การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 309

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 309 – ไม่มีใครผิด

ร่างของซิลเวียกับเลทิเซียปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าอันไกลโพ้นไม่มีสิ่งใดรอบด้าน ซิลเวียมองเห็นสภาพปางตายของเลทิเซียก็กล่าวขึ้น

“ข้าขอโทษ”

ซิลเวียรู้ดีว่าความเจ็บปวดที่ได้รับหากอยู่ในสถานที่ที่ไม่สามารถฟื้นฟูหรือย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมได้อย่าความว่างเปล่าแห่งนี้

ความเจ็บปวดที่แสนจะทรมานจะคงอยู่เหมือนเดิมตลอดเวลา ซึ่งนั่นเพียงพอที่จะทำให้คนสติแตกได้แล้ว

เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้น แน่นอนว่าทั้งสองไม่ได้เปิดปากคุยกัน

“เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอโทษ.. กลับกัน.. ฉันน่ะ..”

เลทิเซียก้มหน้าลงพร้อมกับพูดเสียงเบาลงไปเรื่อยๆ จนไม่ได้ยิน ทำให้ซิลเวียเอียงคอด้วยความสงสัย

“เจ้าว่าอะไรนะเมื่อกี้?”

“ฉัน.. ขอโทษ..”

เลทิเซียพูดออกมาแบบนั้น ทำให้ซิลเวียอึ้งเธอไม่รู้ว่าทำไมเลทิเซียต้องกล่าวขอโทษเธอด้วย

แน่นอนว่าเพราะเลทิเซียพาเธอมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ที่ไม่รู้ว่าจะกลับได้ไหม หากไม่ใช่เพราะว่าซิลเวียบังเอิญอยู่ใกล้ๆ ตอนที่ถูกโจมตีละก็…

บางทีเธอก็คงได้กลับสวรรค์ไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเลทิเซียนั้นรู้ดีกว่าใครว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนของจักรวรรดิมังกรมาลอบโจมตี

เพราะดูจากลูเซียที่มีพลังของสองผู้กล้าที่เลทิเซียเคยสังหารไปละก็.. บางทีลูเซียคงเป็นคนที่ทำลายอาณาจักรเวทมนตร์มิราลิสแน่ๆ

ซึ่งหากพิจารณาถึงพลังแปลกประหลาดที่กลืนกินเลทิเซียบางทีมันคงเหนือกว่าพลังทุกอย่างที่เลทิเซียเคยเจอมา

อาจจะพอกับเจ้าหมึกยักษ์ที่หลอมรวมกับความว่างเปล่าไปแล้วก็ได้ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นไม่แปลกที่จะทำลายอาณาจักรมิราลิสได้

แน่นอนว่าพูดถึงจักรวรรดิมังกร เลทิเซียก็รู้ว่าไอ้จักรวรรดิบัดซบนี่มันเป็นต้นตอของทุกๆ อย่างที่จะเกิดหลังจากนี้

กล่าวเป้าหมายของพวกมันคือเลทิเซียตั้งแต่แรก แต่ซิลเวียดันโชคร้ายมาอยู่ด้วยเฉยๆ เพียงเท่านั้นเอง..

เลทิเซียไม่เคยเห็นซิลเวียกรีดร้องด้วยความทรมานมาก่อน.. เธอปกติจะยิ้มและร่าเริงอยู่เสมอจนบางครั้งก็ทำเลทิเซียนึกถึงพี่สาวได้เลยล่ะ

แต่เมื่อเห็นเสียงกรีดร้องของซิลเวียเลทิเซียก็รู้สึกผิดและตระหนักว่า บางทีหากตนเองไม่อยู่กับซิลเวียตอนนั้นละก็…

“ฉันขอโทษจริงๆ .. เป็นเพราะฉันเธอถึงได้มาอยู่ในที่แบบนี้..ไม่พอ ยังทำให้เธอต้องเจ็บปวด..”

เลทิเซียมองแผลที่มือและที่หน้าอกซิลเวีย ไม่ใช่แค่เมื่อกี้ แต่ยังรวมถึงก่อนหน้านี้ด้วย… ทั้งที่ซิลเวียไม่เกี่ยวด้วยกลับต้องมาพัวพันกับเลทิเซีย

เลทิเซียไม่ไกล้าที่จะมองหน้าซิลเวียด้วยซ้ำ พอซิลเวียได้ยินแบบนั้นเธอก็อึ้งก่อนที่จะใช้มือสองข้างยกหน้าเลทิเซียขึ้นมามอง

พร้อมกับจ้องเข้าไปในตาเลทิเซีย ทั้งสองจ้องเข้าไปในดวงตาของกันและกัน ซิลเวียก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้ม

“เลทิเซียก่อนหน้าเจ้ารู้สึกยังไงกับข้า.. ช่วงที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรอาเดฟด้วยกันน่ะ”

“ฉัน……”

ซิลเวียกล่าวถามด้วยความเคร่งขรึมสีหน้าเธอจริงจังมาก เลทิเซียอึ้งแต่ก็เปิดปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ออก..

จะให้พูดยังไง รู้สึกรำคาญ? แบบนั้นมันอาจจะทำให้ซิลเวียเข้าใจผิดได้.. อีกทั้งมันอาจจะทำให้เธอเสียใจ

ไม่สิ.. เธอก็น่าจะรู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว.. แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะพูดไปตรงๆ อยู่ดี เลทิเซียรู้สึกแบบนั้น.. ทว่าเธอก็ไม่อยากจะโกหก

ในตอนที่เลทิเซียลังเล ซิลเวียเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน เธอก็พูดขึ้นเช่นกัน

“ห้ามโกหกด้วย”

“..ฉัน..รู้สึก..ไม่ค่อยชอบเธอ”

“อืม แล้วตอนนี้ล่ะ?”

“แน่นอนว่าต้องชอบเธออยู่แล้ว เพราะเธอน่ะก็เป็นคนสำคัญของฉันเหมือนกัน”

เลทิเซียพูดด้วยความเร็วสูง ซิลเวียที่ได้ยินก็พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่จะถามขึ้นมาอีกด้วยความสงสัยว่า

“เหตุผลที่เจ้าชอบข้าคืออะไรงั้นเหรอ?”

“เพราะว่า….”

เลทิเซียที่กำลังจะพูดออกไปก็หยุดเงียบลงไปสักพัก เลทิเซียทำไมถึงชอบซิลเวียล่ะ.. เพราะว่าเธอเหมือนพี่สาวในชาติก่อนในบางครั้ง?

หรือเป็นเพราะว่ารู้สึกผิดที่ในอดีตเคยมีทัศนคติแย่ๆ ต่อเธอคนนี้? หรืออาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ด้วยกันมานาน?

ไม่.. มันไม่ใช่แบบนั้น.. ภาพระยะเวลาตลอดห้าปีที่ผ่านมาลอยขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนก็ดี ในฐานะครูก็ดี..

ภาพในอดีตมากมายลอยขึ้นมาในหัว..

“เลทิเซีย ข้าเจอผีอีกแล้ว ขอนอนด้วยได้ไหม?”

ในคืนหนึ่งซิลเวียมาปลุกเลทิเซียกลางดึกด้วยความกลัวเธอพยายามดันตัวเข้าไปบนเตียงเลทิเซียทั้งที่ถูกชาร์ล็อตขวางเอาไว้

“เลทิเซีย เลทิเซีย ข้าหิวอ่ะ มีอาหารไหม?”

เสียงเคาะหน้าต่างดังขึ้นทั้งๆ ที่นี่เป็นชั้นสอง บางทีมีคนมามองซิลเวียที่เกาะหน้าต่างจากด้านนอกคงคิดว่าเธอเป็นหนึ่งในเจ็ดเรื่องลึกลับแน่ๆ

“เลทิเซียวันนี้ข้าได้มาดูแลชั้นเจ้าไปฝึกนอกสถานที่ล่ะ”

บางครั้งจะมีการฝึกนอกสถานที่โดยการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีสภาพแวดล้อมที่ต่างออกไป ซึ่งสถานที่ที่ซิลเวียไปดูแลคือแดนน้ำแข็ง

“เลทิเซียข้าหน้าอ่ะ.. มีผ้าห่มไหม พอดีข้าลืมเอาผ้าห่มมาอ่ะ”

เธอทั้งที่เป็นครูที่ควรจะเตรียมพร้อมทุกอย่างมากกว่าใคร แต่กลับกอดตัวเดินมาขอผ้าห่มจากนักเรียน.. ทำให้ไม่มีกลิ่นอายของนักเรียนเลยสักนิด

ภาพตลอดความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามา ทั้งความเซ่อซ่า ทั้งความขี้ลืม.. ทุกอย่างมันทำให้เลทิเซียมองไปแล้วยิ้มที่มุมปาก..

เธอไม่เหมือนพี่เอลน่าสักนิด.. พี่เอลน่าไม่มีทางลืมแบบนั้น.. พี่เอลน่ามีนิสัยที่มั่นคงเสมอ.. ใช่ เธอไม่เหมือนพี่เลยสักนิด

เพราะซิลเวียก็คือซิลเวีย.. ไม่ว่าจะท่าทางที่เหมือนจะเป็นผู้ดูแลเลทิเซียแต่กลับต้องให้เลทิเซียดูแลอยู่ตลอด

อ่า.. ไม่ว่าจะห้าปีที่ผ่านมาหรือก่อนห้าปีก่อน.. ซิลเวียก็ยังเป็นคนที่เลทิเซียต้องดูแลอยู่ ไม่ใช่เธอที่ดูแลเลทิเซีย

ขืนไม่มีเลทิเซียอยู่บางทีซิลเวียคงอดตายไปตั้งนานแล้ว.. และถึงแม้เลทิเซียจะบอกว่ารำคาญแต่กลับไม่เคยจะปฏิเสธเลย

“ฉันชอบ..เธอที่เป็นเธอ.. ซิลเวียที่ฉันรู้จักมักจะเซ่อซ่า.. มักจะให้ฉันต้องดูแลอยู่เสมอ.. ให้ตายสิ เธอนี่มันไม่สมอายุเลยนะ”

ภาพทุกอย่างราวกับเป็นเพียงมายาในอดีตดวงตาเลทิเซียจดจ้องไปที่เบื้องหน้าพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

พอซิลเวียได้ยินเช่นนั้นเธอก็ยิ้มเล็กน้อย..

“ข้าเองก็ชอบเจ้าเหมือนกัน.. ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยถูกปฏิเสธมาก่อน ตลอดมามีแต่คนยอมรับข้าอยู่เสมอ.. ไม่สิ.. ไม่ใช่ข้า แต่เป็นท่านแม่”

“เส้นทางที่ข้าเดินถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบที่ท่านแม่และคนอื่นจัดสรรไว้ให้ ทุกคนมักนินทาข้าว่าหากเกิดเป็นข้า หากได้วาสนาแบบข้า”

“จนท้ายที่สุดข้าก็ไม่มีใครเคียงข้างเลย.. แต่เจ้า.. มีเจ้าที่มองข้าด้วยสายตาปกติ มันอาจจะไม่ใช่สายตาที่มองเพื่อน แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งสายตานับถือหรืออิจฉา”

“มันเป็นสายตาที่มองคนในระดับเดียวกัน.. ข้าคิดว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะเจ้าไม่รู้จักข้า … แต่ทว่ามันดีสำหรับข้าแล้ว”

“เพราะงั้นข้าถึงอยากสนิทกับเจ้ามากขึ้นอีก.. มากขึ้นอีก.. สักวันข้าจะต้องเป็นเพื่อนเจ้าให้ได้.. เพื่อนคนแรกของข้า”

“จนเมื่อห้าปีก่อน.. เจ้าได้ยอมรับข้า ข้าไม่รู้แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเปลี่ยนไปมาก บางทีคงเกี่ยวกับอะไรหลายๆ อย่างในช่วงปีนั้น”

“ข้าในตอนนั้นไม่อาจถามเจ้าได้ ไม่อาจรู้ว่าทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนไปขนาดนั้น แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ เพราะตอนนี้ข้าได้พบเจอปัญหาพร้อมกับเจ้า”

“และข้าคิดว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าเพื่อน.. พวกเราน่ะเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหมเลทิเซีย”

ซิลเวียกล่าวถามขึ้น.. เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าตอบ ซิลเวียจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เพราะงั้น เจ้าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขอโทษ.. เพราะเพื่อนน่ะ.. ต่อให้ต้องเจ็บปวดไปด้วยกันขนาดไหนก็จะไม่โทษซึ่งกันและกัน..”

ซิลเวียกล่าวแบบนั้นก็ทำให้เลทิเซียไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้.. อ่า… เพื่อนจะไม่โทษซึ่งกันและกันงั้นเหรอ..

เลทิเซียพูดขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเครือ..

“ขอบคุณนะ”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน