บทที่ 310 – ไม่มีอะไรเลย…?
ในขณะที่ทั้งสองคุยกันบาดแผลทั้งสองก็ถูกฟื้นฟูจนเสร็จ แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเจ้าหมึกยักษ์นั่นมันไม่อยากให้เธอทั้งสองกลายเป็นความว่างเปล่าไปก่อน
มันถึงได้ทำให้บาดแผลทั้งสองฟื้นฟู แต่แลกมาด้วยความเจ็บปวดที่มากยิ่งกว่าตอนเป็นแผลหลายเท่านั่นเอง
ความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะบรรยายออกมาได้นั้นไม่มีใครเข้าใจนอกจากเลทิเซียกับซิลเวีย
แต่แม้จะเจ็บปวดก็ดีที่มันรักษาให้เพราะบาดแผลพวกเธอในที่แบบนี้ไม่มีทางรักษาได้อย่างแน่นอน ซิลเวียพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่ให้ไวที่สุด”
เลทิเซียพยักหน้าเข้าใจ เธอนั้นรู้ดีกว่าซิลเวีย แม้ซิลเวียจะมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่า
ข้อมูลที่ซิลเวียมีมันอาจจะไม่ถูกทั้งหมด แน่ล่ะเพราะมันเป็นแค่การคาดเดาไม่มีทางถูกแน่นอนร้อยส่วนอยู่แล้ว
แต่อย่างหนึ่งที่ทำให้เลทิเซียโล่งใจที่สุด แม้เธอจะไม่รู้ว่าโลกที่เหนือขึ้นไปอีกนั้นมีอยู่จริงหรือเปล่า
แต่จากคำพูดของเจ้าหมึกนั่นเธอมั่นใจว่าที่แห่งนี้ไม่ได้เชื่อมไปยังต้นกำเนิดที่สูงกว่า กลับกันถ้ามีของแบบนั้นอยู่จริงๆ ละก็ พวกเธอคงไม่รอดหรอก
เพราะมันเหนือชั้นเกินไปไงล่ะ
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นในต้นกำเนิดซีโร่แห่งนี้ไม่ว่าจะเลทิเซียหรือซิลเวียต่างก็ยังนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตระดับต่ำที่สุด
ในอดีตในโลกเดิมเคยมีทฤษฎีมากมายที่อ้างอิงถึงสิ่งมีชีวิตสี่มิติที่อยู่เหนือล้ำความเข้าใจของพวกคนบนโลก
หรือมีทฤษฎีมากมายที่พยายามจะอธิบายถึงมิติที่สูงกว่าเพื่อพิสูจน์ว่าพระเจ้ามีอยู่จริง หรือทฤษฎีเชิงคณิตศาสตร์มากมาย
แต่พอมาอยู่ในโลกนี้เลทิเซียจึงได้รู้แจ่มแจ้งว่ามันมีอยู่จริงซึ่งสิ่งมีชีวิตที่ว่าก็คือซิลเวีย สำหรับพวกเธอคือสิ่งมีชีวิตสี่มิติที่อยู่เหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง
แน่นอนว่าเลทิเซียที่รู้ข้อมูลของโลกใบนี้แล้วต่อให้เป็นเธอก็คงพอจะเดาทุกอย่างเกี่ยวกับต้นกำเนิดได้แล้ว
ต้นกำเนิดนั้นรังสรรค์ ความยาว ความกว้าง ความสูงและปริภูมิ-เวลา ซึ่งสิ่งนี้ในโลกนี้ถูกเรียกว่าโครงสร้างมิติ
จะพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ มันก็คือแกนมิติในโลกเดิมนั่นแหละที่ในทางวิทยาศาสตร์จะแทนแกนมิติต่างๆ เพื่อระบุทิศทางของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ซึ่งแน่นอนว่าในโลกแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ แกน x, y, z และ w เท่านั้นแต่ยังมีแกนที่เพิ่มขึ้นมากไปอย่างไม่มีสิ้นสุด
เพราะขีดจำกัดของต้นกำเนิดนั้นไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแท้จริง ไม่สิ ถ้าจะให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือต้นกำเนิดนั่นแหละเป็นคนสร้างแนวคิดความไร้ที่สิ้นสุดขึ้นมาอีกที่หนึ่ง
เพราะต้นกำเนิดไม่เพียงแต่รังสรรค์ในสิ่งที่เรียกว่ามิติ แต่แม้แต่ความเป็น ความตาย ชีวิตและจิตใจ ความเป็นจริงหรือกฎเกณฑ์
ทุกอย่างถูกรังสรรค์มาโดยต้นกำเนิดอย่างประณีต ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่า ‘มารดา’ ผู้มอบทุกสิ่งอย่างให้กับโลก
แต่พอมาคิดเรื่องนี้กับเรื่องที่ว่าศาสนาโอโรโบรอสกำลังเผยแพร่อยู่ หากพวกมันได้ยินคงจะปฏิเสธกันถ้วนหน้าเลย
เพราะเรื่องนี้มันขัดกับที่ว่ามีใครสักคนที่เป็นเทพได้สร้างทุกอย่างมาเพื่อแลกให้ตัวเองกลายเป็นทุกหนทุกแห่งของโลก
แต่ความจริงกลับเป็นต้นกำเนิดต่างหากที่รังสรรค์ทุกสิ่ง ซึ่งต้นกำเนิดก็เป็นอย่างไหนและก็จะเป็นอย่างนั้น
และบางทีความว่างเปล่าแห่งนี้อาจจะมีมาก่อนที่ต้นกำเนิดจะถือกำเนิดขึ้นมาด้วยซ้ำ เพราะหากที่เจ้าหมึกนั่นพูดเป็นจริง
กล่าวคือแม้แต่มารดาอย่างต้นกำเนิดก็ไม่สามารถมายุ่มย่ามกับความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนี้ได้แน่ๆ
ซึ่งการจะกลับไปได้มันแทบไม่มีเล—
ขณะที่เลทิเซียคิดแบบนั้นเองหัวใจก็เต้นระรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ราวกับมีเส้นใยบางๆ ปรากฏขึ้นในที่ไหนสักแห่งในร่างกาย
ในจิตใจ? ในหัว ? ในที่ไหนสักแห่งเลทิเซียไม่อาจจะเข้าใจได้.. ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม..
พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่า
“เลทิเซีย เจ้าเป็นอะไร?”
“นี่มัน….”
ซิลเวียกล่าวขึ้นเพราะในตอนนี้เธอจับแขนซิลเวียตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ในตอนที่เลทิเซียมองดูซิลเวียเธอก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“เธอ…”
“มีอะไรเหรอ?”
เลทิเซียจ้องมองไปที่ซิลเวียที่เหมือนมีแสงบางอย่างห่อหุ้มร่างกายเธอเอาไว้และภายในตัวซิลเวียราวกับมีกรเชื่อมโยงบางอย่างกับอะไรสักอย่างอยู่
ความรู้สึกที่รับได้จากแสงอ่อนๆ นั้น พอเลทิเซียมองก็ราวกับมองเห็นต้นกำเนิด ต้นตอแห่งชีวิต โชคชะตา ความจริง ทุกๆ อย่างที่เธอเคยรู้จักมาตลอดชาติภพนี้
ราวกับว่าแสงอ่อนๆ นี้เป็นคนให้กำเนิดมัน…. ความอ่อนโยนที่ยากจะบรรยาย ต่อให้เป็นเลทิเซียที่แทบจะไม่อยากสนิทชิดเชื้อกับใครมากเกินไป
พอเห็นแสงสว่างอันอ่อนโยนนี้ดวงตาของเธอก็ไม่สามารถมองแสงนี้แบบมีอคติได้ แต่อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ใช่คนของโลกนี้อย่างแท้จริง
ความรู้สึกนี้จะไม่ได้มากนัก ไม่นานเธอก็กลับสู่สภาวะปกติ แต่หากเป็นคนอื่นคงก้มกราบไปแล้วล่ะนะ
“ฉันมองเห็นพลังงานบางอย่างที่ปกป้องเธออยู่นะ.. บางที่เจ้านั่นคงจะเป็น..”
“เจ้าพูดเรื่องอะไรน่ะ?”
เลทิเซียหยุดอธิบายเล็กน้อยพร้อมกับจ้องมองซิลเวียอีกรอบหนึ่ง เจ้านี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าต้นกำเนิด..
“บางทีฉันคงมองเห็นต้นกำเนิดแล้วล่ะ เพราะเหมือนสิ่งที่ปกป้องเธออยู่จะเป็นความเชื่อมโยงของเธอกับต้นกำเนิดน่ะ”
ใช่แล้ว ตามที่เลทิเซียอธิบายนั่นแหละ พอได้ฟังคำอธิบายเช่นนั้นซิลเวียก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตนเองถึงไม่เป็นอะไรพอมาที่แห่งนี้
“เอ๊ะ แล้วทำไมเจ้าพึ่งมามองเห็นในตอนนี้ล่ะ?”
จู่ๆ ซิลเวียก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย พอซิลเวียถามแบบนั้นเลทิเซียเองก็ครุ่นคิดเล็กน้อย อันที่จริงก่อนหน้านี้เธอมองไม่เห็นเลย
ไม่สิ ก่อนหน้านี้อีกหน่อยเธอยังไม่รู้จักต้นกำเนิดด้วยซ้ำ แล้วทำไมถึงสามารถมองเห็นมันได้ ไม่สิ แรกเริ่มเดิมทีมันเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยเหรอ
ขณะคิดแบบนั้น ก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดแต่มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเลทิเซียฉับพลัน นี่เป็นคำอธิบายเพียงอย่างเดียว
บางทีเพราะตัวเลทิเซียเข้าใจสิ่งที่เรียกว่าต้นกำเนิดอย่างแท้จริง โดยการเอาข้อมูลของซิลเวียและเจ้าหมึกปีศาจนั่นมาเปรียบเทียบและวิเคราะห์
อาจจะฟังดูบ้าเพียงแค่การเข้าใจถึงต้นกำเนิดก็สามารถสัมผัสกับต้นกำเนิดได้แล้ว แต่ทว่าเลทิเซียก็ไม่อาจหาคำอธิบายอื่นได้จริงๆ
“บางทีคงเป็นเพราะฉันเข้าใจต้นกำเนิดทั้งหมดนั่นแหละมั้ง..”
“หืม เป็นงั้นสินะ แสดงว่าที่ข้าเข้าใจไม่ใช่ทั้งหมดสินะ นั่นก็แน่ล่ะถ้าเป็นแบบที่เจ้าว่ามา ทั้งโลกเทพคงมองเห็นต้นกำเนิดกันหมด แต่ว่า… ทำไมข้าถึงได้รับการปกป้องล่ะ”
ซิลเวียกล่าวถามขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย ขณะคิดแบบนั้นเลทิเซียก็กล่าวตอบด้วยท่าทางครุ่นคิดว่า
“บางที คงเป็นเพราะเธอเป็นเทพนั่นแหละ ยังไงซะเหล่าเทพก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือมิติที่พวกเราได้แต่ใฝ่ฝันถึงเลยนะ”
“ถึงเจ้าจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ แต่หากเจ้าไปโลกเทพได้ เจ้าก็จะมีพลังในระดับพวกเราด้วยนะ อีกอย่างพอข้ามาที่โลกเบื้องล่างข้าก็จะมีพลังระดับโลกเบื้องล่างด้วยนะ นี่ไม่เกี่ยวกับการถูกผนึก แต่เป็นกฎเกณฑ์ของต้นกำเนิด”
เลทิเซียที่ได้ฟังก็ประหลาดใจ หมายความว่าขอแค่ขึ้นไปบนนั้นได้เธอก็สามารถกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับนั้นได้งั้นเหรอ
แต่หากลงมาก็จะมีขอบเขตแค่มนุษย์.. อืม.. ฟังดูพิลึกพิกล แต่ต้นกำเนิดนั้นยังไงซะก็เป็นเหมือนมารดาสรรพสิ่งเลยนะ จะทำได้ก็ไม่แปลกหรอกมั้ง
เลทิเซียคิดแบบนั้น แต่ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็เหมือนกับว่าต้นกำเนิดให้ความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตโลกเบื้องล่างมากน่ะสิ..
เพราะหากสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่าลงมาแล้วมีระดับพลังเท่ากับระดับพลังในโลกเบื้องล่าง ถึงจะมีวิธีโกงโดยการใช้อาภรณ์เทพก็เถอะนะ
แต่จากคำอธิบายของซิลเวียแล้ว ก็เหมือนจะหมายความว่า.. แม้แต่พลังอาภรณ์เทพนั้นก็จะไม่ใช่พลังทั้งหมด หากอยู่ในโลกเทพสามารถเก่งกว่านี้ได้?
ขณะที่เลทิเซียคิดหลายๆ อย่าง ซิลเวียก็พูดบางอย่างขึ้นด้วยความสงสัย
“อีกอย่างนะ ถ้าเจ้าบอกว่าพวกข้าอยู่ใกล้ต้นกำเนิด เจ้าน่ะอยู่ใกล้กว่าไม่ใช่หรือไง ไม่แน่เจ้าอาจจะใช้พลังบางอย่างได้ด้วยนะ”
จะว่าไปแล้วก็จริงแฮะ หากต้นกำเนิดคือจุดละก็.. คนที่ใกล้จุดที่สุดคือเส้น คนที่ใกล้เส้นที่สุดคือความกว้าง คนที่ใกล้ความกว้างที่สุดคือความสูง
และเลทิเซียที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถรับรู้ถึงเวลาแต่ไม่อาจควบคุมก็ย่อมใกล้กว่าซิลเวียที่อยู่เหนือกว่านั้นสิ?
แต่ว่าจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะยังซะต้นกำเนิดก็อยู่ทุกหนทุกแห่งนั่นแหละ พอซิลเวียพูดแบบนั้นเลทิเซียก็คิดไปทั่ว
“อ๊ะ จริงสิ แล้วเจ้าล่ะ เจ้ามีแสงที่อ่อนกว่าข้าหรือเข้มกว่าล่ะ น่าจะใช้อธิบายได้นะ..?”
ซิลเวียกล่าวขึ้นด้วยความสงสัยเพราะเห้นท่าทางที่เหมือนจะไม่เชื่อของเลทิเซีย พอซิลเวียพูดแบบนั้นเลทิเซียจึงก้มลงมองตัวเอง..
แต่พอสายตากระทบเข้ากับตัวเธอเองดวงตาก็เบิกกว้าง…
“ไม่…”
“ไม่? หมายถึงอะไร?”
“ของฉัน… ไม่มีอะไรเลย….”