การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 299

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 299 – เหนือสิ่งอื่นใด

“แม้แต่เวทมนตร์พวกเรายังใช้ไม่ได้แล้วจะกลับไปยังไงล่ะทีนี้..?”

เลทิเซียกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย หากเป็นตามที่ซิลเวียบอกมาจริงที่แห่งนี้นั้นก็ไม่ต่างจากคุก..

ไม่สิ.. ว่ากันตามตรงที่พวกเธอยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วล่ะ ดังนั้นจะบอกว่าออกไปไม่ได้ก็ยังไงอยู่

เพราะที่นี่มันไม่มีทางออกตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก ซิลเวียลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้นเบาๆ

“อันที่จริงข้าคิดว่าเจ้าสมควรจะรู้เรื่องบางอย่าง”

“หืม หมายความว่าไง”

“เกี่ยวกับที่แห่งนี้โดยละเอียดและ.. ‘โลก’ ที่พวกเราอยู่คืออะไรกันแน่”

ซิลเวียกล่าวอธิบายช้าๆ พอได้ยินแบบนั้นเลทิเซียขมวดคิ้ว ที่ฟังไปเมื่อกี้เธอก็พอรู้อยู่บ้างว่าไม่ใช่ทั้งหมด

แต่เลทิเซียรู้ว่าบางอย่างอาจจะเป็นความลับเพียงเทพเท่านั้น ซึ่งเรื่องที่ซิลเวียจะกล่าวกับเลทิเซียต่อไปนี้ก็เป็นดังที่ว่า..

ไม่สิ แม้แต่เทพก็มีแค่เทพระดับสูงเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้… ซิลเวียไม่ต้องการปกปิด ถึงเธอจะรู้ว่าที่นี่ไม่มีทางออกตั้งแต่แรก

แต่พอนึกถึงความสามารถของเลทิเซีย ต่อให้ไม่มีทางออก ความแข็งแกร่งที่ผิดมนุษย์มนาของเลทิเซียในตอนนี้ก็เพียงพอจะต่อกรกับเทพได้แล้ว

แถมว่ากันตามตรงแล้วเลทิเซียก็เป็นลูกสาวของเลเวีย.. เป็นเทพอยู่ครึ่งหนึ่ง.. เทพครึ่งหนึ่งงั้นเหรอ..

“อ้ะ”

จู่ๆ ซิลเวียเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ซิลเวียหันไปกล่าวถามเลทิเซียด้วยความสงสัย

“เจ้าใช้เวทมนตร์ปีศาจได้ยังไง.. อีกทั้งยังสามารถใช้ร่างมารที่เหมือนจะเป็นพลังของจอมมารได้ด้วย?”

“อ้อ เรื่องนั้นเองเหรอ.. เอ่อ.. อันที่จริงฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ท่านแม่หรอก.. ฉันถูกเธอเก็บมาเลี้ยงน่ะ แล้วก็ดูเหมือนแม่แท้ๆ ของฉันจะเป็นจอมมารและฉันก็เหมือนจะเป็นจอมมารคนที่สิบสาม”

“ห้ะ?”

ซิลเวียอุทานเสียงหลงออกมา ดวงตาเบิกกว้าง… ก่อนที่จะถามซ้ำอีกรอบ

“เจ้าเป็นจอมมารจริงใช่ไหม ไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่ไหม?”

“ใช่”

“แล้วเจ้าใช้เวทมนตร์มนุษย์ได้ยังไง”

“ฉันเองก็สงสัยเรื่องนั้นเหมือนกันนะ แต่เวทมนตร์กึ่งมนุษย์ฉันก็ใช้ได้นะ”

“ห๊า?”

ซิลเวียอ้าปากค้าง เธอกุมขมับแล้วก็หลับตาลง.. ไม่ๆ มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ ในฐานะเทพธิดาผู้ปกครองสรรพสิ่ง

บนโลกเบื้องล่างนั้นมีสิ่งที่เรียกว่ากฎเกณฑ์แห่งความเป็นจริงอยู่ ซึ่งสิ่งนั้นเป็นการจำกัดกรอบความเป็นจริง

พันธุกรรม ใช่พันธุกรรมคือส่วนหนึ่งของการที่ทำให้มนุษย์หรือปีศาจใช้เวทมนตร์ร่วมกันไม่ได้.. แต่ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะกฎเกณฑ์มันรังสรรค์ความจริงมาแบบนั้น

กล่าวคือต่อให้ตัดต่อพันธุกรรมก็มิอาจทำได้.. เพราะนั่นคือกฎแห่งความเป็นจริง แล้วเลทิเซียทำได้ยังไงล่ะ..

ไม่สิ พอซิลเวียมานึกดีๆ ก่อนหน้านี้ที่ต่อสู้เลทิเซียก็ใช้เวทมนตร์สามแบบพร้อมกันได้เหมือนกับไม่สนอะไรเลยนี่น่า..

หรือว่าจะเป็นเพราะกฎของโลกที่พี่น้องมังกรนั้นสร้างขึ้นมาอ่อนแอเกินไป.. ไม่สิ เวทมนตร์ต้องฝึกมาก่อนไม่ใช่หรือไง

หมายความว่าเธอฝึกมานานแล้ว.. ว่าแต่ทำไมซิลเวียไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย.. ในหัวของซิลเวียมีคำถามมากมาย..

ก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจพร้อมกับพูด

“เอาเป็นว่าเจ้าสามารถใช้เวทมนตร์ทุกรูปแบบได้แล้วกัน.. ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผู้มาจากต่างโลกก็ได้มั้ง”

ซิลเวียพูดแบบนั้น เลทิเซียก็พยักหน้า

“ในเมื่อเจ้าไม่ใช่ครึ่งเทพข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะเล่าดีไหม เพราะเรื่องนี้มันเป็นความลับมาก”

“หมายความว่าไง?”

“บนแดนเทพนั้นเหล่าเทพจะมีอยู่หลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่ว่ามีไม่กี่คน… แต่จะมีทั้งเทพที่ดีและเทพที่เลวทราม”

“แต่ว่าเทพที่ดีก็แบ่งออกเป็นหลายแบบเช่นกัน ซึ่งเทพทั่วไปก็คือเทพที่มีพลังมากกว่าผู้กล้าและจอมมารนิดหน่อย.. แต่ไม่เคยมีทั้งประสบการณ์ต่อสู้หรือความยากลำบาก”

“เทพระดับกลางจะเป็นเทพที่สามารถลงมาโลกเบื้องล่างได้แบบมารดาที่เก็บเจ้ามาเลี้ยง แม้จะเก่งกาจแต่ก็ไม่ใช่ที่สุด”

“เทพระดับสูงหรือพระเจ้า เป็นคนที่มีหน้าที่ของตัวเองชัดเจน เช่นข้าผู้ปกครองสมรภูมิเทพสงคราม หรืออาจจะเป็นเทพที่ควบคุมกฎเกณฑ์”

“ข้าพูดเองอาจจะแปลกๆ เทพระดับพวกเราไม่มีทางที่จะพูดคุยได้ง่ายๆ แถมเทพระดับสูงไม่มีเวลาว่างลงมาเบื้องล่างหรอก”

เลทิเซียพยักหน้า ข้อมูลพวกนี้เธอรู้มาแค่นิดหน่อยจากพรสามข้อ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า

“นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่าเทพอสูร ซึ่งเป็นเทพที่ชั่วร้ายซึ่งหน้าที่ข้าคือกำจัดคนเหล่านั้นนั่นแหละ”

“และเรื่องที่ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเป็นความลับแม้แต่เหล่าเทพระดับสูงเลย.. มีแค่ข้ากับคนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้..เพราะครั้งหนึ่งในอดีตมีเทพระดับสูงที่ได้รู้เรื่องนี้จึงโลภในอำนาจและกลายเป็นเทพอสูรไปในที่สุด.. ซึ่งหลังจากนั้นเรื่องนี้จึงรู้เพียงน้อยนิดเท่านั้น..”

ซิลเวียกล่าว.. ใช่ เรื่องนี้มันอันตรายถึงขั้นเปลี่ยนคนดีให้เป็นคนชั่วได้เลย บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องพลังหรืออะไรทำนองนั้น

เลทิเซียคิดแบบนั้น.. แต่เมื่อได้ยินว่าซิลเวียลำบากใจที่จะเล่าเลทิเซียก็ไม่อยากซักไซ้ ถึงแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ

“ถ้าหากเจ้าไม่อยากก็ไม่ต้อ—”

“แน่นอนข้าจะเล่าอยู่แล้ว”

“…..”

ซิลเวียกล่าวก่อนที่เลทิเซียจะได้พูดจบ พึ่งพูดว่ามันสำคัญขนาดไหนไปไม่ใช่หรือไงกัน.. เลทิเซียมองซิลเวียด้วยสายตาขอไปที

ซิลเวียที่เห็นสายตานั้นของเลทิเซียเธอหัวเราะแห้งๆ อย่างที่บอกเธอไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว

แถมอยู่ในที่เงียบๆ แบบนี้แบบไม่มีอะไรพูดละก็คงได้เบื่อตายพอดี ดังนั้นซิลเวียจึงรีบอธิบาย

“แฮะๆ ก็ข้าไม่ได้สนใจอยู่แล้วนี่น่า.. มาฟังเถอะๆ ”

“ก็ได้ๆ …”

เลทิเซียพยักหน้า

“ก่อนอื่นจะเริ่มจากตรงไหนก่อนละดี?”

“ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ”

เลทิเซียปวดหัวกับซิลเวีย.. ไหนบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญสุดๆ ไม่ใช่หรือไงกัน หลังจากที่เธอคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามขึ้น

“อ่า.. งั้นข้าจะอธิบายเรื่องพื้นๆ ก่อนแล้วกันเจ้ามาจากต่างโลกใช่ไหม โลกเจ้าเป็นโลกแบบไหนงั้นเหรอ”

“ก็..เป็นโลกที่มีวิทยาการเหมือนโลกนี้แต่ก้าวไกลกว่ามาก ไม่มีเวทมนตร์ ไม่มีเทพ ไม่มีปีศาจหรืออสูรนอกจากมนุษย์ก็มีเพียงสัตว์หลากสายพันธุ์เท่านั้น และเหนือสิ่งอื่นใด…”

“เหนือสิ่งอื่นใด?”

ซิลเวียรู้สึกแปลกใจ ไม่มีเวทมนตร์.. นั่นเป็นไปได้ด้วยเหรอ อันที่จริงซิลเวียแอบไม่เชื่อคำพูดเลทิเซียอยู่ด้วยซ้ำ

แต่เมื่อมองเห็นดวงตาของเลทิเซียเธอจึงรู้ว่าไม่ได้โกหก..

ซิลเวียจึงได้แต่เอียงคอมองเลทิเซีย เลทิเซียนั้นราวกับย้อนทวนความทรงจำในอดีต.. ในดวงตาของเธอเหมือนกับมีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่..

มีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ ใช้ทั้งพิษหรือแม้กระทั่งนิวเคลียร์.. ยังดีที่ยังมีพื้นที่ปลอดสงครามอยู่ด้วย..

แน่นอนว่าอยู่ในสภาวะสงครามก็ต้องตามมาด้วยการอดอยาก.. ความละโมบโลภมากของมนุษย์..

ใช่ นั่นคือสงครามโลกครั้งที่สาม..

“ในโลกแห่งนี้ไม่มีสงครามเหมือนกับโลกเดิมของฉัน..”

ใช่.. แต่ว่าในตอนนี้โลกก็กำลังจะมีสงครามปะทุขึ้นเหมือนดั่งโลกเดิม

ซึ่งความสงบสุขที่พังทลายลงนั้นมันมีต้นเหตุมาจาก..

เธอ.. เลทิเซีย

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท