บทที่ 282 – ห้าปีกับการแปรเปลี่ยน
ปีที่สามเริ่มขึ้นนับตั้งแต่เลทิเซียเข้าโรงเรียนลิเบอร์ ปีเป็นปีที่เข้าสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริง โลกทั้งใบหวนคืนสู่สภาวะที่เงียบสงบ
ในทางตรงกันข้ามเลทิเซียได้ไขความลับของเวทมนตร์กึ่งมนุษย์ได้สำเร็จจากเพื่อนของเลวี่ ทำให้เธอสามารถใช้เวทมนตร์กึ่งมนุษย์ได้ด้วย
สิ่งเดียวที่เธอไม่สามารถใช้ได้คือเวทมนตร์แฟร์รี่.. แต่เธอสามารถใช้พลังของแฟร์รี่ได้โดยตรงเพราะอามาเระ
กล่าวคือตอนนี้เลทิเซียเป็นตัวตนที่แทบจะไร้เทียมทานเลยก็ว่าได้.. ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าเวทมนตร์ของเหล่ากึ่งมนุษย์คืออะไร
เวทมนตร์ของกึ่งมนุษย์คือเวทมนตร์ที่หยิบยืมพลังธรรมชาติมาใช้ พลังธรรมชาติไม่เหมือนพลังเวท แต่ก็คล้ายกันมาก
จะพูดอีกอย่างมันเหมือนวิญญาณของธรรมชาติ เหล่ากึ่งมนุษย์เรียกมันว่าต้นกำเนิดแห่งธรรมชาติ
ซึ่งพวกเขาจะดึงเอาต้นกำเนิดแห่งธรรมชาติมาสร้างเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติบางอย่าง แม้พลังมันจะไม่ได้น่ากลัวเหมือนเวทมนตร์มนุษย์หรือปีศาจเลย
แต่ที่เหล่ากึ่งมนุษย์ไม่ถูกกวาดล้างไปในสมัยสงคราม เพราะนอกจากเวทมนตร์เหล่านี้ที่อ่อนแอกว่าเวทมนตร์อื่นๆ พวกเขามีร่างกายที่แปลกประหลาด
หากเหล่ามารมีร่างกายที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว เหล่ากึ่งมนุษย์ก็มีโดดเด่นในด้านต่างๆ ตามเผ่าพันธ์ของตัวเอง
แถมเวทมนตร์กึ่งมนุษย์ยังเด่นเรื่องการฟื้นฟูต่างหาก ถึงแม้เลทิเซียจะมีการฟื้นฟูสุดแกร่งขี้โกงจนเวทมนตร์กึ่งมนุษย์แทบจะไร้ค่าแล้วก็เถอะ แต่สำหรับคนอื่นยังถือว่าเป็นการฟื้นฟูในระดับที่น่ากลัว
กลับมาเรื่องเลทิเซีย หลังจากขึ้นปีสาม เลทิเซียตัดสิใจที่จะรับภารกิจไปทำข้างนอกโรงเรียน
ทำให้เธอได้ไปพัวพันกับสถานการณ์บางอย่างเข้าและได้ค้นพบว่า.. ศาสนจักรได้เคลื่อนไหวแล้ว.. พวกมันเริ่มที่จะทำเรื่องผิดมนุษย์นั่นคือการ..
ล่ามนุษย์.. ไม่สิ ล่าสิ่งมีชีวิตไม่สนว่าจะเป็นมนุษย์ กึ่งมนุษย์หรือปีศาจ โดยให้ข้ออ้างว่านี่ก็เพื่อพระผู้เป็นเจ้า.. แน่นอนว่าเป็นพวกคนชั่วเท่านั้น
การเคลื่อนไหวนี้ในตอนแรกยังเล็กน้อยแต่หลังจากที่เลทิเซียพบการเคลื่อนไหวก็มากขึ้นจนมีการหารือกันเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ด้วยความที่เหตุการณ์ล่าเหล่านั้นเกิดขึ้นในเขตไร้อาณา เป็นเขตที่กฎหมายเข้ามาไม่ถึง ทำให้เหล่าผู้กล้าหรือจอมมารยุ่งไม่ได้
ยกให้เป็นหน้าที่ของโรงเรียนทั้งห้า.. เหล่าผู้กล้าและจอมมารที่คิดว่าทางโรงงเรียนจะเคลื่อนไหว..
ก็พบว่าผู้อำนวยการโรงเรียนทั้งห้ายกเว้นโรงเรียนลิเบอร์ได้หายตัวไปอย่างกะทันหัน.. อันที่จริงพวกเขาไม่ได้หายไปพร้อมกัน
แต่ค่อยๆ หายไป.. ในสองปีที่ผ่านมาพวกเขาค่อยๆ หายไป ปล่อยหน้าที่บริหารให้รองผู้อำนวยการดูแล
ในขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนลิเบอร์ก็ไม่เคลื่อนไหวอะไร.. อันที่จริงการเคลื่อนไหวของศาสนจักรนั้นราวกับรู้ว่าผู้อำนวยการหายไป เลยเริ่มดำเนินการแผนนี้อย่างรวดเร็ว
และทางเวโรเน่ที่เป็นหนึ่งในผู้กล้าก็อยู่เฉยไม่ได้ตามหาคนที่ถือสัญญาไว้อย่างผู้หญิงที่ชื่อโรส แต่เวโรเน่กลับพบว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเองก็หายสาบสูญเรื่องนี้ทำให้ผู้คนมากมายตื่นตระหนก ต่างพากันคาดเดาว่า.. ยุคแห่งความสงบสุขกำลังจะสิ้นสุดแล้ว
พอเริ่มปียังมีแต่ความสงบสุขพอเข้าท้ายปีกลับกลายเป็นมีแต่เรื่องปั่นป่วนไปทั่ว เรื่องนี้ทำเอาผู้คนสวดภาวนาว่าอย่าให้สงครามปะทุขึ้นอย่างลับๆ
เลทิเซียเองก็ขมวดคิ้วกับเรื่องนี้ ยังดีที่อีกฝ่ายไม่ได้มายุ่งกับโรงเรียนลิเบอร์เลทิเซียจึงไม่เคลื่อนไหวอะไร.. พอเข้าปีที่สี่
เลทิเซียได้สร้างร่างกายให้กับไวท์ได้สำเร็จในปีนี้ เพราะไวท์บอกว่าอยากมีร่างกายเลทิเซียจึงสร้างให้เธอตามที่เธอต้องการ
เพราะการออกไปทำภารกิจรอบนั้นทำให้เลทิเซียได้รู้ว่าในโลกนี้มีวิทยาการบางอย่างที่ใช้โคลนมนุษย์ในอดีตอยู่
เลทิเซียจึงเพาะเลี้ยงเซลล์ในแก้วเพียงแค่หนึ่งปีก็ทำให้ร่างที่ว่าเติบโตไปเยอะมากจนกลายเป็นร่างของไวท์ในที่สุด
พอเจ้าตัวมีร่างกายก็ชอบเถลไถลไปทั่วโรงเรียน ตอนแรกเลทิเซียกลัวว่าจะมีปัญหาเพราะเธอไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียน
แต่พอผู้อำนวยการลิซเห็นไวท์เธอก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร เรื่องนี้ทำเอาเลทิเซียเกาหัวด้วยความสับสนอยู่ไม่น้อย
แต่เพราะการหายไปของไวท์ดาบจูชินเลทิเซียจึงอ่อนพลังลงอย่างเห็นได้ชัดเลย ไวท์ที่กลัวเลทิเซียจะเป็นอะไรบางครั้งจึงกลับมาย้ายวิญญาณเข้าดาบ
กลายเป็นว่าเธอสามารถย้ายวิญญาณไปๆ มาๆ ระหว่างร่างกายและดาบได้ซะอย่างนั้นแทน และในช่วงเวลาที่ผ่านมา..
ผู้คนก็เริ่มได้รู้จักเรื่องลึกลับทั้งเจ็ดอย่างในโรงเรียนแล้ว.. ปีที่สี่จบลงไปด้วยเหตุการณ์เช่นนี้..และพอขึ้นปีที่ห้าเท่านั้นแหละ..
โลกได้เข้าสู้ความโกลาหลตั้งแต่วันแรกเลยก็ว่าได้.. อาณาจักรมิราลิสถูกทำลายจนย่อยยับในคืนด้วย นายกรัฐมนตรีคนใหม่ถูกฆ่าทิ้งอย่างโหดร้าย
การโจมตีกะทันหันนี้เกิดขึ้นในคืนวันขึ้นปีใหม่.. และคนที่บุกไปทำลายนั้นมีเพียงคนเดียวเท่านั้น เป็นเด็กผู้หญิงไม่ทราบนามคนหนึ่ง
เธอมีเทียบเคียงกับผู้กล้าถึงสองคนตอนไม่ถูกผนึกพลัง.. พออาณาจักรแห่งสันติภาถูกทำลาย.. ทุกอย่างก็โกลาหล
ผู้คนล้มตายกันไปจำนวนมาก.. และเมื่ออาณาจักรเวทมนตร์มิราลิสถูกทำลาย.. การเดินทางข้ามมิติก็เป็นไปไม่ได้
ทำให้ทางโรงเรียนไม่อาจไปตรวจสอบที่เมืองหลวงของมิราลิสได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างได้ทันเวลา..และ..
จักรวรรดิมังกรก็ได้เข้ายึดพื้นที่อาณาจักรแห่งนั้นพร้อมกับประกาศสงครามพร้อมกับต้อนรับทุกคนที่จะเข้าเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขา
เรื่องนี้ทำเอาเวโรเน่เหงื่อไหล เธอขมวดคิ้วเป็นปม สงครามได้ปะทุขึ้นอย่างแท้จริง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นก่อนที่จะสิ้นสุดสัญญาหกปีนั่นเสียอีก..
ในขณะที่เกิดเหตุการณ์นี้ ในเวลาเดียวกันทั่วพื้นทวีปก็เริ่มมีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้น.. ในอาณาจักรๆ หลายอาณาจักรทั่วพื้นทวีป
พบว่าข้อมูลทางทหารหรืออาวุธลับถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ.. จักรวรรดิมังกรได้แทรกแซงเข้าไปเป็นสายลับและเปิดเผยอาวุธลับของหลายๆ ประเทศ
ซึ่งบางประเทศก็มีของอันตรายอย่างระเบิดที่สามารถทำลายอาณาจักรข้างเคียงให้ราบเป็นหน้ากลองได้เพียงพรริบตาเดียว
บางก็มีเวทมนตร์ทำลายแผ่นดินเพื่อให้แผ่นดินเสียจนต้องส่งของนำเข้าจากประเทศอื่น.. เรียกได้ว่าความลับแต่ละอาณาจักรถูกเผยออกมา
มันจึงเป็นบ่อเกิดความขัดแย้ง ส่งผลให้ทั่วทั้งผืนทวีปที่เคยสงบสุขก็กลับตาลปัตรทุกอย่างเพียงครึ่งปีเท่านั้น
เหตุการณ์ยังไม่หยุดเท่านี้.. ในตอนนั้นเองมีรายงานการพบข่าวว่า.. มีการพบเจอศพที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมามีชีวิต
ศพนี้ไม่ใช่พลังอย่างพวกคำสาปหรือเกิดจากเวทมนตร์ของใคร เพราะไม่สามารถใช้การลบล้างเวทมนตร์ทำให้หายไปได้
แต่ในทางกลับกันพวกมันยังสามารถขยายพวกได้โดยการกัดสิ่งมีชีวิตอื่น การแผ่กระจายนี้ไม่เกิดขึ้นแค่เผผ่าพันธ์เดียวไม่ว่าจะเป็นปีศาจ หรือกึ่งมนุษย์ แม้แต่มนุษย์เองก็โดนไปด้วย
ใช่ พวกเรากำลังพูดถึงสิ่งที่เรียกว่าซอมบี้กันอยู่ แต่น่าเสียดายที่ซอมบี้ที่ว่าไม่เหมือนในหนังที่มีอยู่ในโลกเดิมของเลทิเซีย
แต่ซอมบี้เหล่านี้สามารถใช้พลังเวทกึ่งมนุษย์ได้.. ไม่ว่าจะมนุษย์หรือปีศาจ.. พวกเขาจะแปรเปลี่ยนมาใช้ต้นกำเนิดแห่งธรรมชาติแทน
ราวกับว่าพวกเขาได้ไปสัมผัสกับต้นกำเนิดแห่งธรรมชาติอย่างแท้จริง เวทมนตร์กึ่งมนุษย์ที่ซอมบี้เหล่านี้ปล่อยออกมาจึงเก่งยิ่งกว่าเวทมนตร์ของกึ่งมนุษย์ทั่วไปมาก
จนแข็งแกร่งเทียบเคียงกับพวกเวทมนตร์ปีศาจกับมนุษย์ได้.. อย่างไรก็ตามด้วยความที่ซอมบี้นั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
มันยากที่จะทำลายด้วยพลังเปล่าๆ อีกทั้งพวกมันมีเวทมนตร์กึ่งมนุษย์ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ ได้..
แต่ที่น่ากลัวคือพลังฟื้นฟูอันน่ากลัว.. แถมยังแข็งแกร่งกว่ากึ่งมนุษย์ทั่วไปอยู่มากด้วย และการแผ่กระจายได้เพียงแค่ถูกกัด
ทำให้ซอมบี้เหล่านั้น.. มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว.. จนต้องออกมาตรการรับมือ.. เพราะตอนแรกพวกเขาไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นปัญหามากขนาดนี้..
และคนที่ไร้ทางต่อกรมากที่สุดคือเผ่ากึ่งมนุษย์.. ไม่นานป่าของพวกเขาถูกทำลายไปกว่าครึ่ง.. แต่ในช่วงท้ายปีที่ห้า..
แสงสีแดงก็พุ่งทะลวงไปถึงฟ้า เสาแสงขนาดใหญ่นี้เป็นเสียงแจ้งเตือนแห่งความวินาศ.. ใช่ การคืนชีพของเผ่าที่แข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุดในโลก..
ยิ่งกว่าปีศาจ.. ยิ่งกว่ามนุษย์.. หากไม่มีตัวตนนี่เรียกว่าผู้กล้าหรือจอมมารทั้งสองเผ่าคงถูกทำลายไปแล้ว..
ใช่เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุด..แวมไพร์.. การคืนชีพของราชันแวมไพร์ผู้บ้าคลั่งที่ตายไปแล้วเมื่อห้าร้อยปีก่อน
การคืนชีพนี้ถูกดำเนินขึ้นอย่างลับๆ ของพวกผู้อาวุโสสูงสุดของเหล่าเอล์ฟ พอเกิดเหตุการณ์นี้ไม่ว่าจะผู้กล้าหรือจอมมารต่างพากันตกอกตกใจ
เพราะ.. หากว่ากันตามตรงแล้วละก็แวมไพร์มันตายไปจึงทำให้ไม่โดนผนึกพลังไว้.. นั่นหมายความว่าพอฟื้นคืนชีพขึ้นมา.. มันจะมีพลังเท่าเดิมมากยิ่งกว่าผู้กล้าหรือจอมมาร
แม้พวกเขาจะไม่เคยเห็นแต่จากการที่เป็นผู้สืบทอดของเหล่าคนจากอดีตต้องรู้เรื่องบางอยู่แล้วว่า.. แวมไพร์ในอดีตเคยก่อเรื่องไว้มากขนาดไหน
จะให้พูดอีกอย่างก็คือ.. เขาคือหนึ่งในคนไม่กี่คนที่ไม่ถูกผนึกพลังและยังมีพลังในระดับที่เป็นจุดสูงสุดของโลก!!