การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 348

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 348 – สตรีสีขาว

ร่างของเลทิเซียเคลื่อนที่ผ่านอากาศด้วยความเร็วอันสูงล้ำกว่าทุกความเร็วบนโลก.. สำหรับเธอในยามนี้แล้วทวีปแห่งนี้ช่างเล็กกระจ้อยร่อย

เพียงแค่พลิกฝ่ามือก็สามารถดับทำลายทุกอย่างได้แล้ว..มันเป็นแบบนั้นจริงๆ .. นอกทวีปมีทะเลสีครามทอดยาวอย่างไร้ที่สิ้นสุด

และโลกนี้ควรจะเป็นดาวเคราะห์.. แต่เหมือนจะไม่ใช่โลกแห่งนี้นั้นไม่ใช่ทรงกลม แต่มันทอดขยายออกไปอย่างไม่มีจุดจบ

เหมือนดั่งจักรวาลอันไกลโพ้น ทุกชั่วขณะจะมีทวีปใหม่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับเผ่าพันธุ์มากมายอีกหลายเผ่าพันธุ์ไม่อาจมานับจำนวนได้

ดินแดนแห่งนี้ไม่ควรถูกเรียกว่าเป็นดาวเคราะห์.. เพราะมันไม่ใช่ดาวเคราะห์หากแต่เป็นดินแดนไร้ขีดจำกัด

มีทั้งทะเล มีทั้งเกาะและสิ่งมีชีวิตอีกมากมายอยู่นอกพื้นที่แห่งนี้.. ท้องฟ้าสีครามเหนือหัวนั้นข้างนอกเหมือนจะไม่ใช่อวกาศ

แต่เป็นบางสิ่งบางอย่างที่กว้างขวางยิ่งกว่าโลกแห่งนี้.. เบื้องนอกนั้นคงเห็นสถานที่แห่งนี้ไม่ต่างจากปุยฝุ่น เพียงมือข้างเดียวก็ดับทำลายทุกสิ่งอย่างได้

และนั่น..คือดินแดนแห่งเทพธิดา..

แต่แม้เลทิเซียจะเข้าใจว่าเทพธิดาทุกควรล้วนสามารถทำลายดินแดนแห่งนี้ได้ แต่ก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด..

พวกเขาทุกคนมีพลังเพียงพอที่จะสร้างสถานที่คล้ายแบบนี้และทำลายสถานที่คล้ายแบบนี้ได้ก็จริง..

แต่ที่แห่งนี้เหล่าเทพไม่อาจทำอะไรมันได้.. เพราะเพียงแค่พริบตาที่เลทิเซียเหยียบอยู่บนโลกนี้เธอก็สัมผัสได้ทันทีว่า..

ดินแดนแห่งนี้คือจุดศูนย์รวมทุกสิ่งทุกอย่าง.. ต้นกำเนิดแห่งนี้มีเส้นเวลาคู่ขนานอีกมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ละก็

ดินแดนแห่งนี้.. ช่วงเวลา ณ เวลานี้ก็เป็นเหมือนหลุมที่ดึงเอาเส้นเวลา ความเป็นไปได้ โลกทุกใบเลือนรางผสานมายังดินแดนแห่งนี้..

หากจะอธิบายให้เห็นภาพละก็ .. หากมีเส้นอยู่สิบเส้น สมมุติว่าโลกนี้คือเส้นที่ห้า แต่ละเส้นล้วนมีอดีตหรือจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันโดนสิ้นเชิง

ไม่ว่าจะเป็นต้นเหตุหรือผลลัพธ์ล้วนแตกต่างกัน.. แต่ทว่าเส้นเหล่านั้นยังมีช่วงเวลาหนึ่งที่ถูกดูดดึงเข้ามาอยู่ในเส้นที่ห้าที่เป็นโลกแห่งนี้นั่นเอง..

ซึ่งปรากฏการณ์นี้เลทิเซียเรียกมันว่า ‘จุดผสานของกาลเวลา’

อาจจะเป็นเพราะแบบนั้นเหล่าทวยเทพถึงไม่สามารถยุ่งอะไรบนโลกใบนี้ได้… และพอพวกเขาลงมายังดินแดนแห่งนี้..

พลังยิ่งถูกกดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด.. ราวกับว่าการดำรงอยู่ที่สูงกว่าของพวกเหล่าเทพนั้นมีบางอย่างถูกลบออกไป..

