การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 320

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 320 – ครอบครัวงั้นเหรอ

ทันทีที่เลทิเซียอ่านถึงจุดนี้หนังสือในมือก็ร่วงกับพื้น โชคยังดีที่ซิลเวียรับไว้ทันในขณะที่ดวงตาเลทิเซียเบิกกว้าง… ซิลเวียที่อยู่ข้างๆ ก็ประหลาดใจ

แน่นอนว่าเธออ่านออกอยู่แล้ว เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เลทิเซียตกใจถึงขนาดนี้ ซิลเวียค่อยๆ ยกสมุดบันทึกขึ้นมาพร้อมพูด

“มีอะไรเหรอ ทำไมเจ้าดูตกใจขนาดนั้น?”

“ดาบผ่าดาราสวรรค์… นั่นมัน..”

เลทิเซียพูดด้วยความสับสน ยิ่งทำให้ซิลเวียที่อยู่ด้านข้างงสับสนตามไปด้วย ในตอนนั้นเองเลทิเซียก็พูดต่อด้วยเสียงที่สับสนว่า..

“นั่นมัน..ไวท์”

เธอพูดอย่างยากลำบาก.. ใช่แล้ว เธอจำได้ดีเลย.. หนึ่งในศาสตราวุธทั้งห้าที่เธอได้อ่านมา

อาวุธที่ทรงพลังที่สุดในทุกศาสตรา เป็นศาสตราที่ต่อให้รวมทั้งสี่ศาสตราก่อนหน้าเข้าด้วยกันยังไม่สามารถต่อกรกับศาสตราชิ้นได้

ดาบผ่าดาราสวรรค์.. ดาบจูชิน.. ดาบที่เลทิเซียครอบครองอยู่ในตอนนี้ทั้งยังมีไวท์.. สถิตอยู่ภายใน

แน่นอนว่าเลทิเซียไม่ได้รู้ความเป็นมาของไวท์ขนาดนั้น เพราะไวท์ไม่อยากเล่าเลทิเซียก็ไม่คิดจะถาม เธอตัดสินใจแบบนั้น

เรื่องที่เลทิเซียรู้มีแค่เกี่ยวกับเจ้านายคนก่อนของเธอที่เป็นคนทรงพลังมากคนหนึ่ง สิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับไวท์นั้นน้อยนิดมาก

เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมไวท์ถึงอยู่ในดาบ และดาบทพร้อมทั้งกระบวนท่าที่แข็งแกร่งโดยไม่พึ่งพาในสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์นี้.. มันแข็งแกร่งได้ยังไง..

“อ่า.. จริงด้วย จะว่าไปพวกดาบตามผนังทางเข้าบ้านก็ไม่มีกลิ่นอายพลังเวทแต่ดูทรงพลังมากๆ เลย ถึงจะไม่เท่าไวท์แต่ก็ไม่ใช่อาวุธธรรมดา..”

เลทิเซียจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ เลทิเซียรีบเดินออกไปจากห้องนี้พร้อมกับไปมองศาสตราวุธที่แขวนไว้เรียงรายตามผนัง

“ใช่จริงๆ ด้วย ก็ว่าอยู่ทำไมมันดูคุ้นๆ ”

“มีอะไรเหรอ?”

“เปล่า ไม่มีอะไร อ่านต่อเถอะ ฉันรู้สึกว่ามันใกล้จะถึงจุดสำคัญแล้ว”

เลทิเซียพูดแบบนั้นในตอนนี้เธอพยายามจะสงบสติอารมณ์มากเท่าที่จะทำได้ และคาดหวังว่าไม่ให้เป็นอย่างที่ตนเองคิด

เธอเปิดหน้าถัดไปที่มีวันที่เขียนไว้แต่เนื้อหาภายในนั้นกลับ.. วางเปล่า.. ไม่มีข้อความอะไรเลย

วันต่อมาก็เช่นกัน ด้วยความสับสนเลทิเซียและซิลเวียก็มองหน้ากัน ยังดีที่หน้าต่อมานั้นมีบางอย่างนอกจากวันที่..

น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ตัวอักษร.. แต่เป็นหมึกที่เลอะไปทั่วทั้งหน้ากระดาษ รอยหมึกนั้นไม่เหมือนจู่ๆ หมึกล้มใส่..

เพราะรอยหมึกบนหน้ากระดาษมันดูกระเซ็นอย่างรุนแรง.. เลทิเซียนึกภาพออกเลยว่าเจ้าของที่เขียนบันทึกกำลังหัวเสียกับอะไรบางอย่างจนเขียนบันทึกไม่ออก

มาสามวันติดจนหงุดหงิดก่อนที่จะปัดสมุดบันทึกกับหมึกทิ้งด้วยความโกรธ.. อย่างไรก็ตามพอเปิดหน้าถัดไปก็มีข้อความเขียนไว้อยู่

น่าแปลกที่หมึกมันซึมทะลุผ่านกระดาษมาทั้งๆ ที่โดนหมึกหกใส่ขนาดนั้น แต่เนื้อหาบันทึกวันนี้มีข้อความเขียนชัดเจน..

แต่ทว่ารอยของตัวอักษรถูกกดด้วยความรุนแรงจนทะลุหน้ากระดาษเลยก็ว่าได้

“ทำไม.. ข้าแค่อยากจะช่วยพวกเราทุกคนแท้ๆ ”

“การเสียสละมันต้องมีไม่ใช่หรือไง เหมือนกับท่านพ่อและท่านนแม่ นี่ก็เพื่อเมืองนี้”

“ทำไมเธอถึงไม่ยอมเข้าใจล่ะ.. ที่ข้าทำก็เพื่อพวกเรา เพื่อเมืองนี้และเพื่อเจ้า.. แต่ว่า.. ทำไมกัน ทำไมกัน”

“ข้าเพียงแค่.. จะใช้คำสาปนั่นหลอมเป็นอาวุธเท่านั้นเอง”

“เจ้าเอาแต่พูดว่านั่นลูกเรา นั่นลูกเรา.. ไม่.. มันไม่ใช่ มันแค่เนื้อร้าย มันแค่พิษร้ายมันไม่ใช่ลูกของพวกเรา การที่มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของดาบที่แข็งแกร่งที่สุดมันควรจะขอบคุณข้าด้วยซ้ำ”

“ทั้งที่เป็นแบบนั้น.. ทั้งที่เป็นแบบนั้น.. ทำไมเจ้าถึง… ตบหน้าของข้า”

หน้านี้สิ้นสุดลงแค่นี้ ซิลเวียที่ยืนอ่านอยู่ข้างๆ เธอเอามือปิดปากตัวเองพร้อมกับพูดด้วยความลังเล..

“เป็นพ่อของเด็กไม่ใช่เหรอ.. พูดแบบนั้นกับลูกตัวเองมันไม่ถูกไม่ใช่หรือไงกัน แถมยังจะ..โยนเด็กแรกเกิดลงเตาหลอมอาวุธ… โหดร้าย”

ซิลเวียพูดแบบนั้น เลทิเซียหัวใจเต้นระรัว… หรือว่า.. นิลถูกหลอมไปพร้อมกับดาบและกลายเป็นวิญญาณสถิตอยู่ในดาบ

ไม่สิ.. ถ้าเป็นงั้นนิลก็คือไวท์สิ ถึงทั้งสองคนจะมีความเหมือนกันอยู่บ้าง แต่ทั้งสองคนมีบรรยากาศที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง มันไม่ใช่แบบนี้

มันหมายความว่าไง.. หรือว่า..

ไม่รู้ว่าทำไมขณะคิดไม่ตกเลทิเซียก็เปิดหน้าต่อไปแล้ว..

หน้าถัดไปมีวันที่.. พร้อมกับรอยผิดปกติบนหน้ากระดาษ.. มันไม่ใช่รอยหมึกหรืออะไร.. แต่เหมือนกับว่ามีน้ำหยดลงบนกระดาษแผ่นนี้..

ไม่ใช่ทั้งหมึกและรอยปากกา แต่เป็นรอยน้ำ.. เลทิเซียอ่านเนื้อหาในบันทึก..

“ทำไม.. ทำไม… ข้าแค่.. ข้าแค่จะช่วยพวกเรา…”

“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเจ้า.. ข้าไม่ได้ตั้งใจ..”

“ทำไม.. เจ้าต้องมาขวางข้า..”

“ข้า..”

เนื้อหามีแค่นี้ทั้งเลทิเซียและซิลเวียต่างหันมามองหน้ากัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น.. บางทีเจ้าคนที่เขียนบันทึกนี้

คงพยายามจะเอาลูกตัวเองลงหม้อหลอมอาวุธ.. แต่แม่เด็กไม่ยอมจนเธอพลาดท่าตกลงไปในหม้อและ..ตายไปในที่สุด..

ซิลเวียพูดไม่ออก เธอรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนอย่างบอกไม่ถูก..

เนื้อหาในจดหมายไม่ถูกเขียนเป็นเวลาหลายวัน ไม่สิ เหมือนอยากจะเขียนแต่ไม่รู้จะเขียนอะไรมากกว่า..

จนกระทั่งวันหนึ่ง..เนื้อหาก็ถูกเขียนไว้ว่า..

“ข้าต้องทำหน้าที่ของท่านพ่อกับท่านแม่ต่อให้เสร็จ..”

“ใช่แล้ว นี่คือการชี้นำของท่านพ่อกับท่านแม่สินะ… ใช่ จะไปหลงรักเครื่องมือไม่ได้เด็ดขาด”

“มันต้องเป็นแบบนั้น… พวกเครื่องมือมันไม่มีทางเข้าใจอุดมการณ์ของพวกเรา พ่อ แม่ ลูกหรอก.. เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้เลย..”

“หึๆ .. ฮ่าๆๆๆ ข้าจะปลุกจิตมืด”

มันเขียนไว้แบบนั้น.. ราวกับคนเสียสติตัวอักษรที่ขีดเขียนเต็มไปด้วยมุมยักษ์ราวกับเขียนด้วยอารมณ์ที่บ้าคลั่ง

เขาว่าตัวอักษรที่ถูกรังสรรค์ออกมาจะแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของผู้เขียนอย่างชัดเจน..

และตอนนี้เลทิเซียเข้าใจแล้ว เพียงแค่เธออ่านเก้าอี้ตรงหน้าก็ราวกับมีชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งเขียนไปพร้อมหัวเราะไป..

เป็นเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งและสับสนในเวลาเดียวกัน… เลทิเซียเปิดหน้าถัดไป..

“วันนี้ข้าเด็กที่ ‘ค้อนของพระเจ้า’ พยายามปกป้องออกไปนอกบ้านแล้ว.. แค่นี้ก็จะทำให้มันดึงดูดปีศาจได้มากขึ้นเมื่อไม่ได้รับการปกป้องจากเขตแดน”

“ที่เหลือก็แค่รอเวลา…”

เลทิเซียอ่านตัวหนังสือที่เหมือนในตอนนี้จะไม่มีความบ้าคลั่งมีเพียงความเย็นชาและเรียบนิ่งดุจผิวน้ำไม่ไหวติง

หน้าถัดไปไม่ใช่วันต่อมาเป็นแปดปีต่อมา…

“ในที่สุด.. อ่าาา มันชื่ออะไรนะ..”

“ช่างเถอะ ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างที่คิดว่า เจ้าดำนั่นจะไม่ตายแม้ไม่ได้กินอะไร กลับกันต่อให้ไม่กินอะไรมันก็ยังโตขึ้นเรื่อยๆ ..”

“น่าขยะแขยงจริงเชียว”

“แล้วก็เมล็ดพันธุ์อีกเมล็ดก็โตได้ที่แล้ว.. เหลือแค่ข้าทำตัวให้เหมือนเป็นคนที่ถูกผู้ร้ายรังแก.. แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”

“ตลอดแปดปีที่สอนมันมา.. ก็เพื่อการนั้น.. เจ้าขาว”

เลทิเซียอ่านถึงจุดนี้ก็ใจสั่น มือสองข้างสั่นเครือเล็กน้อย ซิลเวียที่ดูทุกอย่างไปพร้อมกับเลทิเซียเธอก็ยังสับสน..

ปลูกฝังมาเพื่อใช้งาน.. แบบนั้นมันเหมือนหมูเหมือนหมาเลยไม่ใช่หรือไง.. ทั้งคู่เป็นลูกตัวเองไม่ใช่หรือไง..

แถมแม้แต่ชื่อเองก็ยังจำไม่ได้… โหดร้าย..

หลังจากนั้นก็เป็นการบรรยายหลังจากนั้น เป็นการบอกเล่าเกี่ยวกับ ‘ขาว’ ที่เริ่มฆ่าปีศาจที่บุกรุกเข้ามา…

และ ‘ดำ’ เป็นตัวล่ออยู่ใกล้ๆ กับกำแพงน้ำที่ใกล้พวกปีศาจมากที่สุด.. และปีศาจมันก็จะบุกเข้ามา.. บุกเข้ามาเรื่อยๆ และเขาก็จะจับปีศาจเข้ามากักขัง

และ.. ‘ขาว’ ก็จะต้องสู้… ไม่สิ ฆ่า เพื่อปกป้องตัวมันเอง..ฆ่า ฆ่าแล้วก็ฆ่า.. ภายใต้คำสอนที่ว่าต้องเป็นเด็กดี..

ต้องเป็นเด็กดี ‘ขาว’ จึงฆ่าตลอดเส้นทางแม้จะมีความเจ็บปวดมากมาย.. แต่บทบรรยายที่ชายคนนี้พูดถึง ‘ขาว’ นั้น.. มันเหมือนกับ..

เครื่องจักรฆ่าปีศาจ.. ‘ขาว’ สำหรับเขาไม่ต่างอะไรจาก…. อุปกรณ์สังหารปีศาจที่รอวันกลายเป็นอุปกรณ์ที่เหนือยิ่งกว่า…

และวันนั้นก็มาถึง.. วันที่ ‘ขาว’ ได้สังหารมวลปีศาจจนหมดสิ้น.. ไม่สิ.. ที่หมดไปมันก็แค่พวกที่บุกเข้ามาแล้วถูกชายคนนี้จับมาขังแล้วให้ ‘ขาว’ ฆ่า

จนกระทั่ง.. จิตมืดของเธอตื่นขึ้นมา.. จะให้ถูกคือจิตสังหารที่เกิดจากการพรากชีวิตของปีศาจกลายเป็นจิตใจอันชั่วร้ายและหยาบกระด้างที่ซ่อนอยู่ในตัว

และจิตมืดที่เกิดจากการกำจัดปีศาจโดยเฉพาะนี้.. จะเป็นศาสตราที่สังหารได้แม้แต่ปีศาจหรือ พระเจ้า..

‘ขาว’ ได้ถูกโยนลงไปในเตาหลอมอาวุธที่มารดาของนางก็เคยตกลงไป..และพี่น้องฝาแฝดเองก็เกือบตกลงไปเช่นกัน..

“ครอบครัว…งั้นเหรอ…”

เลทิเซียกล่าวพึมพำ

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท