บทที่ 345 – เพื่อนกันตลอดไป
ทันทีที่เท้าของเลทิเซียเหยียบย่างลงบนผืนแผ่นดินที่ไม่ได้สัมผัสมานาน สายตาของเธอกวาดผ่านไปทั่ว..
ที่แห่งนี้คือภายในเมืองหลวงของอาณาจักรอาเดฟเหมือนเดิมกับตอนที่เลทิเซียจากไปแท้ๆ แต่ในตอนนี้กลับไม่เห็นผู้คนที่มากมายหลากหลายท่าทางอีกแล้ว
อันที่จริงตอนนี้ยังเป็นตอนเช้าด้วย ดวงตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อย หากที่เธออยู่คือความว่างเปล่าจริงๆ หมายความว่าเธอต้องสามารถกลับไปปัจจุบันที่เธอเคยจากมาได้สิ
แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมขนาดนั้นนัก.. ทว่าเลทิเซียไม่ได้มีอารมณ์ไปใส่ใจเรื่องราวพรรค์นั้น
เลทิเซียใช้ความสามารถบางอย่างในการรับรู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์สิ่งของล้วนอยู่ในการรับรู้ของเธอทั้งสิ้น
พอไม่สามารถสัมผัสถึงเลวิเนียได้ เลทิเซียก็สับสนอยู่เล็กน้อย ไม่เพียงแค่นั้นดูเหมือนว่า.. แม้แต่ลูเซียโน่ก็ยังหาไม่เจอ
ทั้งที่เขาควรจะเป็นคนปกป้องดูแลเมืองแท้ๆ .. เลทิเซียไม่ได้พูดอะไรเธอเพียงก้าวขาเดินเข้าไปทางปราสาททันทีหลังจากที่ปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์เสร็จ
พอเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าปราสาทมีอัศวินสองคนยืนอยู่อย่างเคร่งขรึม อันที่จริงพวกเขาสวมชุดเตรียมพร้อมรบอยู่ตลอดเวลาด้วย
เรื่องนี้ทำให้เลทิเซียแปลกใจเข้าไปอีก แต่พอเธอเดินไปถึงก็ถูกเรียกให้หยุดลงก่อน
“ช้าก่อน.. เด็กผู้หญิงตรงนั้นน่ะ.. ที่นี่ห้ามเข้านะ”
อัศวินคนนั้นกล่าวขึ้น แต่พอพวกเขาเห็นหน้าเลทิเซียดวงตาก็เบิกกว้างสายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน
“อะ…องค์หญิง? ท่าน…”
“ขออภัยที่เสียมารยาท”
เลทิเซียไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่เดินเข้าไปในปราสาทเเผลอพริบตาเดียวเธอก็หายไปจากสายตาของอัศวินเหล่านั้น
พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างไรก็ตามก็เกิดคำถมขึ้นมามากมายในหัวพวกเขา
แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา พวกเขาล้วนทราบว่าเรื่องราวหรือข่าวต่างๆ นั้นไม่ใช่คนระดับพวกเขาจะสามารถเข้าถึงได้ทุกอย่าง
เลทิเซียที่เข้ามาในปราสาทก็สัมผัสได้เลือนรางว่า.. บางทีอัศวินในปราสาทเหล่านี้คงไม่รู้ว่าราชาของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่
แต่แน่นอนดูจากที่อัศวินหน้าประตูมีท่าทางตกใจและประหลาดใจทำให้เลทิเซียพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
บางทีเธอคงไม่ได้กลับมาในช่วงเวลาที่เธอจากไปทำให้ข่าวลือเรื่องการหายตัวไปของเธอแพร่กระจายไปทั่วแล้วละมั้ง..
พอคิดได้แบบนั้นเลทิเซียจึงหลีกเลี่ยงที่จะปรากฏตัวให้คนอื่นเห็น.. เธอกลับห้องตัวเองพร้อมกับรังสรรค์โลงศพสีขาวบริสุทธิ์ขึ้นมาสองโลงศพ..
ร่างของไวท์และร่างของซิลเวียถูกวางไว้ในนั้น… ดวงตาของเลทิเซียจ้องไปที่โลงศพของซิลเวียและไวท์..
“ด้วยพลังที่พวกเธอมอบให้.. ด้วยชีวิตที่พวกเธอช่วยเหลือนี้.. ฉันจะไม่ยอมสูญเสียอีกแล้ว”
เธอหยิบดอกไม้ดอกหนึ่งออกมาตอนที่เธอเดินผ่านสวนของเลเวีย.. เลเวียเป็นคนชอบดอกไม้นั่นเป็นธรรมดาที่เธอจะมีสวนดอกไม้
ดอกไม้ดอกนี้เป็นดอกไม้สีขาว.. บางทีในโลกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแห่งนี้สิ่งที่สวยงามท่ามกลางความเจ็บปวดอาจจะมีเพียงไม่กี่อย่าง
และดอกไม้นี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น ดอกไม้ที่ผลิบานเต็มไปด้วยภาษามากมาย แสดงถึงความรู้สึกขอบคุณ
แสดงถึงความรู้สึกเสียใจ แสดงถึงความรู้สึกรักใคร่.. เลทิเซียหยิบดอกไม้วางลงบนโลงศพของคนสำคัญทั้งสองของเธอ..
ก่อนที่เธอจะทรุดลงกับพื้นพร้อมกับพิงโลงศพของซิลเวีย..
ความเหนื่อยล้า.. ความเจ็บปวด.. ความเสียใจทั้งหมดมันถูกปิดผนึกไว้ในห้วงลึกของจิตใจอันเบาบางของเธอ..
เธอในตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าตนเองควรทำอย่างไร ร้องไห้..? เสียใจ..? สิ้นหวัง..? ความรู้สึกเหล่านั้นมันมากเกินกว่าไม่รู้จะแสดงออกมายังไง..
เธอทำได้เพียงแค่นั่งลงพร้อมกับเงยหน้าขึ้น.. ไร้ซึ่งคำกล่าว.. ไร้ซึ่งคำพูด.. มองเห็นเพดานที่คุ้นเคย
ทุกครั้งที่ลืมตาก่อนจะไปโรงเรียน นี่คือเพดานที่เธอเห็นมาตั้งแต่เกิด.. มือของเธอยกขึ้นไปเหนือหัวตัวเอง
มือของเธอมันเล็กมากหากเปรียบเทียบกับเพดานอันนี้.. ทุกอย่างมันช่างดูใหญ่เกินไป ใหญ่เกินกว่าฝ่ามือเล็กๆ ของเธอจะคว้าจับได้
เธอค่อยๆ ..วางแขนลงมาพาดบนใบหน้าเล็กๆ ของตัวเอง..
“แล้วฉันควรทำยังไงล่ะ.. ทำยังไงดีล่ะ”
หางตาของเธอมีหยดน้ำใสสะอาดไหลพาดผ่านลงไป.. ทุกอย่างมันเป็นความผิดของเธอ.. ตั้งแต่แรก.. ตั้งแต่แรกเลย..
ลบความทรงจำเซเรส.. ทำให้เธอได้ไปรู้จักกับสเตฟานี่และนำพาไปสู่ความเจ็บปวดอันไร้ทางต้าน..
ต้องเข่นฆ่ากันด้วยความโกรธแค้น.. ด้วยความเสียใจและสับสน.. สุดท้ายแม้แต่เซเรสที่หายไปยังไม่มีเธอคอยอยู่เคียงข้าง
โคลเอ้เองก็ถูกพามาพัวพันกับสถานการณ์อันเลวร้าย.. ทุกอย่างมันล้วนเริ่มต้นมาจากเธอ..
หรือแม้แต่อันน่าและชาร์ล็อตเป็นเพราะคำพูดอันเห็นแก่ตัวของตัวเธอเองทำให้ทั้งสองคนต้องพบเจอเรื่องราวที่โหดร้ายยิ่งกว่าอะไร
เธอเกิดมาทำไม.. เกิดมาเพื่อทำให้ทุกคนบนโลกนี้มีชีวิตที่ย่ำแย่กว่าเดิมงั้นเหรอ.. แล้วทำไมกันล่ะ..
ทำไมพอมารู้สึกตัวทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว… ทั้งซิลเวียและไวท์เองก็เหมือนกัน.. แม้แต่นิลเองก็ด้วย
ทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอ……
“ไม่หรอกนะ”
เสียงอันคุ้นเคยที่ไม่ได้ยินมานานพลันดังขึ้นในหัวของเธอ.. เลทิเซียหันไปด้านหลังก็พบกับหญิงสาวที่เคยลาจากกันไปเมื่อห้าปีก่อน..
สเตฟานี่.. เธอยืนมองเลทิเซียอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลหมอก.. ริมฝีปากเล็กๆ ของเธอนั้นค่อยๆ เปิดออก
“ข้าน่ะ.. ตั้งแต่วันที่ถูกเลทิเซียช่วยเอาไว้ ข้าไม่เคยคิดว่านั่นคือความโชคร้ายของตัวเองหรอกนะ”
“ฉันน่ะ.. ไม่ควรได้รับคำพูดแบบนั้นหรอก”
เลทิเซียก้มหน้าลงพูดขึ้น.. แต่ทว่าเสียงอันคุ้นเคยอีกเสียงก็ดังขึ้น..
“ข้าเองก็เหมือนกัน หากไม่ได้เจอเจ้าในวันนั้นบางทีข้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รู้จักกับสเตฟานี่เลยด้วยซ้ำ.. บางทีข้าในตอนนี้อาจจะเป็นโจรชั่วที่ข้ารังเกียจที่สุดอยู่ก็ได้.. แล้วชีวิตแบบนั้นข้าจะไปต้องการมันทำไมล่ะ?”
“เซเรส…”
ร่างของเซเรสค่อยๆ ปรากฏขึ้นข้างกายของสเตฟานี่เช่นกัน ดวงตาเธอมองตรงมายังเลทิเซียทำให้เธอไม่สามารถกล่าวคำอะไรออกมาได้
“เหอะ เจ้าคิดว่าข้าจะเสียสละเพื่อเจ้าเหรอ ที่ข้าทำไปเพื่อชาร์ล็อตต่างหาก และข้าก็ไม่ได้อยากให้เจ้าเสียใจเรื่องข้าด้วย.. เพราะ…”
ร่างของอันน่าที่มีหน้าตาเหมือนชาร์ล็อตทุกประการปรากฏขึ้น แต่ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยท่าทางที่ดุร้ายกว่าชาร์ล็อตไปเยอะมาก
“เพราะ..ข้าไม่ต้องการเห็นคนที่ตัวเองชอบเสียใจหรอก…”
“อันน่า…”
เธอกล่าวแบบนั้นเสร็จมันก็ทำให้เลทิเซียหัวเราะออกมาเบาๆ .. เธอรู้ว่านี่เป็นความฝัน.. ความฝันที่เธอคิดขึ้นมาเพื่อเข้าข้างตัวเอง..
เธอมันเห็นแก่ตัวไม่มีผิด.. เป็นแบบนี้อยู่ตลอดเอาเรื่องตัวเองไว้ก่อน ใช้ความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งในการตัดสินใจให้คนอื่น
มือของเธอกำเป็นหมัด.. อย่างไรก็ตามบนเรือลำหนึ่งที่อยู่ห่างจากเลทิเซียไม่มากนั้นมีร่างของไวท์และซิลเวียยืนอยู่..
ซิลเวียส่ายหน้าเบาๆ .. เธอจับมือทั้งสองข้างของเลทิเซียขึ้นมา
“จริงอยู่ที่นี่อาจจะเป็นเพียงแค่ความฝันของเจ้า.. แต่ว่าความจริงที่ว่าเจ้าน่ะเสียใจเพื่อข้า..หรือเพื่อคนอื่นๆ ได้.. นั่นก็เพียงพอแล้วล่ะ”
“คนที่เสียใจเพื่อคนอื่นได้ โกรธเพื่อคนอื่นได้น่ะ.. สำหรับข้าคือคนที่เท่ที่สุดแล้วล่ะ.. เพราะงั้นนะ.. ไม่ว่าจะเจออะไรเจ้าก็ไม่ควรยอมแพ้นะ”
“เส้นทางของเจ้าน่ะ.. เส้นทางของเจ้ายังคงทดยาวต่อไปได้อีก.. ลาก่อนนะ เลทิเซีย.. พวกเราจะเป็นเพื่อนกัน.. ตลอดไป”