และนั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เลทิเซียสามารถรับรู้ได้ในยามนี้…

เพราะเธอในตอนนี้…

อยู่เหนือกว่าทุกอย่างที่ว่ามาข้างต้นทั้งหมด..และเหนือกว่าต้นกำเนิดแห่งนี้เสียด้วยซ้ำ

แต่เรื่องแบบนั้นในตอนนี้เธอหาได้สนหรือไม่.. เพราะความกลัวที่จะสูญเสียชาร์ล็อตไปนั้นมันทำให้เธอต้องพยายามหาวิธีแปรเปลี่ยนเรื่องราวทั้งหมดในตอนนี้..

พยายามจะเปลี่ยนกฏของโลกใบนี้.. พยายามจะเปลี่ยนแปลงความจริงที่กำลังจะเกิด แม้เธอจะยังไม่เห็นร่างของชาร์ล็อตด้วยซ้ำ

แต่ทว่าเธอกังวลนี่น่า.. กังวลว่าจะสูญเสียไปอีก..ทุกๆ คน..

มือไม้ของเลทิเซียสั่นสะท้าน.. ก่อนที่สายตาเธอจะไปหยุดอยู่ที่สถานที่แห่งหนึ่งในเมืองของอาณาจักรมิราลิส

ไม่สิ.. ตอนนี้ต้องเรียกว่าจักรวรรดิมังกร

ท่ามกลางสถานที่ประลองนั้นตรงกลางลานกว้างมีกิโยตีนขนาดใหญ่วางอยู่ พร้อมทั้งคนจำนวนมากที่กำลังยืนอยู่รอบด้าน

พวกเขาเหล่านี้ล้วนมีท่าทางเศร้าโศกเสียใจอย่างถึงที่สุด..แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะชาร์ล็อตที่กำลังจะตายอย่างแน่นอน

เพราะภายใต้ความเศร้าโศกเสียใจนั้นภายในดวงตายังเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ได้รับการชำระไปมากแล้ว..

ซึ่งสาเหตุมาจากการประหารที่ไม่มีใครหยุดได้เบื้องหน้านี้.. แต่สายตาของเลทิเซียนั้นไม่สนใจพวกคนเหล่านี้กันสักคน

สายตาเธอหันไปทางเดินที่ขึ้นไปยังบนแท่นประหารกิโยติน ตรงนั้นมีคนสองคนที่จับชาร์ล็อตซึ่งในยามนี้มีสีหน้ามืดทะมึนราวกับปีศาจร้ายไม่มีผิด

เสื้อผ้าของเธอขาดวิ่น บาดแผลทั่วทั้งร่างเห็นได้ชัดว่าถูกซ้อมอย่างหนักมาก.. ดวงตาบวมเขียวน่ากลัว..

ผิวซีดร่างกายผมแห้งอย่างถึงที่สุด..

“ชาร์ล็อต…”

เลทิเซียพุ่งตรงดิ่งไปยังชาร์ล็อตด้วยความรวดเร็วทั้งหมดเท่าที่จะทำได้ เพราะหากเป็นเธอแล้วละก็.. เพียงแค่ความเร็วของเธอนั้น

ก็สามารถสังหารทุกผู้ทุกคนบนโลกได้โดยไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ.. แต่ทว่าเพียงพริบตาที่เธอขยับเข้าใกล้นั้นเอง..

“เฮ้อ..”

เสียงถอนหายใจอันแผ่วเบานี้ที่ไม่มีใครได้ยินเพราะว่ามันเบาจนเกินไป แต่มันกลับดังสะท้อนชัดเจนข้างหูเลทิเซีย

ไหล่ของเธอพลันถูกกดลงอย่างรุนแรงและเบาบางแต่พริบตาที่ไหล่เธอถูกสัมผัสร่างกายเธอก็ดิ่งลงพื้นอย่างรุนแรง

แต่ไม่มีแม้กระทั่งเสียงกระแทก..หรือแม้แต่เสียงอะไรทั้งสิ้นคนไม่หันมาสนใจสักคน ทว่าร่างกายเลทิเซียกลับเจ็บปวดอย่างไม่คาดคิด

“ทำไม..”

เธอตกใจมากต้องเข้าใจว่าที่นี่คือภายในต้นกำเนิด.. ต่อให้เธอไม่ได้ใช้ทักษะสักอย่างแต่ก็ยังมีการสะท้อนการโจมตีทุกรูปแบบที่รับมาจากอามาเระ..

“อามาเระ..”

เลทิเซียพยายามจะร้องเรียกแต่กลับไม่ได้มีเสียงตอบรับเรื่องนี้ทำให้เลทิเซียสับสนและกังวลอยู่ไม่น้อย

ทว่าหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวเท้ามายืนอยู่ข้างๆ เลทิเซีย.. เธอมีผมสีขาวยาวราวกับเทพธิดาไม่มีผิด ดวงตาสองสีที่มีสีแดงกับสีขาวตัดสลับกันนั้น

มันดูราวกับเป็นตัวละครมาสคอตที่หลุดมาจากโลกในนิยาย.. เลทิเซียในยามนี้ไม่ใช่คนเดิมเพียงแค่มองพริบตาเดียวเธอก็จดจำได้เลยทันทีว่าคนคนนี้คือใคร

เธอคือผู้หญิงที่ถูกอาจารย์ชิสุเรียกว่า ‘ริวคุง’ และเป็นคนที่เลทิเซียเจออยู่ในกระท่อมน้อยหลังนั้นเมื่อหลายปีก่อน!!

“ทำไม…เธอถึง…”

ผู้หญิงผมสีขาวเธอหันมามองเลทิเซียด้วยสายตาสงบนิ่ง.. สายตานั้นราวกับมองทะลุทะลวงเข้าไปถึงจิตวิญญาณรากค้นของเลทิเซีย

และราวกับนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สนใจจะมองใครจริงๆ นอกจากอาจารย์ชิสุคนนั้น.. สายตาของเธอไม่ได้สนใจใครบนโลกนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว

และในขณะที่เลทิเซียสงสัยว่าทำไมตนเองถึงไม่สามารถตอบสนองได้ทัน พอสายตาของหญิงสาวคนนี้จ้องมองมานั้น

ที่อยู่ตรงหน้าเลทิเซียไม่ใช่เด็กผู้หญิงอีกต่อไป.. แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ราวกับอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้..

ความหวาดกลัวจากเบื้องลึกของจิตใจมันส่งผลออกมา.. แต่ทว่าในตอนนั้นเองเสียง ‘แกรก’ ก็ดังขึ้นจากด้านบนลานประลอง

เลทิเซียหันควับไปทันที คอของชาร์ล็อตถูกวางไว้บนกิโยติน.. พร้อมกับเสียงด่าทอของผู้คนก็ดังขึ้น

“ฮ่าๆ .. ตายไปซะไอ้ขี้ข้า”

“บังอาจมาลักพาตัวลูกเมียข้า..สมน้ำหน้าขอให้แกตายไปพร้อมกบพระเจ้าของแกนั่นแหละ”

“สวรรค์มีตาอย่างแท้จริง ที่กำจัดพวกชั้นต่ำแบบนี้ออกจากโลกไปได้”

ดวงตาเลทิเซียหรี่เล็กลง เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้วจะใครหน้าไหนก็ช่าง เธอลุกขึ้นพร้อมกับพุ่งบุกทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า

มันควรจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ .. แต่ทว่ามืออันเรียวบางข้างหนึ่งก็คว้าจับที่แขนของเธอเอาไว้ทำให้ร่างของเธอแข็งข้างอยู่กลางอากาศ

“เธอคิดจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ”

เลทิเซียตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เธอไม่กล้าที่จะเสียเวลาเธอรู้ว่าบุคคลตรงหน้าแข็งแกร่งขนาดไหนเพียงแค่มอง

ดังนั้นพริบตาที่เธอตะโกนนั้น บนฝ่ามือก็ปรากฏท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอลูกบาศก์สีดำสนิทปรากฏขึ้นส่งผลให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน

พลานุภาพของมันแข็งแกร่งเพียงพอที่จะ…ทำให้ทุกอย่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย..และ..สัมผัสได้อย่างเลือนรางว่า..

เลทิเซียสามารถควบคุมมันได้แทบทั้งหมดแล้ว และพลังที่เธอใส่ไปคือพลังทั้งหมด.. เพื่อหวังจะกำจัดอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง

ท่านี้..คือท่าที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับเลทิเซียอย่างแท้จริง..

สายตาของหญิงสาวผมสีขาวมองไปที่ลูกบาศก์นั้นพร้อมกับ..เป่าออกไปเบาๆ ..

พลังทั้งหมดที่เลทิเซียปลดปล่อยออกมานั้น……

กลับกลายเป็นสายลมซะอย่างนั้น!!!

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท