การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 342

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 342 – พันธสัญญาเทพ (2)

ตามหลักทั่วไปแล้ว.. การจะทำพันธสัญญาเทพเพื่อดึงเอาพลังทักษะออกมานั้นต้องมีเทพมอบตำแหน่งบางอย่างให้เสียก่อน

หากผู้กล้าคือเบี้ยของกระดานหมากรุกเหล่าเทพแล้ว.. ผู้ที่ทำพันธสัญญาเทพก็เป็นเหมือนขุนหรือม้าให้กับเทพนั่นแหละ..

แน่นอนว่าปกติแล้วคงไม่ต้องใช้จูบอันดูดดื่มเช่นที่ซิลเวียทำหรอก เพราะว่าการที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตปลุกพลังทักษะขึ้นมาได้

คือใช้พลังเวทของเทพธิดาในการกระตุ้นจิตวิญญาณแรกกำเนิดของพวกสิ่งมีชีวิตขึ้นมาและมอบพลังที่เรียกว่าทักษะให้

สิ่งนี้ไม่เกี่ยวว่าจะเป็น ปีศาจ มนุษย์หรือกึ่งมนุษย์ เพราะทุกคนล้วนมีทักษะมาตั้งแต่เกิด เพียงแค่พวกเขาทุกคนนั้นไม่สามารถใช้มันได้แค่นั้นเอง

ต่อให้เป็นอสูรที่ว่าแม้แต่เทพธิดายังไม่ได้กำหนดการเกิดการตายพวกเขา พวกเขายังมีทักษะเลย เพียงแค่ทักษะที่พวกเขาใช้ได้นั้นไม่ได้ถูกผนึกตั้งแต่แรก

แค่ถูกผนึกไว้บางส่วนเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นทสึรุที่ใช้เพียงแค่วิชาหอกที่ไร้ซึ่งพลังพรสวรรค์แบบพวกผู้ใช้ศาสตรา

แต่กลับต่อกรกับเวทมนตร์ มีวิชาหอกมากมายที่ดูเหนือธรรมชาติ แต่หากลบล้างมันด้วยพลังบางอย่างที่สามารถลบล้างเวทมนตร์ดูละก็

จะพบว่าไม่อาจจะลบได้ นั่นเป็นเพราะมันไม่ใช่พลังเวทมนตร์ มันคือทักษะ.. ซึ่งมันไม่สามารถถูกลบได้อยู่แล้ว

แม้จะเป็นแค่พลังส่วนหนึ่งที่ยังไม่ปลดผนึกพลังทั้งหมดก็ตามที

และแน่นอนว่าหากพูดกันตามตรงแล้วสิ่งที่ต้องทำเพื่อทำพันธสัญญาเทพคือการให้สิ่งมีชีวิตจุมพิตที่หลังมือของเทพธิดา

และหลังจากนั้นเทพธิดาก็จะเปิดประตูเขาสู่โลกใบใหม่ และการกล่าวขานชื่อทักษะขึ้นมาบอกต่อผู้ทำสัญญาและเป็นอันเสร็จสิ้น

แต่หากจะพูดจริงๆ ต้องไขข้อพิพาทที่มนุษย์หรือเลทิเซียเคยตีความแบบผิดๆ ไว้ก่อน.. เทพธิดามีหน้าที่แค่บอกชื่อทักษะให้กับผู้ที่ถือครองเท่านั้น

อย่างที่บอกว่าแม้แต่เทพธิดายังต้องการทักษะ เพราะพวกเธอไม่มีเหล่านั้น ซึ่งเรื่องนี้อธิบายได้ชัดเจนยิ่งกว่าอะไรว่า

เทพธิดาไม่สามารถปิดผนึกหรือควบคุมทักษะได้แต่อย่างใด เมื่อทำพันธสัญญาเทพเสร็จสิ้นก็แล้วแต่เงื่อนไขข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายว่าเทพธิดาอยากให้ทำอะไร

และแน่นอนสัญญาต้องไม่มากเกินไป.. เพราะหากเป็นแบบนั้น คนที่จะตายต้องเป็นเทพแทน

ไม่ใช่สิ่งที่เทพกำหนด.. แต่เป็นสิ่งที่ต้นกำเนิดรังสรรค์ขึ้นมา เพราะนี่คือพันธสัญญาที่เทพจะมอบชื่อของพลังให้กับสิ่งมีชีวิตที่มีมาแต่แรก

ไม่ใช่สัญญาทาส.. ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากเทพธิดาและคนที่ทำสัญญาเทพแล้ว.. นั่นแหละคือเงื่อนไข

บางทีนี่อาจจะเป็นประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่ต้องการให้สิ่งมีชีวิตไม่ตกเป็นทาสของคนที่สูงกว่าตนเอง

ในขณะที่เทพแม้จะแข็งแกร่งไร้เทียมทานแต่กลับมิได้มีสิ่งที่ล้ำค่าอย่างที่สิ่งมีชีวิตเบื้องล่างมี..

ราวกับเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม

และแน่นอนว่าเมื่อทำพันธสัญญาแล้ว.. ดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนั้นจะมอบชื่อให้กับเทพธิดาโดยตรง

และเทพธิดาต้องกล่าวชื่อทักษะออกมาให้ตรงทุกอย่าง เพราะนี่เปรียบเสมือนพิธีศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเพราะข้อจำกัดอันมากมายเหล่านี้

ทำให้เหล่าเทพธิดาไม่ค่อยจะมอบชื่อทักษะให้คนอื่นเลย.. อย่างไรก็ตามสำหรับเลทิเซียและซิลเวีย หากเลทิเซียร้องขอซิลเวียพร้อมจะบอกชื่อให้โดยไม่ลังเล

เพราะสำหรับซิลเวียแล้วเลทิเซียเป็นทั้งเพื่อนคนสำคัญคนแรก..และคนที่เธอให้ความสำคัญยิ่งกว่าอะไร

ทุกความพยายาม.. ทุกครั้งที่มองหน้า มันก็ทำให้เธอปรี่ล้นไปด้วยความรู้สึกอันมากมายเหลือจะกล่าว

ทานข้าวด้วยกัน แอบไปหาทุกวันตอนกลางดึก… ความทรงจำเหล่านี้ล้วนเป็นความทรงจำที่มีค่ามากที่สุดสำหรับซิลเวีย

จนกระทั่งวันหนึ่ง.. จดหมายจากเบื้องบนได้ร่วงลงมาเบื้องล่าง.. ดวงตาของเธอสั่นไหว ได้เวลาที่จะกลับแล้ว.. เธออยู่ที่นี่มาสิบกว่าปีแล้ว..

เวลาสิบปีที่ผ่านมาสำหรับซิลเวียมันเป็นเวลาที่ผ่านไปเร็วมาก เร็วยิ่งกว่าระยะเวลาอันโดดเดี่ยวบนโลกเบื้องบนเสียอีก

ความไม่ยินยอม.. ความไร้ทางต้าน.. ทุกอย่างถูกถอนออกมาพร้อมกับลมหายใจอันเศร้าโศก..ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะบอกความจริงต่อเลทิเซีย..

เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันแล้ว.. แต่โชคชะตาของพวกเธอยังคงไม่สิ้นสุด.. เธอถูกผลักพามายังดินแดนที่ห่างไกลจากบ้าน..

บางทีลึกๆ ภายในใจของซิลเวียอาจจะดีใจอยู่ก็ได้ ที่ไม่ได้แยกจากเลทิเซีย ที่ยังอยากจะอยู่ที่นี่กับเลทิเซีย

เพราะหากกลับไปแล้วก็จะต้องแยกจากกัน.. เธอรู้ว่ามันเห็นแก่ตัว.. มันเห็นแก่ตัวมาก ต้องเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเธอคนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า..

ซ้ำแล้วซ้ำเล่า.. เธอยิ่งเจ็บปวดยิ่งกว่านั้น.. ใช่..

เพราะแบบนั้นพอไวท์มองมาที่เธอ เธอถึงได้เข้าใจความหมายของไวท์ทันทีว่า.. ไวท์ต้องการให้เธอทำสนธิสัญญาเทพกับเลทิเซีย

ถึงซิลเวียจะไม่รู้ว่าไวท์รู้ได้ไงว่าตนเองเป็นเทพธิดา แถมรู้ได้ไงว่าในโลกนี้มีการทำสนธิสัญญาก่อนถึงจะใช้ทักษะได้ เพราะไวท์เป็นคนที่มาจากชิ้นส่วนเวหาที่มีกฎต่างกันแท้ๆ ?

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอจะมาคิดตอนนี้.. สิ่งที่เธอต้องทำคือ.. ทำสัญญากับเลทิเซีย..หากคำพูดของเลทิเซียเป็นจริงละก็

การที่เธอมีทักษะป้องกันตัวมากมายหลายล้านทักษะ มันดูแข็งแกร่งไร้เทียมทานก็จริง.. ถ้าพูดในแง่ผลลัพธ์คงเป็นแบบนั้น

เลทิเซียจะเป็นคนที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะฆ่าทุกคนบนแดนเทพเลยก็ว่าได้ ซิลเวียไม่มั่นใจว่าทำไมทักษะมากมายเหล่านี้ถึงมาอยู่ในตัวเลทิเซีย

ต่อให้เป็นเทพธิดาก็ไม่มีทางที่จะยัดทุกอย่างให้แน่ๆ .. บางทีคงมีใครสักคนบงการเรื่องราวทุกอย่างอยู่อย่างเงียบๆ ..

ใบหน้าของน้องสาวเลทิเซียผุดขึ้นมาในหัวของเธอ… เด็กคนนั้นเป็นคนที่ส่งพวกเธอมาที่แห่งนี้…

ซิลเวียไม่กล้าคิดไปมาก.. แต่จะว่ายังไงก็ตามแต่การที่เธอจะมท่องทักษะมากกว่าล้านทักษะออกมามันไม่สามารถทำได้แน่ๆ ..

อย่าว่าแต่พูดออกมาเลย ความลับทักษะทั้งหมดที่มีบนโลกนี้สมองเธอจะรับไหวแน่อย่างงั้นเหรอ..

ซึ่งเรื่องนี้เธอรู้ดีกว่าใคร… รู้ดียิ่งกว่าใครบนโลกนี้ว่ามันเป็นไปไม่ได้..

ดังนั้นสิ่งที่รอเธออยู่จึงมีแต่ความตาย..

เสียงกรีดร้องของซิลเวียดังกึกก้องไปทั่วทุกหนแห่ง.. ราวกับอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสรรพสิ่ง..

ราวกับเสียงร้องของเธอจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ทักษะต่างๆ ต่างพากันกรีดร้องในหัวของเธอมากมายอย่างไร้ที่สิ้นสุด

จนเปรียบเหมือนกับเสียงร้องเพลงอันไพเราะที่จะพัดพาจิตวิญญาณของเธอกลับคืนสู่ต้นกำเนิดของโลก

เสียงเพรียกร้องไห้มารดาแห่งความตาย กำลังกวักมือเรียกเธออู่.. นี่คือจุดสิ้นสุดของชีวิต.. นี่คือปลายทางของชีวิต..

จิตวิญญาณค่อยๆ แตกสลายไปพร้อมกับร่างกายที่มีเลือดไหลซึม.. ดวงตาที่มีเลือดไหลออกมา จมูก..ที่มีเลือดไหลออกมา..

และที่หูก็มีเลือดไหลออกมา..

ดวงตาของเลทิเซียเบิกกว้าง.. เธอพายามจะเข้าไปคว้าจับ.. แต่ทว่าวินาทีที่ซิลเวียผลักออกนั้นระยะห่างระหว่างเธอกับซิลเวียก็ห่างออกไป

เธอค่อยๆ หายไปในความมืด..

เลือดที่ไหลออกมาจากรูทวารทุกส่วนบนร่างกายไม่ใช่ความเจ็บปวดที่ซิลเวียเคยได้รับมาก่อนในชีวิต เพียงมองแวบเดียวเลทิเซียก็รู้..

“ไม่.. ไม่ ไม่ ไม่.. ซิลเวีย..เธอ..เธอ”

มือที่พยายามไขว่คว้าออกไปข้างหน้ากลับพบเจอเพียงระยะห่างอันไกลโพ้น.. คราวนี้กลับคว้าไม่ถึง.. มันห่างเกินไป.. มันห่างออกไป..

มันไม่ใช่แบบนี้.. มันไม่ควรเป็นแบบนี้..

เสียงกรีดร้องของซิลเวียทำเอาหูสองข้างเลทิเซียอื้ออึงเต็มไปด้วยความตะลึง.. ดวงตาของซิลเวียค่อยๆ มืดบอด

มือของเลทิเซียที่พยายามจะยื่นมาหาเธอ.. ดวงตาที่ใกล้จะมอดดับของซิลเวียมองเห็นฝ่ามือนั้นอย่างเลือนราง

มันมีหลายสิบมือ.. หูของดับสิ้นไปแล้ว..สมองเลอะเลือน.. ความทรงจำทุกอย่างที่ผ่านพ้นมาค่อยๆ ดับสลายหายไปพร้อมกับความว่างเปล่า

อาหารอร่อยๆ ..ที่กินกับเลทิเซีย

ของหวานๆ อร่อยๆ .. ที่กินกับเลทิเซีย..

วันนั้น… วันที่เดินทางมายังโรงเรียนลิเบอร์เมื่อห้าปีก่อน..

เธอได้ชิมอาหาร.. ได้หัวเราะ.. รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะรำคาญแต่ก็ตามใจเธอของเลทิเซีย.. มันค่อยๆ แตกสลายหายไปอย่างรวดเร็วและเชื่องช้า

มือที่ไร้เรี่ยวแรงค่อยๆ ยกขึ้นมาจับกับฝ่ามือที่พยายามจะเอื้อมมาของเลทิเซีย..

“ข้า…รักเจ้า..รักเจ้าจริงๆ ……ชื่อของเจ้าคือ…อะไรนะ”

ความรู้สึกมากมายหลากหลายระเบิดพรั่งออกมา… ความรู้เกี่ยวกับทักษะทั้งหมดที่ระเบิดโจมตีใส่หัวของซิลเวียรอดผ่านเข้าสู่ร่างกายของเลทิเซียราวกับน้ำป่าที่ไหลหลาก..

พลังเวทเฮือกสุดท้ายไหลเข้ามาผ่านฝ่ามือที่สัมผัสกันพร้อมกับคำถามที่อัดแน่นไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ.. ชื่อ..ของคนที่สำคัญที่สุดของเธอ..

ชื่อที่เธออมตายเพื่อแลกกับการช่วยเธอคนนั้น.. เธอ..ชื่อว่าอะไรนะ..

ร่างกายที่ไร้วิญญาณของซิลเวียร่วงลงอย่างไร้พลัง เลทิเซียรับเอาไว้…

แต่ทุกอย่างมัน..สายเกินไปแล้ว..

“……..อีกแล้ว..งั้นเหรอ..?”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท