บทที่ 333 – ความรัก…คืออะไร ?
ภูตแห่งความรัก..คือภูตที่แข็งแกร่งที่สุด…ซึ่งปณิธานอันกล้าแกร่งที่จะทำให้ต้นกำเนิดตอบสนองได้มากที่สุดก็มีเพียงเรื่องราวที่เกี่ยวกับภูต
ซึ่งอามาเระเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด.. และสิ่งที่เลทิเซียต้องทำก็คือการ.. กระตุ้นความรู้สึกรักใคร่ขึ้นมา..
เพื่อใช้ปณิธานในการกลับคืนเข้าสู่ความเป็นจริง!ร่างเลทิเซียกับซิลเวียหายวับไปจากที่นั่นทันที
ร่างกายของทั้งสองราวกับข้ามผ่าห้วงวัฏจักรแห่งความว่างเปล่า.. แต่ทว่าภายใต้สถานการณ์อันหนักอึ้งนี้..สีหน้าเลทิเซียก็แปรเปลี่ยนอีกครั้ง..
“ความรัก…คืออะไร?”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นพลันดับสลายหายไปกับตา..เลทิเซียในตอนนี้..เธอรู้จักคำว่ารักขนาดไหนกัน?
แน่นอนว่าเลทิเซียเป็นคนที่ใกล้เคียงกับความรักมากที่สุด ความรักของเธอที่มีต่อครอบครัว
มีต่อคนสำคัญมันมากเหลือล้น การที่ภูตแห่งความรักอย่างอามาเระปรากฏตัวขึ้นอยู่ข้างกายเลทิเซีย นั่นคือคำอธิบายได้ชัดเจนมากที่สุด
อย่างไรก็ตามสำหรับเลทิเซียแล้ว เธอรู้จริงๆ อย่างนั้นเหรอว่าความรู้สึกเหล่านี้มันคือความรัก แบบไหนถึงจะเรียกว่าความรักอย่างแท้จริง?
ตัวเลทิเซียเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ จริงอยู่ที่เลทิเซียในตอนนี้นั้นไม่ได้แบ่งแยกว่าใครสำคัญน้อยกว่าหรือมากกว่า
จากบทเรียนราคาแพงที่สูญเสียเพื่อนของเธอไป ทำให้เธอได้รู้ว่าท้ายที่สุดไม่ว่าจะเพื่อนหรือครอบครัวต่างมีบทบาทสำคัญในชีวิตของเธอในรูปแบบที่ต่างออกไป
แต่ว่า..ไม่ใช่ว่าความรู้สึกที่เธอมีให้ครอบครัวมันเหมือนกับความรู้สึกที่เธอมีให้เพื่อนพ้อง..
บางทีเธออาจจะอธิบายความรู้สึกเหล่านี้ออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ แต่สำหรับเลทิเซียที่ให้คุณค่าทั้งคำว่าเพื่อนและครอบครัวสำคัญที่สุด
แต่ละคำล้วนมีความหมายหนักอึ้งสำหรับเธอทั้งสิ้น
หรือพูดง่ายๆ คือ ไม่ว่าจะเพื่อนหรือครอบครัวทั้งสองสิ่งคือสิ่งที่น้ำหนักมูลค่าเท่ากัน.. เพื่อนก็คือเพื่อน เพื่อนไม่ใช่ครอบครัว
ครอบครัวก็คือครอบครัว ครอบครัวไม่ใช่เพื่อน… แล้วคำถามคือ.. อย่างไหนจะเรียกว่าความรักสำหรับเธอกันล่ะ?
ครอบครัวงั้นเหรอ.. หรือเพื่อนงั้นเหรอ?
หรือทั้งคู่เลย ?
ไม่สิ ถ้าแบบนั้นมันก็ไม่ถูกสิ ในเมื่อทั้งคู่ความรักเหมือนกันแล้วทำไมความรู้สึกที่มีให้คนเหล่านั้นถึงไม่เหมือนกันล่ะ
แล้วถ้างั้น..แบบไหนถึงจะเรียกว่าความรักจริงๆ ล่ะ?
