็มีแค่ตอนไปเจอกับเธอและชาร์ล็อตตอนไปเผยแผ่ศาสนา..
เลทิเซียคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับการที่ชาร์ล็อตต้องมาเจออะไรแบบนี้..
แน่นอน่าหากนั่นเป็นความจริง เส้นใยในหัวของเลทิเซียจะขาดสะบั้นทันที.. แต่เธอรู้ว่าหากเกิดการต่อสู้ขึ้นในตอนนี้ทุกอย่างจะกลับตาลปัตร..
จากสถานการณ์ในพื้นทวีปตอนนี้เข้าขั้นน่าอึดอัด ซึ่งสาเหตุมาจากการตายของสองผู้กล้า หากคนที่ฆ่าไม่ใช่ปีศาจก็ว่าไปอย่าง
แต่กลับเป็นปีศาจ แถมยังเป็นจอมมารคนที่สิบสาม มันเลยทำให้สมดุลอำนาจของเผ่าพันธุ์เสียไป..
ซึ่งในตอนนี้.. ทั้งอาณาจักรอาเดฟและอาณาจักรฟาร์เนียที่เป็นอาณาจักรฝั่งแม่จริงๆ ของเลทิเซียก็อยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เพราะอาณาจักรทั้งสองสนับสนุนลูกสาวที่เป็นจอมมารคนที่สิบสาม.. นั่นหมายความว่าอาณาจักรฟาร์เนียเองก็ตกอยู่ในสถานะที่เอลร่าต้องการจะหลีกเลี่ยง
นั่นคือเป็นศัตรูกับจอมมารทั้งหมด.. เพราะอาณาจักรเธอมีจอมมารถึงสองคน.. หากเลทิเซียไม่ทำตัวเป็นจุดเด่นปัญหาดังกล่าวคงไม่เกิด
แน่นอนว่าปัญหาที่เป็นศัตรูกับจอมมารคนอื่นก็หมายความว่าเป็นปัญหาระดับประเทศ การค้าขายจากภายนอกถูกตัดขาดจากอาณาจักรข้างเคียง
ปัญหาต่างๆ มันไม่ใช่แค่เลทิเซียรอดมาได้หรือไม่เท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ เรื่องนี้เลทิเซียรู้จากลาน่า.. ดังนั้นเลทิเซียไม่อยากสร้างปัญหาให้พวกเขามากไปกว่านี้
หากเธอมีปัญหากับศาสนจักรที่บูชาเทพเจ้า.. คงมีหวังการเป็นพวกนอกรีตในเร็ววัน ทั้งอาณาจักรอาเดฟและอาณาจักรฟาร์เนียจะได้รับผลกระทบไปด้วย
ตอนแรกเลทิเซียคิดแค่จะแอบเข้ามาและก็แอบออกไป.. แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับการตายของอันน่า.. เธอก็พร้อมจะเป็นศัตรูของคนทั้งโลก..
นั่นแหละคือความหนักแน่นของเลทิเซียในยามนี้.. เธอไม่ยอมอีกแล้ว.. การสูญเสียเพื่อนคนสำคัญเหล่านั้น..
แต่ในเมื่อตัวเป้งหัวหน้ามันออกมาเลทิเซียก็คิดว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ แล้ว เลทิเซียไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดีขนาดที่ว่าตนเองาก่อเรื่องแล้วอีกฝ่ายจะปล่อยไป
“ฉันแค่มาพาเพื่อนฉันกลับเท่านั้น.. แต่เหมือนพวกของนายจะไม่ให้ฉันพาเพื่อนกลับ ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ซัดหน้ามัน ถูกไหม..?”
เลทิเซียกล่าวขึ้น.. ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วคงมีแต่ต้องเดินหน้าให้สุด พออีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้นเขาก็ถอนหายใจ
“ข้า.. ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องสู้กับเจ้า..”
“หมายความว่าไง”
เลทิเซียขมวดคิ้ว.. อีกฝ่ายคงรู้เรื่องที่ตนเองสังหารคนของอีกฝ่ายไปแล้วแน่ๆ .. แต่ว่าทำไมถึงบอกว่าไม่มีเหตุผลอยู่อีก?
“อย่าพึ่งเข้าใจผิดไป องค์หญิงเลทิเซีย.. ข้ารู้จักเจ้าดี.. ข้าในตอนนี้รู้ดีว่าไม่มีทางชนะเจ้าได้.. เพราะงั้นมาทำข้อตกลงกันดีกว่า”
“ข้อตกลงงั้นเหรอ?”