การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 283

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 283 – จดหมายจากแดนสวรรค์

ช่วงเดือนที่สิบของปีที่ห้านับตั้งแต่เหตุการณ์สะเทือนขวัญ.. ได้มีการคืนชีพของราชาแวมไพร์ที่แข็งแกร่งและไร้เทียมทาน

โลกกำลังเข้าสู่ยุคแห่งความโกลาหลอย่างแท้จริง.. และในเวลาเดียวกันในโรงเรียนลิเบอร์ ในบ้านพักของอาจารย์ที่เคยมีผีโผล่ออกมาอย่างที่พักซิลเวีย

ตอนนี้เป็นช่วงค่ำ เลทิเซียนั่งออยู่ในห้องตรงกันข้ามมีอาจารย์ซิลเวียนั่งอยู่.. ผู้หญิงคนนี้คือใคร

เท่าที่เลทิเซียพอจะรู้คือเป็นเทพ ระยะเวลาที่ผ่านมาห้าปีเลทิเซียได้ตรวจสอบรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับเธอคือ..

พลังของซิลเวียไม่ถูกผนึกเหมือนแม่ของเลวี่ก็จริง.. แต่ไม่เหมือนกับแม่ของเลวี่ เพราะซิลเวียถึงจะไม่โดนผนึกพลังเอาไว้

แต่ก็ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ของพระเจ้าได้.. อย่างมากก็ใช้ได้แค่ระดับมนุษย์นั่นกลายเป็นว่าเธอในตอนนี้ไม่ต่างจากคนธรรมดานั่นแหละ..

ซึ่งเจ้าตัวเหมือนจะยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วย เลทิเซียก็ไม่ได้บอก.. แต่ตอนนี้เหมือนเธอมีเรื่องอยากจะคุยกับเลทิเซียเลยเรียกเธอมาที่นี่

พอมาถึงก็เจออีกฝ่ายทำหน้าจริงจังอยู่.. ซิลเวียพูดขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า..

“จริงๆ แล้ว.. ข้า…”

“…?”

“ข้าน่ะเป็นเทพธิดาล่ะ”

เลทิเซียที่ได้ยินเธอก็แสดงสีหน้าประหลาดออกมา อันที่จริงเธอก็ไม่อยากจะพูดตรงๆ แต่เธอไม่อยากให้ซิลเวียไปพูดแบบนี้กับคนอื่น..

ยังไงซะซิลเวียก็เป็นเหมือนเพื่อนคนสำคัญ.. เลทิเซียคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ..

“ก็รู้ว่าเธอสวยนะซิลเวีย.. แต่มาชมตัวเองว่าสวยเท่าเทพธิดานี่ขอทีเถอะ..”

เลทิเซียไม่อยากให้เพื่อนตัวเองเป็นคนหลงตัวเอง อันที่จริงถ้าพูดแค่กับเธอเธอก็ไม่มีปัญหา.. แต่ถ้าไปพูดกับคนอื่นคงโดนมองแปลกๆ ใช่ไหมละ

พอคิดว่าซิลเวียผู้น่าสงสารโดนมองแปลกๆ อีก เลทิเซียก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ.. พอซิลเวียได้ยินคำพูดเลทิเซียเธอก็รีบพูด

“ข้าไม่ได้หมายถึงแบบนั้นสักหน่อย ข้าหมายถึงว่าข้าน่ะเป็นเทพธิดา”

“อ่า.. รู้แล้วน่าว่าเธอสวยน่ะ”

“เทพธิดาจากสวรรค์เว้ย”

ซิลเวียตะโกนออกมาเพราะอีกฝ่ายเข้าใจผิด อันที่จริงก็ดีใจอยู่หรอกที่เลทิเซียดูเป็นมิตรกว่าตอนอยู่ในอาณาจักรอาเดฟ

แต่ว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมา.. อีกฝ่ายจะคุยไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนี้อยู่ประจำเลย เรื่องนี้ทำให้ซิลเวียปวดหัวอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

แต่ก็นะอันที่จริงเลทิเซียมีปัญหาเรื่องอ่านบรรยากาศอยู่บ้าง ถึงจะเป็นมิตรกับคนอื่นได้ แต่บางครั้งเธอก็เข้าใจไปคนละทิศกับคนอื่น

สาเหตุหลักๆ คงเป็นเพราะไม่เคยคุยกับใครแบบเยอะๆ มาก่อนนั่นแหละ ซึ่งแม้ตอนนี้จะดีขึ้นกว่าเมื่อห้าปีก่อนมากแต่ก็นั่นแหละ..

พอซิลเวียอธิบายชัดขึ้น เลทิเซียก็พยักหน้า

“ฉันแค่ล้อเล่นน่า.. เห็นเธอดูเครียดๆ นี่น่า”

“ให้เป็นงั้นเถอะ.. ข้าสับสนไปหมดแล้วเนี่ย.. ว่าอันไหนจริงอันไหนหลอก”

ซิลเวียอดไม่ได้ที่จะบ่น เธอไม่รู้แล้วว่าอันไหนจริงอันไหนลวงกันแน่ ได้แต่บ่นอุบอิบ เลทิเซียก็ไม่ได้คิดอะไร ก่อนที่เธอจะพูด

“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วล่ะ”

“เอ้ะ เจ้ารู้ได้ยังไง?”

“พวกเราอยู่มาด้วยกันมาตั้งแต่ตอนฉันอายุเลขหลักเดียวเลยนะ แล้วตอนนี้ฉันอายุเท่าไหร่แล้ว สิบเก้าปีแล้วนะ”

“…..”

“ให้ตายสิ เธอเองงงก็เป็นคนสำคัญของฉันนะ ฉันสนใจเธออยู่แล้วล่ะ”

“……….”

เลทิเซียถอนหายใจพลางพูด ซิลเวียก้มหน้าลงเพราะคำพูดนั้นมือซ้ายกุมที่หน้าอกตัวเอง.. เธอไม่ได้ตอบกลับทันที

แต่ในใจรู้สึกกระสับกระส่าย อะไรก็ไม่รู้ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกของเธอตอนนี้ ใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนอันที่จริงมันเต็มไปด้วยสีแดง

ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน ท่าทางของเลทิเซียก็เปลี่ยนไป เธอชอบพูดอะไรแบบนี้มาแบบตรงๆ มีครั้งหนึ่งที่มีอาจารย์ที่เป็นผู้ชายมาตอแยเธอ

เลทิเซียที่เห็นว่าเธอไม่ชอบก็เข้ามาหยุดแล้วก็พูดอะไรเท่ๆ อย่าง “อาจารย์คะ ไม่เห็นเหรอว่าอาจารย์ซิลเวียเธอไม่ชอบ อย่ามาทำให้คนสำคัญของฉันลำบากใจสิ จะได้ไหมคะ”

คำพูดที่แมนๆ แบบนั้นหลุดออกมาจากปากเลทิเซียหน้าตาเฉย ซึ่งแต่ละคำเนี่ยมันชวนเข้าใจผิดมากๆ เลย

แต่พอซิลเวียได้ฟังก็ดันใจเต้นแปลกๆ ด้วย..

“ใจเย็นก่อน ตัวข้า… เลทิเซียเป็นผู้หญิงนะ.. แถมเธอยังอายุแค่สิบเก้าปีเท่านั้น.. ข้าอายุเยอะกว่าเธอเป็นสิบเท่าเลยนะ”

ซิลเวียปลอบใจตัวเอง พลางสูดลมหายใจเยอะๆ อีกอย่างพอมองไปที่เลทิเซียตอนนี้ เธอยังมีรูปร่างไม่ต่างจากห้าปีก่อนเลย

เหมือนกับว่าเธอไม่เติบโตไปมากกว่านี้แล้ว หลังจากสูดลมหายใจลึกๆ ซิลเวียก็เงยหน้าขึ้นมาพูดว่า

“นั่นสินะ.. ตั้งแต่วันนั้นทันผ่านมานานมากแล้ว.. แต่เจ้านี่ไม่ค่อยโตขึ้นเลยนะ”

“อ่า.. นั่นสินะ.. ร่างกายเล็กๆ นี่มันสะดวกในหลายๆ อย่างเลยล่ะ”

เลทิเซียพูดพลางพลิกตัวไปมามองดูร่างกายตัวเอง ถึงจะมีปัญหาเรื่องหลายๆ อย่าง แต่เพราะมีเวทมนตร์เลยไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะโตมากไปกว่านี้ขนาดนั้น

ขณะพูดแบบนั้นก็หันไปสังเกตเห็นใบหน้าของซิลเวียที่มีรอยแดงระเรื่อบางๆ ทำให้เลทิเซียแปลกใจพร้อมพูด

“หน้าเธอดูแดงๆ นะ ไม่สบายเหรอ”

ไม่ทันได้ตอบเลทิเซียก็ขยับหน้าเข้าไปไกลซิลเวียด้วยความเป็นห่วง พอเอาหน้าผากแตะกับหน้าผากถึงได้ไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

“อะ..อ่า..”