เธอไม่รู้.. และก็ไม่มีใครตอบคำถามให้เธอได้เช่นกัน
คนเรานั้นมีปัญหาบงปัญหาที่ไม่อาจจะปรึกษาคนที่ใกล้ชิดที่สุด..และคนที่อยุ่ด้วยมากที่สุดอย่างครอบครัวได้
แต่กลับสามารถพูดกับเพื่อนที่ได้รู้จักกันผ่านทางการปฏิสัมพันธ์ได้… ในขณะที่เรื่องบางเรื่องเองกลับไม่สามารถปรึกษาเพื่อนได้
มีเพียงครอบครัวเท่านั้นที่สามารถพูดหรือปรึกษาได้…
ใช่แล้ว..นี่คือประเด็น เพราะบางอย่างเราไม่สามารถคุยกับเพื่อนหรือบางอย่างเราไม่สามารถคุยกับครอบครัวได้
แล้วอย่างไหนถึงจะเรียกว่าความรักล่ะ ในเมื่อไม่ว่าจะเพื่อนหรือครอบครัวต่างมีความแตกต่างที่ชัดเจนขนาดนี้
แน่นอนว่าเรื่องความรักเลทิเซียไม่เคยได้รับการสอนจากใคร..และไม่เคยมีความรักใดอื่นนอกจากครอบครัวเช่นกันในอดีตชาติ
สิ่งที่เรียกว่าเพื่อนเธอก็พึ่งรู้จักเมื่อหลายปีก่อนเท่านั้นเอง
เธอไม่อาจหาคำอธิบายมาอธิบายสิ่งที่เรียกว่าความรักได้เลย..
แน่นอนว่าบางทีเลทิเซียอาจจะไม่รู้ ความรักหาได้มีเพียงความรักที่อย่างจะอยู่ด้วยกันไม่..
ความรักบางอย่างก็ออกมาในรูปแบบการห่วงใย ..หรือออกมาในรูปแบบความคลั่งไคล้.. รวมไปถึงความกตัญญู
ทุกอย่างเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่าความรัก ผู้คน ไม่ว่าจะดีร้าย จะชั่วช้าแค่ไหนย่อมมีบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่าความรักอยู่เสมอ
ใช่ เพราะนั่นคือองค์ประกอบพื้นฐานของสิ่งที่เรียกว่าอารมณ์ทั้งเจ็ดของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงต่อให้เป็นสัตว์ยังสามารถแสดงคามรักได้
นั่นแสดงให้เห็นเลยว่าคุณค่าของความรักนั้นหาใดเปรียบบนโลกใบนี้..
“แค่ก..แค่กๆ ”
อย่างไรก็ตามจากการปะทะเมื่อครู่นี้ ซิลเวียก็ไอออกมาเป็นเลือด แม้ที่แห่งนี้จะไม่มีผลกระทบทางกายภาพหรือเวลาทำให้บาดแผลการเจ็บปวดภายในทุกอย่างล้วนเป็นเหมือนความว่างเปล่า
แต่ทว่าซิลเวียก็ยังไอออกมาเพราะการปะทะเมื่อครู่นี้เธอถูกกดอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเป็นเพราะร่างที่ซิลเวียสู้ไม่ใช่ตัวของนิลเอง
มันเลยทำให้การควบคุมพลังอาจจะแย่กว่าที่นิลตัวจริงเจอกับเลทิเซีย ส่งผลให้การปะทะของเงากับซิลเวียรุนแรงกว่าเลทิเซียมาก
ซิลเวียเช็ดที่มุมปากเล็กน้อย เลทิเซียที่กำลังสับสนกับความคิดนั้นก็ถูกเรียกกลับคืนมาสู่ตอนนี้
“เธอ…”
“ข้าไม่เป็นไร..”
แม้จะบอกแบบนั้นแต่บาดแผลเต็มร่างของซิลเวียเลยก็ว่าได้ แม้สภาพไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวเหมือนเลทิเซียก็เถอะ
แต่ยังดีที่สถานที่แห่งนี้ไม่ได้ทำให้เธออยู่ใกล้ประตูแห่งความตายอีกต่อไป.. ซิลเวียเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เลทิเซียพร้อมกับพูดขึ้น
“เมื่อครู่เจ้าทำได้ยังไง?”
ใช่แล้ว เมื่อกี้ต่อให้เป็นคนโง่แค่ไหนก็ดูออกว่าเลทิเซียเคลื่อนไหวได้เหมือนตามที่เธอต้องการเลย
ต้องรู้ว่าที่นี่คือความว่างเปล่านะ ไม่ใช่สวนหลังบ้านการที่เลทิเซียไม่ใช่นิลสักหน่อยทีสามารถเคลื่อนไหวหรือสรรค์สร้างอะไรได้ดั่งใจนึก
เลทิเซียไม่ได้ปิดบัง เธอกล่าวอธิบายสั้นๆ
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีความเชื่อมโยงเล็กๆ น้อยๆ กับต้นกำเนิดอยู่ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือต้นกำเนิดยังรับรู้ถึงพวกเราอยู่”
เลทิเซียอธิบายเช่นนั้น แน่นอนว่าต้นกำเนิดรับรู้ถึงพวกเธอนั่นก็หมายความว่าพวกเธอยังไม่ได้กลายเป็นความว่างเปล่านั้นเอง
และต้นกำเนิดคือใคร? ต้นกำเนิดคือโลก ต้นกำเนิดคือความเป็นจริง… หากจะอธิบายง่ายๆ ต้นกำเนิดก็คือผู้ที่มอบการเคลื่อนไหว มอบพื้นที่ให้เคลื่อนไหว
มอบทุกอย่างให้…และ..
“นั่นหมายความว่า.. หากพวกเราสามารถกระตุ้นการเชื่อมโยงเล็กๆ นี้ได้ ต้นกำเนิดก็สามารถพาเรากลับไปยังที่นั่นได้”
“และสิ่งที่กระตุ้นต้นกำเนิดได้มากที่สุดคงไม่มีอะไรมาแทนที่ความรักได้”
ถึงเลทิเซียจะพูดเหมือนเข้าใจความรักมาก แต่ตัวเธอรู้ว่าความรักเป็นสิ่งที่ปณิธานแข็งแกร่งที่สุดในต้นกำเนิดเพราะเธออยู่ใกล้ตัวแทนของคำว่าความรักมากที่สุดอย่างอามาเระ
และแน่นอนว่า อามาเระก็เคยบอกว่าตัวเองเป็นภูตที่แข็งแกร่งที่สุด หากกล่าวกันตามความเข้าใจแล้วภูตเปรียบเสมือนตัวแทนของความเป็นจริงต่างๆ ที่ต้นกำเนิดรังสรรค์ขึ้นมาด้วยตัวของมันเอง
เมื่อเข้าใจถึงจุดนี้ทุกอย่างก็ง่าย.. แต่ที่มันไม่ง่ายคือเพราะเลทิเซียกลับไม่มั่นใจในสิ่งที่เรียกว่าความรักของตัวเอง
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงปณิธาน.. สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เพียงแค่ต้องรู้สิ่งที่ต้องรู้ ต้องรู้จักตัวเองด้วยว่าตนเองเข้าใจสิ่งที่ต้องรู้มากแค่ไหนนั่นเอง
ซิลเวียเงียบลงไปครู่หนึ่ง.. ก่อนที่เหมือนกำลังจะตัดสินใจว่าจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ในตอนนั้นเองเสียงของไวท์ก็ดังขึ้นในหัวของเลทิเซีย.. และไม่เพียงเลทิเซียที่ได้ยินเสียงของไวท์เหมือนซิลเวียเองก็จะได้ยินด้วย
“เจ้านั่น… มันมาแล้ว!”
ยังไม่ได้รอให้เลทิเซียได้ถามว่าไวท์รู้ได้อย่างไร.. แต่แทบจะสิ้นสุดคำของไวท์ นิลก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับดวงตาแดงก่ำ
ปากของเธอพึมพำไม่เป็นสรรพ
“แก..มัน..สมควรตายไปพร้อมกับไอ้ตัวปลอมนั่น…”
ปากของนิลพึมพำด้วยความโกรธแค้น แต่ในสายตาเลทิเซียบัดนี้หน้าตาของเจ้าหมึกยักษ์กลับไม่ได้เหมือนเป็นศัตรูตัวฉกาจ..
แต่เป็นเหมือนสายตาที่เธอมองไปที่นิล…
เป็นสายตาที่ปนความสงสาร…เพราะทุกอย่างที่กลายเป็นแบบนี้ล้วนเป็นเพราะมนุษย์.. มนุษย์ที่โลภมากในพลังเหล่านั้น..
แต่ทว่า..ดวงตาของนิลเห็นทุกอย่างทุกการกระทำของเลทิเซีย
สายตาที่มองมานั้นมันเรียบเสมือนมีดอาบยาพิษ..
“ข้า….อย่า…มามองข้าด้วยสายตา…แบบนั้น”
เสียงคำรามของมันบังเกิดขึ้นส่งผลให้ความว่างเปล่าอันมืดมิดตอบสนองร่างของเลทิเซียกับซิลเวียพร่าเลือนลงไป..
ราวกับจะบดขยี้การเชื่อมโยงระหว่างต้นกำเนิดกับเลทิเซีย!