The Rise of Otaku – ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

บทที่ 3 การตัดต้นไม้

เมล็ดแปลกๆและจอบแปลกๆ เขาสามารถมองเห็นพวกมันได้โดยไม่ต้องมีแว่นตา และเขายังรู้สึกถึงน้ำหนักเมื่อสัมผัสพวกมันอีกด้วย เมื่อโจวหยูจับพวกมันเอาไว้ในมือ มันหมายความว่าพวกมันทั้งหมดเป็นของจริง อย่างไรก็ตามการใช้งานของพวกมันคืออะไร?

อาจกล่าวได้ว่าหลังจากที่เราได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ลงไปแล้วมันจะเติบโตขึ้นมาเป็นดอกไม้หรืออะไรที่แปลกประหลาด? เมื่อยึดตามจินตนาการของโอตาคุแล้ว – โจวหยุนก็เริ่มที่จะไม่สามารถควบคุมความตื่นเต้นของเขาเอาไว้ได้ เขาเริ่มที่จะหาหากระถางดอกไม้อย่างเร่งด่วนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปลูกดอกไม่ปริศนาอันนี้

มีกระถางดอกไม้จำนวนมากที่ปู่และย่าของเขาเคยใช้ในช่วงเวลาว่าง อย่างไรก็ตามในตอนนี้พวกมันได้ถูกทิ้งไว้ที่นี่หลังจากพวกท่านย้ายไปที่เมือง โดยที่ไม่มีใครคอยดูแลดอกไม้เหล่านี้จึงทำให้เหล่าดอกไม้และต้นไม้ส่วนใหญ่ได้ตายไปแล้ว เหลือเพียงเศษซากของพวกมันเท่านั้นที่ยังคงอยู่

เมื่อไปถึงสนามหญ้าหน้าบ้าน เขาพบกระถางดอกไม้ที่เสียหายจำนวนมาก ส่วนที่พอใช้นั้นก็ปรากฏรอยแตกเล็กๆบริเวณด้านบน เขาไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาสำหรับเขาที่จะนำมันมาใช้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขากับพบปัญหาใหญ่ขึ้นมา!

เขาพบว่าเขานั้นไม่เคยปลูกอะไรเลยตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก และการที่เขาจะต้องมาปลูกดอกไม้ประเภทนี้ที่จำเป็นต้องใช้ทักษะข้ันสูงนั้นมันดูเหมือนจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง

‘มันคงไม่ใช้เพียงแค่ขุด หยอดเมล็ดลงไป กลบดิน รดน้ำและใส่ปุ๋ย หรอกนะ!’

ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถทำตามขั้นตอนมาตรฐานเหล่านี้ได้ก็ตาม แต่แล้วเรื่องของความลึกของหลุมที่เขาต้องขุดหรือปริมาณน้ำที่ต้องการละ ไหนจะระดับ pH ของดิน แสงแดดและอื่นๆ ซึ่งเมื่อโจวหยู่คิดถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกจะเป็นลมขึ้นมา

ในเวลานี้เขาไม่สามารถคิดวิธีการใดๆได้ดีไปกว่าขั้นต้อนมาตราฐานเหล่านี้แล้ว ดังนั้นเมื่อเขาไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อน เขาคงต้องหวังพึ่งเพียงโชคเท่านั้น

‘ขอให้พระเจ้าประทานพรแก่เขาในการปลูกดอกไม้ในครั้งนี้ด้วย’

เพราะถ้าเกิดว่าการปลูกในครั้งนี้เกิดล้มเหลวขึ้นมา เขาคงต้องรู้สึกเสียใจไปกับมันอย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าที่จะเริ่มขุดดินทันที โดยเขาได้ใช้เจ้า ” จอบขุดดินของเบโธเฟน ‘ แต่เมื่อเขาได้เห็นชื่เรียกของมัน เขาก็เกิดความสงสัยว่าทำไมต้องใช้ชื่อของนักดนตรีชื่อดังคนนี้มาตั้งเป็นชื่อจอบนี้ด้วย หรือว่ามันจะมีเอฟเฟคพิเศษบางอย่าง เช่น เมื่อลงมือขุดไปแล้วจะเกิดเสียงดนตรีดังขึ้นมากัน?

แต่เมื่อเขาลงมือใช้มันจริงๆ มันกับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด มันไม่ได้เกิดเสียงเพลงขึ้นมาแต่อย่างใดกลับกันมันได้ปรากฏสัญลักษณ์ดนตรีหนึ่งหรือสองอันขึ้นมาแทน มันจะออกมาจากพื้นดินและหายไปในอากาศในไม่ช้า แน่นอนเว้นเสียแต่ว่าคุณจะมีแวนตาเหมือนกับโจวหยู ไม่อย่างนั้นคุณจะเห็นเพียงแค่ดินในกระถางดอกไม้ธรรมดา

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ทำการหยอดเมล็ดดอกไม้ไอดอลลงไป โจวหยูได้สังเกตเห็นว่ามีข้อความบางอย่างลอยอยู่เหนือกระถาง มันเหมือนกับข้อมูลที่พบได้ทั่วไปในเกม มันเขียนเอาไว้ว่า : “เมล็ดดอกไม้ไอดอล สถานะ – ดี”

‘เอาละ! ตอนนี้สิ่งที่เหลือก็แค่รอผล’

ไม่ว่าดอกไม้ที่จะออกมานั้นจะเป็นคนที่น่าเกลียดหรือคนที่สวยงามก็ตาม ฉันขอแค่ให้มันออกมาก็พอ

หลังจากปลูกดอกไม้ไอดอลเสร็จแล้วก็ได้มีสัญญาณเตือนสีแดงปรากฏขึ้นบนแผนที่ย่อ หลังจากที่โจวหยูซูมเข้าไปและมองอย่างใกล้ชิด ปรากฎว่าหนึ่งในสถานที่ที่เดิมแสดงเครื่องหมายคำถามได้เปลี่ยนไปเป็น: “จุดฟื้นฟูปุ๋ยดอกไม้ เวลารีเฟรชคือ 6:00, 12:00, และ 18:00”

‘มันเป็นปุ๋ยพิเศษสำหรับดอกไม้ไอดอล? เขาจะต้องรีบไปเอามันมาให้เร็วที่สุด’

เมื่อโจวหยูคิดได้แบบนั้นเขาก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะมาถึงที่ตั้งที่ปรากฏบนแผนที่ ดังนั้นจุดรีเฟรชพวกนี้ก็คือห้องน้ำสาธารณะในชนบท!

เมื่อเขาได้เข้าไปยังห้องน้ำ แถบความคืบหน้าก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของเขา ระยะเวลาที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดคือประมาณ 5 นาที สำหรับผู้หญิงไอดอลในอนาคตแล้วโจวหยูสามารถทนต่อกลิ่นที่น่ากลัวเหล่านี้ได้

หลังจากนั่งยองๆ 5 นาที แถบความคืบหน้าก็เสร็จสมบูรณ์ในที่สุด ได้ปรากฏถุงเล็กๆที่ดูเหมือนว่าถุงซอสบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปรากฏขึ้นบนพื้นจากอากาศบางๆ โจวหยูที่เห็นแบบนั้นก็ก้มหัวลงให้มองใกล้ๆ เขารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้มันดูเป็นของจริงมาก อย่างไรก็ตามมันก็มีขนาดเล็กมากเช่นกัน บางทีเจ้าสิ่งนี้มันอาจเป็นเพียงการใช้ครั้งเดียวเท่านั้น

นั้นทำให้โจวหยูรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาต้องใส่ปุ๋ยให้กับดอกไม้บ่อยแค่ไหน ถ้าเป็นวันละสามครั้ง เขาไม่ต้องวิ่งไปที่ห้องน้ำสาธารณะตลอดทั้งวันเลยหรือไง?

ทันทีที่โจวหยูกลับถึงบ้าน เขาก็ได้โรยปุ๋ยลงในกระถางทันที ความถี่ของสัญลักษณ์เพลงที่ออกมาจากดินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทันที และจำนวนของสัญลักษณ์เพลงเองก็เปลี่ยนจากหนึ่งหรือสองไปเป็นสามหรือห้า สถานะของเมล็ดจากดีก็กลายเป็นดีเลิศทันที

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเหลือให้เขาทำอีกต่อไป ดังนั้นมันก็ถึงเวลาที่เขาจะกลับไปใช้ชีวิตปกติของเขาเสียที

……………………………

ในตอนเย็นวันนั้น เขามีความฝันเกี่ยวกับเรื่องลามกเล็กน้อย เขาฝันว่าได้มีเด็กหญิงโลลิอยู่ในบ้านของเขา เธอนั้นได้ทำความสะอาดบ้านให้เขา ขณะที่เธอกำลังทำความสะอาดไปนั้น เขาก็พยายามหากำไรจากเธอเล็กน้อย

ไม่เพียงเท่านั้นฝีมือการทำอาหารของเธอก็อร่อยเป็นอย่างมาก อาจจะพูดได้ว่าฝีมือของเธอนั้นเป็นอันดับหนึ่งในโลกได้สบายๆ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ยกเว้นชุดชั้นในเด็กที่แขวนอยู่ในสนาม

อย่างไรก็ตามชีวิตของเขากำลังเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่เขาไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นด้านดีหรือไม่ดีกันแน่

สิ่งที่เขาทำหลังจากตื่นนอนก็คือตรวจดูกระถาง เมล็ดได้ก่อตัวแล้วเห็นได้ชัดว่าความเร็วการเติบโตนั้นค่อนข้างเร็วเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าวันของการมาถึงของหญิงสาวโลลิจะอยู่ไม่ไกลแล้ว

ในส่วนของผลของปุ๋ยดอกไม้ยังคงอยู่ อย่างไรก็ตามโจวหยูยังคงไปห้องน้ำสาธารณะเพื่อรวบรวมปุ๋ยดอกไม้อีกครั้ง เพราะเขาไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกับผู้หญิงโลลิของเขา

ทางด้านราชามังกรเฒ่าและช่างไม้บีเว่อร์เองก็กำลังเล่นหมากรุกจีนกันอยู่ใต้ต้นไทรบริเวณบ้านของเขา เมื่อพวกมันทั้งสองเห็นว่าโจวหยูเดินออกมาจากบ้านแล้ว ต่างก็แสดงสีหน้ามีความสุขมากออกมา

เนื่องจากพวกมันทั้งสองนั้นไม่สามารถย้ายตัวหมากบนกระดานหมากรุกได้ พวกมันสามารถพูดและแสดงท่าทางออกมาได้เท่านั้น ดังนั้นเมื่อทั้งสองได้เห็นโจวหยูออกมาจากบ้าน พวกมันทั้งสองจึงได้เรียกให้โจวหยูมาเป็นคนย้ายหมากตามคำสั่งของพวกเขาทันที

ซึ่งวิธีนี้มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการหลีกเลี่ยงข้อโต้แย้ง เช่น การกล่าวหาอีกฝ่ายวางผิดตำแหน่ง หรือการลืมต่ำแหน่งในการวางก่อนหน้า

โจวหยูเห็นว่าไม่ควรปฏิเสธคำขอของผู้อาวุโส ดังนั้นเขาจึงได้นั่งลงถัดจากโต๊ะหินและจัดเกมหมากรุกพร้อมกับเตรียมการเคลื่อนไหวของชิ้นหมากรุกตามคำแนะนำของทั้งสอง

เป็นที่รู้ว่าความสามารถในการเล่นหมากรุกของโจวหยูนั้นไม่ค่อยดีนัก แต่เขาสามารถบอกได้ว่าผู้เฒ่าทั้งสองนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน มันเป็นเพียงว่าเขาไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองนั้นอยู่ในระดับใดก็เท่านั้น

ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าฉากนี้ค่อนข้างคล้ายกับ “ฮิคารุโนะโกะ” ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือมีวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตน ถ้าเขานำตาเฒ่าทั้งสองไปลงแข่งขันหมากรุกออนไลน์ในตอนนี้ เขารับรองได้ว่าเขานั้นจะต้องติดหนึ่งในสามของรายการอย่างแน่นอน

แน่นอนว่ามันเป็นเพียงความคิดเล่นๆของเขาเท่านั้น เพราะการแสดงตัวเองต่อหน้าเหล่าคนมากมายนั้นเป็นอะไรที่ท้าทายสำหรับเขาเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่หนีมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้

ในท้ายที่สุดราชามังกรเฒ่าก็เป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ เขาได้แสดงออกถึงความชำนาญก่อนที่จะทิ้งความภาคภูมิใจของตัวเองเอาไว้ที่นี้ และเดินจากไป

เมื่อการแข่งขันนี้จบลง ก่อนหน้านี้โจวหยูคิดว่าเขาคงจะได้รับรางวัลอะไรเป็นการตอบแทนบ้าง แต่ตอนนี้เขากับไม่ได้รับรางวัลใดๆ

แต่ยังไงก็ตามเห็นได้ชัดว่าระดับความเป็นมิตรของเขากับผู้เฒ่าทั้งสองนั้นได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าโจวหยูจะไม่รู้ว่าระดับความเป็นมิตรนั้นจะส่งผลอะไรบ้าง แต่จากจากประสบการณ์การเล่นเกมมานานหลายปี เขารู้ดีว่าการที่ NPC ที่มีระดับความเป็นมิตรสูงมักหมายถึงสิ่งที่ดี

บีเวอร์ช่างไม้ที่แพ้เกมนี้ ก็แสดงสีหน้าที่ไม่มีความสุขออกมา มันได้หันหัวมาทางโจวหยูและก็พูดกับโจวหยูว่า “ชายชราคนนี้เกิดมาเพื่อเล่นกับไม้เท่านั้น การเล่นกับสิ่งอื่นๆที่ไม่ใช้ไม้ โดยเฉพาะพวกหินแล้วนั้น เห็นได้ชัดว่ามันคือสาเหตุที่ทำให้ชายชราคนนี้แพ้!

“ดังนั้นหลานชายช่วยชายชราคนี้หาไม้ที่เหมาะสมบนภูเขาด้านหลังบ้านมาให้ชายชราได้ไหม? เพื่อที่ว่าชายชราคนนี้จะได้นำไม้นั้นมาทำกระดานหมากรุกไม้ รับรองว่าในครั้งนี้ชายชราคนนี้จะต้องชนะเฒ่ามังกรอย่างแน่นอน”

หลังจากที่ช่างไม้บีเวอร์พูดอย่างนั้น ก็ได้มีขวานถูกโยนตกลงตรงหน้าของโจวหยู จากการสังเกตคราวๆแล้ว ตัวขวานนั้นมีขนาดเล็กเป็นอย่างมาก ก่อนที่มันจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จาก 5 ซม. ไปจนถึงขวานขนาดปกติ เมื่อโจวหยูมองใกล้ๆ สถานะของขวานก็ได้แสดงออกว่า: “ขวานธรรมดา” ถึงแม้ว่ามันจะบอกว่าเป็นเพียงขวาดธรรมดา แต่เขาก็รู้ว่าเครื่องมือที่อยู่ตรงหน้านั้นจะต้องดีกว่าเครื่องมือในโลกของเขา

‘เอาวะ! ดีกว่าไม่มีอะไรเลย! เราไปตัดต้นไม้กันเถอะ’

อย่างไรก็ตามการเดินทางครั้งนี้ทำให้เหล่าเพื่อนบ้านต่างก็กลัวเป็นอย่างมาก เดือดร้านไปถึงหัวหน้าหมู่บ้านที่ต้องรีบเข้ามาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

โจวหยูได้หยุดและเริ่มอธิบายสถานการณ์ที่เขากำลังเจออยู่ตอนนี้ว่า : “หัวหน้าหมู่บ้าน! ผมก็แค่อยากจะหาไม้สักสองสามชิ้น เพื่อไปทำงานไม้ ไม่ใช้จะไปทำร้ายคนอื่นแต่อย่างใด”

เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าหมู่บ้านนั้นยังคงสงสัยกับคำอธิบายนี้ เพราะงานช่างไม้นั้นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ อย่างไรก็ตามเขายังคงพาโจวหยูไปยังพื้นที่ที่ครอบครัวของเขาเช่าเอาไว้ ก่อนที่เขาจะชี้ไปที่ต้นสนป่าที่ตายไปแล้ว

“ เธอสามารถเอาขวานฟันต้นนั้นได้ มันตายแล้วและมันก็ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้อีกแล้ว และครั้งหน้าถ้าเธอต้องการที่จะตัดต้นไม้อีก เธอจำเป็นที่จะต้องแจ้งให้ฉันทราบก่อน เพราะตันไม้ในแถบนี้ต่างก็ถูกพวกผู้หรับเหมาซื้อเอาไว้แล้ว มันคงเป็นเรื่องไม่ดีถ้าเกิดเธอเผลอไปตัดต้นไม่พวกนั้นเข้า … ”

หัวหน้ากมู่บ้านยังคงอธิบายต่อไป และนั้นทำให้โจวหยูรู้ว่าถ้าเกิดครั้งต่อไปที่เขาต้องการตัดไม้ เขาไม่สามารถตัดต้นไม้ที่อยู่บริเวณตีนภูเขาได้ เพราะต้นไม้เหล่านี้ต่างก็ถูกซื้อเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจะต้องเดินขึ้นไปยังยอดเขาได้เท่านั้น

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาในปัจจุบัน มันจะเป็นพรจากพระเจ้าอย่างมากถ้าเขาสามารถปีนขึ้นไปที่กลางภูเขาได้ โชคดีที่ในครั้งนี้บีเวอร์ช่างไม้นั้นต้องการเพียงท่อนไม้สั้นๆเท่านั้น และหากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่านี้เป็นเควสต์ที่เขาได้รับมา เขาคงไม่มาทำแบบนี้หรอก

The Rise of Otaku

The Rise of Otaku

เรื่องย่อย

โจวหยูเป็นโอตาคุที่รักสันโดษ ซึ่งเขานั้นเป็นคนที่ไม่ชอบออกจากบ้านของตัวเอง

แต่เขาก็ถูกบังคับให้ออกจากบ้านโดยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในวันหนึ่ง…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท