บทที่ 295 – เธอคือฆาตกร
พลังของมันในตอนนี้ดูน่ากลัวเสียยิ่งกว่าในอดีต อาจจะเป็นเพราะเวทมนตร์กึ่งมนุษย์ที่เลทิเซียได้รับมาหรืออย่างอื่นไม่มีใครทราบ
แม้แต่เลทิเซียเองก็ไม่ทราบ สิ่งที่เธอทำนั้นมีเพียงแค่ควบแน่นพลังทุกอย่างที่มีลงไปในนี้ ซึ่งท่านี้เป็นท่าที่แข็งแกร่งที่สุดเลยก็ว่าได้
แต่เพราะเธอไม่สามารถควบคุมมันได้ดั่งใจนึกเธอจึงไม่อยากใช้สักเท่าไหร่ เพราะหากเผลอเกินการควบคุมเหมือนเมื่อห้าปีก่อนละก็ทุกอย่างพังแน่
ดังนั้นสำหรับเลทิเซียท่านี้ก็เป็นเหมือนดาบสองคม ไม่มีทางที่จะใช้แน่ๆ แต่ถ้าหากไม่ใช้แล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกชาร์ล็อต
แบบนั้นเธอไม่ยอมมากยิ่งกว่า ดังนั้นพอรู้ว่าศัตรูก็มีฝีมือเก่งกาจ ไม่สิ อาจจะเก่งกว่าตัวเธอซะอีกเพียงแค่เลทิเซียนั้นมีวิธีมากกว่าแค่นั้น
ดังนั้นในเมื่อเป็นแบบนี้เลทิเซียจึงไม่มีทางเลือก แม้ท่านี้มันเหมือนจะทำร้ายตัวเองด้วยก็ตามพลังงานนี้สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเขตแดนมิติแห่งนี้
ยังไม่ทันก่อตัวสำเร็จ ดวงตาของเมย์อาก็เบิกกว้าง ก่อนที่เธอจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดเซถอยไปด้านหลังหลายเก้า
“ท่านพี่!!”
เฟรย์ย่าตกใจรีบเข้ามาพยุงเมย์อา แต่เธอรีบผลักเฟรย์ย่าออกเธอเช็ดเลือดออกจากมุมปากพร้อมอธิบาย
“ไม่เป็นไร.. เหมือนเจ้าสิ่งนั้นมันจะทำลายเขตแดนของข้าได้..”
“เป็นไปไม่ได้!เขตแดนของท่านพี่คือการสร้างโลกจำลองจากความเป็นจริงที่มีอยู่ทั้งหมด… ไม่ใช่แค่พื้นที่เหล่านี้นะ ถ้าจะทำลายนั่นมัน..”
“ใช่… พลังของเจ้าสิ่งนี้เพียงพอที่จะทำลายล้างทุกอย่าง กฎเกณฑ์ แนวคิด ความเป็นจริง ทุกๆ อย่างในโลกนี้ได้”
“……”
เฟรย์ย่าเบิกตากว้างของแบบนั้นน่ะมันเป็นไปได้เหรอ.. ถึงโลกนี้จะเป็นแค่โลกจำลองแต่ทว่าทุกอย่างก็ถือกำเนิดขึ้นมาจากโลกแห่งความเป็นจริง
นั่นหมายความว่ามิติแห่งนี้ต่อให้หนีออกไปจนสุดขอบกาลอวกาศก็มิอาจออกไปได้นอกจากเมย์อาจะปล่อยไปหรือไม่ก็ทำลายทิ้ง…
ซึ่งหากทำลายทิ้งก็หมายความว่า..ต้องทำลายโลกแห่งความเป็นจริงได้.. อันที่จริงมีสิ่งที่พวกเธอเข้าใจผิดอยู่..
ต่อให้เลทิเซียแข็งแกร่งปานใดก็มิอาจทำลายโลกแห่งความเป็นจริงได้ เพราะโลกนั้นมีโครงสร้างรากฐานแนวคิดที่เหนือกว่าโลกนี้ทุกประการ
อย่างซิลเวียที่สามารถฝืนใช้พลังได้เพราะว่ากฎในโลกนี้อ่อนด้อยกว่าในโลกความเป็นจริง จะพูดง่ายๆ ก็คือ ทางด้านคุณภาพแม้จะอยู่ในระดับดีมาก
แต่ก็ยังเป็นการเลียนแบบ อันที่จริงหากทำได้ระดับสร้างโลกใหม่ได้ในระดับนั้นพวกเธอคงไม่ติดอยู่ในชิ้นส่วนเวหามาตั้งแต่อดีตกาลหรอก
แน่นอนว่าไม่ว่าจะอ่อนกว่าหรือเก่งกว่าแต่สำหรับพวกเธอที่มองเห็นลูกบาศก์ดำตอนนี้.. มันสามารถฆ่าชีวิตพวกเธอได้อย่างแน่นอน
คนตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธอจะดูแคลนได้อีกต่อไป
เผ่ามังกรนั้นคือเผ่าที่เป็นชนชั้นสูงของทุกยุคทุกสมัยเสมอมา นี่ยังไม่ต้องพูดถึงสิบสองที่ถูกขนานนามว่าเทพมังกร
เทพมังกรในอดีตกาลตามตำนานในชิ้นส่วนเวหานั้นพวกเขาเปรียบดั่งเทพบนสวรรค์ในยุคนี้เลยก็ว่าได้
ดังนั้นพวกมังกรที่เปรียบดุจดั่งเทพจึงมีแต่คนหวั่นเกรงทำให้พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่มากด้วยศักดิ์ศรีและความหยิ่งยโส
แน่นอนว่าที่ทำเช่นนั้นได้พวกเขาก็เก่งจริงๆ ไม่ใช่สำหรับเผ่ามังกรในตอนนี้ที่เหมือนจะเหลือเพียงความโอหังและบ้าอำนาจ
อย่างไรก็ตามหากพูดถึงมังกรตัวจริงเมื่อเจอศัตรูที่เก่งกว่าจริงๆ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะดูถูกอีกฝ่ายต่อไป..
สองพี่น้องเมย์อาและเฟรย์ย่ามองหน้ากัน…
“ในเมื่อเป็นแบบนี้….”
เมย์อากล่าวขึ้นเบาๆ เฟรย์ย่าพยักหน้าทั้งสองคนเงียบลงเพียงชั่วพริบตานั้นเองเสียงคำรามก็บังเกิดขึ้นดังสนั่นไปทั่วผืนพิภพ
โลกทั้งใบปั่นป่วนและในชั่วพริบตาต่อมาแสงสว่างสีดำทมิฬก็อาบไล้ไปทั่วพื้นที่ ดึงดูดความสนใจซิลเวียพอเธอหันไปดูก็เบิกตากว้าง
บนท้องฟ้ามีร่างอันใหญ่โตของมังกรอยู่สองร่าง ถึงจะบอกว่าใหญ่แต่ก็ไม่ได้ใหญ่เกินจินตนาการขนาดนั้น
เพียงแต่ว่าทันทีที่สองร่างนี้เผยออกมา ราวกับว่า.. ซิลเวียได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าอาภรณ์เทพ..ใช่พลังของมันเทียบเคียงกับอาภรณ์เทพ
ไม่สิ..อาจจะมากกว่านิดหน่อยเลยก็ว่าได้ ร่างที่แท้จริงของมังกรแห่งความวินาศและความสิ้นหวัง.. ทั้งสองทอดร่างกลางอากาศ
เพียงแค่ปรากฏขึ้นก็สร้างเกรงกลัวให้กับทุกผู้คน แค่ในนี้ไม่มีคนอื่นเท่านั้นเอง
“ลมหายใจมังกร”
ปากของทั้งสองเปิดออกพร้อมกับคำรามเสียงในลำคอ ชั่วพริบตานั้นลำแสงขนาดใหญ่สองลำแสงพุ่งออกมาจากปากเมย์อาและเฟรย์ย่า
หนึ่งแสงสีเทาหนึ่งแสงสีดำพุ่งใส่เลทิเซียด้วยความเร็วเหนือสิ่งอื่นใดก่อนที่ลำแสงที่ลอยออกมาสองเส้นค่อยๆ หมุนเกลียวใส่กัน
ลำแสงนั้นเพียงแค่ลอยผ่านอากาศก็ส่งผลให้ห้วงมิติทั้งหมดทั้งมวลแตกพังทลาย จนโลกแห่งความเป็นจริงได้รับผลกระทบ!!
ลำแสงนี้อาจจะเป็นท่าที่สามารถโจมตีทุกอย่างได้โดยไม่สนพลัง ไม่สนความสามารถ ไม่สนการตอบโต้หรือการสะท้อนกลับ
ไม่สนระยะห่างหรือเวลา.. ตราบใดที่แสงนี้ถูกยิง.. คนผู้นั้นต้องตายอย่างแน่นอน ไม่สิ พวกเธอไม่คิดจะใช้สิ่งนี้ยิงใส่คนอยู่แล้ว
เพราะมันแข็งแกร่งเกินไป แต่นี่นับเป็นครั้งแรก ไม่สิ ครั้งที่สอง.. ที่เธอยิงใส่คน แต่ทว่าเลทิเซียราวกับไม่สนใจอะไร
“เลทิเซียระวัง!!!”
ซิลเวียรีบตะโกนแต่เหมือนมันจะช้าเกินไปแล้ว ซิลเวียจึงก้าวขาออกไปและจู่ๆ ก็โผล่มาด้านหน้าเลทิเซียกะทันหัน
อาภรณ์เทพถูกใช้ออกทันที แต่ทว่าเมื่อเธอปลดปล่อยพลังนี้ร่างกายก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
อาภรณ์และแพรลอยอยู่รอบตัวมีแสงสีทองสาดประกายไปทั่วพื้นที่.. แต่ทว่าฉับพลันนั้นร่างกายเธอก็ปริแตก
ผิวหนังมีเลือดไหลออกมาราวกับหาใช่อาภรณ์เทพที่ศักดิ์สิทธิ์.. แต่เป็นร่างที่น่ากลัวที่อาบโชกไปด้วยเลือด
แต่ซิลเวียกับไม่ได้สนใจ เธอกางฝ่ามือทั้งสองข้างออกมาและพริบตานั้นลำแสงนั้นก็พุ่งปะทะใส่มือของเธออย่างโหดร้าย
ความร้อนแผดเผา การสังหารที่ถูกส่งเข้ามาในร่างราวกับสั่งให้เธอตายทันทีที่สัมผัสมัน อย่างไรก็ตามซิลเวียไม่อาจถอยออกไปได้
มือสองข้างเธอที่รับลำแสงนั้นก็เริ่มถูกแผดเผาจน..เกรียมและเหลือเพียงกระดูก ซิลเวียกัดฟันจนเกิดเสียงแตกร้าว ทว่าเธอก็ไม่ได้ร้องออกมาสักแอะ
เธอตะโกนออกมาสุดเสียงพยายามดันพลังกลับคืนไป.. แต่ทว่าในตอนนั้นเอง.. กฎเกณฑ์แห่งโลกก็พลันปรากฏขึ้น..
ใช่.. กฎเกณฑ์จากโลกความเป็นจริงสอดมือเข้ามาเพราะลำแสงนี้มันได้ทำลายมิติเขตแดนนี้ไปทำให้.. กฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งกว่าออกมาแทนที่..
ฉับพลันอาภรณ์เทพก็สลายหายไปตรงนั้น ซิลเวียตกใจ..
“อะ..ไร..กัน”
ราวกับทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่งพร้อมกับจังหวะที่เลือดไหลออกจากทุกรูทวารทั่วร่างของเธอ.. แต่ทว่าในเวลานั้นเอง
เธอก็ยืนหยัดขากางแขนออกยืนบังเลทิเซียเอาไว้ทั้งแบบนั้น
“พวกแก!!!”
ทันทีที่ซิลเวียบาดเจ็บและแขนถูกทำลายมันเกิดขึ้นเร็วจนยังไม่ทันได้สังเกต ซึ่งพอเลทิเซียเห็นบาดแผลนั้นเธอก็ตะโกนด้วยความโกรธ
ราวกับโลกาสั่นสะเทือน ลูกบาศก์ในมือมิอาจควบคุมได้อีกต่อไป… ก่อนที่จะ.. ระเบิดออกชั่วพริบตานั้นลูกบาศก์ก็เปลี่ยนเป้าหมายจากการทำลายล้างอีกฝ่าย..
เป็นการปกป้องซิลเวีย ลูกบาศก์สีดำห่อหุ้มร่างซิลเวียเอาไว้และลำแสงนั้นก็ปะทะเข้ากับลูกบาศก์สีดำแต่ทว่า..ลำแสงก็มิอาจทำอะไรลูกบาศก์สีดำได้
ซิลเวียปลิวกลับไปหาเลทิเซียเพราะแรงกระแทก และเลทิเซียรับซิลเวียเอาไว้ในอกพร้อมกับรีบใช้เวทมนตร์รักษาเธอทันที
“เธอทำบ้าอะไรของเธอ… ของแบบนั้นมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก..”
“ฮะๆ .. ข้าก็แค่อยากจะช่วยเจ้าบ้าง ตลอดมาเจ้าทำตัวเหมือนแบกอะไรไว้คนเดียวเสมอเลย.. ข้าแค่อยากจะแบ่งปันภาระจากเจ้า.. เพียงแต่..อ่าสุดท้ายข้าก็ต้องกลับแล้วล่ะ.. ความสุข..นี่มันสั้นจริงๆ นะ”
“….”
เลทิเซียพูดไม่ออก แน่นอนว่าเธอแบกอะไรบางอย่างอยู่.. ใช่มันคือความรับผิดชอบต่อการตายของเพื่อน ของคนหลายสิบล้าน..
เธอแบกมันไว้ตลอดมาและย้ำเตือนตัวเองเสมอว่า..
เธอคือฆาตกร