ซิลเวียที่มองเห็นเลทิเซียในระยะประชิดส่งเสียงแปลกๆ ออกมาพอตรวจว่าไม่มีไข้เลทิเซียก็พึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเอาหน้าเข้ามาใกล้อีกฝ่ายขนาดนี้

“อ่า.. ขอโทษที”

เธอรีบถอยกลับไปทันที ถึงเลทิเซียจะพูดคำซื่อบื้อออกมาได้แบบโต้งๆ แต่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้จักความเขินอายซะทีเดียว

บรรยากาศเงียบลงไปในบันดล ทั้งคู่ต่างพากันไม่สามารถพูดคำใดออกมาได้ ก่อนที่เลทิเซียจะถามขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน

“ว่าแต่เรื่องที่จะคุยมีแค่นั้นเหรอ”

“จริงสิ.. ลืมไปเลย”

พอเลทิเซียถามขึ้น ซิลเวียก็นึกบางอย่างขึ้นได้ เธอหยิบจดหมายจดหมายหนึ่งขึ้นมา จดหมายนี้เป็นจดหมายสีขาวสะอาด มีลวดลายสีทองดูหรูหรามาก

เธอยื่นให้เลทิเซีย ทำให้เลทิเซียเอียงคอด้วยความสงสัย..

“มันคือ…?”

“อ่านสิ..”

เธอพูด อันที่จริงจดหมายนี้คือจดหมายที่ส่งมาจากโลกแห่งเทพ ซึ่งไม่มีคนธรรมดาคนไหนเคยได้อ่าน แต่ว่าสำหรับเลทิเซีย

ซิลเวียไว้ใจอีกฝ่ายมาก อันที่จริงมากกว่าเลวี่อีกด้วยซ้ำ เพราะสำหรับซิลเวียที่ตัวติดกับพี่น้องคู่นี้มากก็จริง

แต่ที่ติดแจเป็นเลทิเซียเสียมากกว่า แม้ในอดีตเลทิเซียจะทำท่าทางรำคาญต่อเธอบ่อยๆ แต่ก็ใจดีกับเธออยู่เสมอ

เลทิเซียเปิดจดหมายอ่าน..

“นี่มัน…”

“ใช่ มันคือจดหมายเรียกตัวข้ากลับสวรรค์”

“อะไรนะ?”

“โดยปกติแล้ว ข้าจะยังไม่ได้กลับในเร็ววัน เพียงแต่ว่ามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นบนนั้นจนทำให้วัฏจักรปั่นป่วนน่ะ.. ข้าที่เป็นเทพระดับสูงจึงต้องกลับไปที่สวรรค์เพื่อนช่วยท่านแม่… ไม่สิ ท่านเทพสูงสุดดูแล”

ซิลเวียกล่าวด้วยเสียงที่เสียใจเล็กน้อย อันที่จริงเธอสนุกกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ มีเพียงความสงบสุข.. มีเพียงวันสบายๆ

ไม่เหมือนบนสวรรค์ที่ต้องไปไล่สังหารผู้อื่นอย่างโหดเหี้ยยม ที่แห่งนี้ในโลกแห่งนี้.. มันไม่เหมือนกัน เธอชอบมัน..

แต่คำสั่งเทพสูงสุดถือเป็นที่สุด

“หืม.. เทพผู้ควบคุมความเป็นความตายหายตัวไปอย่างงั้นเหรอ.. บนสวรรค์มีการลักพาตัวด้วยเหรอ”

“มีสิ แถมมีเทพที่ชั่วร้ายด้วยนะ พวกเขาจะถูกเรียกว่าเทพอสูรน่ะ แต่ก็นั่นแหละการหายตัวไปของเทพทำให้ทั้งโลกนี้และสวรรค์ปั่นป่วนเพราะงั้น…”

“เพราะงั้น…?”

“ช่วย.. ช่วยพาข้าเด.. ดะ.. เข้าหมายถึงพาเที่ยวชมเมืองมนุษย์ก่อนจะจากไปน่ะ.. ข้าไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกหรือเปล่า”

เหมือนซิลเวียอยากจะพูดอะไรสักอย่าง.. เธอพูดด้วยสีหน้าที่แดงฉ่า.. อย่างไรก็ตามเลทิเซียก็ขมวดคิ้ว

“ถ้านั่นเป็นความต้องการของเธอฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ.. แต่ว่าถ้าไม่ละก็.. ให้ฉันทำลายสวรรค์ทิ้งเลยดีไหม”

“เดี๋ยวสิ อย่าพูดอะไรน่ากลัวๆ แบบนั้นออกมาง่ายๆ จะได้ไหม”

ซิลเวียรีบพูดกลัวอีกฝ่ายจะไปหาเรื่องใส่ตัว ยังซะเทพก็เป็นดินแดนที่อยู่สูงกว่าในด้านมิติ..

เลทิเซียจะไปทำอะไรได้.. เธอคงไม่รู้ว่าเลทิเซียเคยต่อยบุคคลที่ก้าวเข้าสู่มิติที่สูงขึ้นไปได้แล้วแน่ๆ ..

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน