การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 350

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 350 – เผ่าอสูร

แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของชาร์ล็อตต้องเป็นจักรพรรดิมังกรที่พึ่งสถาปนาขึ้น ต้นตอแห่งความชั่วร้าย

ความเกลียดชังที่บ้าคลั่งของเธอตกอยู่ที่คนเหล่านี้ ไม่บอกว่าเธอถูกแต่ก็ไม่บอกว่าเธอผิดเหมือนกัน มันก็เหมือนกับเหรียญที่มีสองหน้านั่นแหละ

แต่แน่นอนว่าเมื่อเธอลงมือในฐานะผู้ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าที่เลือนรางตามศาสนจักรนั้น ก็ต้องถูกนับว่าเป็นพวกเดียวกับมัน

เธอได้ลงมือลอบสังหารคนของจักรวรรดิไปมาก และยังมีหลายคนที่ถูกเธอลอบสังหารซึ่งมีบทบาทสำคัญในจักรวรรดิมังกร

จนเธอถูกเรียกขานในนามว่า ‘เทพธิดาสังหาร’ (l’ange de l’assassinat ) แน่นอนว่าภายใต้ความโกรธและความเกลียดชังของเธอนั้นต้องตกเป็นเป้า

และตกเป็นที่รังเกียจของคนหมู่มากเช่นกัน ยิ่งผสมผสานกับศาสนจักรเป็นสถานที่ที่ชั่วร้ายไปแล้วในยามนี้

กลายเป็นว่าโลกได้ย้อนกลับไปในยุคที่มีการล่าแม่มดเกิดขึ้น.. โลกในตอนนี้ถูกแบ่งพรรค์แบ่งฝ่ายหลักๆ ออกเป็นหกฝ่าย

ฝั่งจอมมาร.. สถานการณ์ไม่สู้ดีของทั่วผืนทวีปทำให้พวกเขาต้องร่วมมือกันและสร้างสนธิสัญญาปากเปล่าขึ้นมา

ดูแลเขตการปกครองสร้างพันธมิตรเพื่ออยู่รอด.. เหล่าผู้กล้าที่แข็งแกร่งก็ร่วมมือกันสร้างอาณาเขตดูแล

ยังดีหน่อยที่พวกเขามีสภาสูงสุดมาตั้งแต่แรกแล้ว สถานการณ์จึงง่ายดายกว่าฝั่งเผ่ามารไปมากมายนัก

ฝั่งโรงเรียนทั้งห้า.. ฝั่งโรงเรียนทั้งห้าที่ยังเหลือรอดมาได้ทุกวันนี้เพราะบารมีเก่าทั้งสิ้น ผู้อำนวยการทั้งห้าได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย

แต่ก็ไม่มีคนกล้าบุกเข้าไปเพราะกลัวว่านี่เป็นแผนหลบซ่อนหาตัวคนชั่ว และยังมีข่าวลือเล็กๆ ที่หลุดออกมาจากโรงเรียนทั้งห้าด้วยว่า

ทุกโรงเรียนมีศาสตราวิเศษที่แข็งแกร่ง ทำให้โรงเรียนยังอยู่รอดได้ถึงทุกวัน แต่ก็ไม่รับคนเพิ่ม และเมื่อเรียนจบพวกเขาก็จะกลับอาณาจักรตนเอง

นี่จึงเป็นยุคสิ้นสุดสถานที่ที่เรียกว่าโรงเรียนอย่างแท้จริง.. ฝ่ายที่สี่ที่พึ่งโดดเด่นช่วงชิงพื้นที่สังหารทุกคนที่บุกรุก..

ไม่เว้นว่าจะมาจากเผ่าไหน.. ขนาดเผ่าตัวเองที่อยู่นอกดินแดนพอกลับมาโดยไม่ได้รับอนุญาตยังถูกฆ่าเลย..

นั่นคือเผ่ากึ่งมนุษย์.. ใช่แล้ว.. ราชาแวมไพร์ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วนั่นเอง การปรากฏตัวของมันนั้นทำเอาทุกคนหวาดผวา

แต่เพราะมีข้อจำกัดทางร่างกายที่ออกสู่โลกภายนอกตอนกลางวันไม่ได้.. อีกทั้งลูกหลานของมันต่างพากันสูญสิ้นไปจนหมด

ทำให้ไม่สามารถบุกรุกผู้อื่นได้ก็จริง แต่ยังแข็งแกร่งหากมีใครบุกรุกพื้นที่ของมันทุกคนล้วนตกตาย!

ฝ่ายที่ห้าคือจักรวรรดิมังกรที่กำลังคืบคลานกัดเซาะทวีป นี้พยายามจะปกครองทวีปด้วยมือของตนเอง..

และสุดท้ายคือศาสนจักรโอโรโบรอส.. นี่คือโลกในยามนี้ แน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านี้เลทิเซียพอจะเดาออกตั้งแต่เห็นสถานการณ์บนโลก

ผสมกับอีกฝ่ายที่บอกว่าเวลาผ่านมาแล้วห้าปีนั่นเอง..

อย่างไรก็ตามเรื่องราวเหล่านี้สำหรับเลทิเซียแล้วจะเป็นยังไงก็ช่างเพราะเธอในตอนนี้พยายามจะช่วยเหลือชาร์ล็อต

ไม่ว่าเธอจะทำอะไร.. ไม่ว่าเธอจะฆ่าไปมากแค่ไหน… แต่.. ขนาดคนที่พรากชีวิตคนทั้งอาณาจักรไปอย่างเธอยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้

แล้วชาร์ล็อตทำไมจะไม่ได้ล่ะ

“ไม่ว่ายังไงฉันก็จะช่วยชาร์ล็อตให้ได้”

เลทิเซียตะโกนออกมาด้วยความไม่ยินยอม แต่ทว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจจะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของเธอคนนี้ได้

เวลาก็ยังคงไหลผ่าน สายตาเลทิเซียจ้องไปทางชาร์ล็อต ที่กำลังจะถูกประหารต่อหน้าเธอ..

ยิ่งเวลาไหลผ่านไป ความตายของชาร์ล็อตก็ยิ่งคืบคลานเข้ามาใกล้ เธอยิ่งร้อนรนในใจ..

“เทพธิดาสังหาร สัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายที่ขัดขวางเส้นทางที่จะรวมโลกให้เป็นหนึ่งของจักรวรรดิเรา”

“ต้นตอแห่งความชั่วร้าย.. นี่คือผลลัพธ์ที่ขัดขวางความยุติธรรมของพวกเรา”

“เพชรฆาต… ลงดาบ!!”

เสียงคนคนหนึ่งดังขึ้น เพชฌฆาตก็ใช้คมดาบในมือเหวี่ยงตัดออกไปใส่เชือกดังกล่าวทันที

“ไม่!!!!”

เลทิเซียตะโกนออกมาด้วยความร้อนรน เวลานั้นราวกับไหลช้าลง ใบหน้าซีดเซียวของชาร์ล็อตหลับตาลง..

สิ่งสุดท้ายที่เธอนึกถึงคือใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเลทิเซียเมื่อห้าปีก่อนก่อนที่เธอจะหายตัวไป..

เธอยิ้มด้วยสีหน้าเฝื่อนซึ่งบางทีคงมีแต่ชาร์ล็อตที่มองออกว่านั่นคือใบหน้าที่เลทิเซียพยายามจะแสดงออกมาให้คนอื่นได้เห็นหรือรับรู้

ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใบหน้ายิ้มแย้มของเธอนั้นคือความสับสนและลังเลใจ.. ใช่แล้ว เลทิเซียคือคนที่ชาร์ล็อตอยากจะอยู่เคียงข้างเพื่อตัวเอง..

และก็เพื่อที่จะเป็นคนคนนั้นให้เลทิเซีย คนที่คอยเข้าใจเลทิเซียและสนับสนุนเธออยู่ด้านหลัง.. คอยลูบหัวของเธอ คอยรับฟังเวลาที่เธอเหนื่อย..

“เดี๋ยวข้า.. ก็จะไปหาเจ้าแล้วนะ”

เธอกล่าวกับตัวเองเช่นนั้น.. ดวงตาของเลทิเซียเบิกกว้างพร้อมกับตะโกนเสียงดัง ทว่ากลับไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอ

“ไม่.. ปล่อยฉันเถอะ.. ปล่อยฉันที.. ฉันขอร้อง.. ฉันขอร้อง..”

ความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นความว้าวุ่นและกลายเป็นความไร้ทางต้านเลทิเซียหันมาขอร้องหญิงสาวผมสีขาวทั้งน้ำตา

ไม่มีใครรู้เลยว่าจิตใจของเธอในยามนี้เจ็บปวดขนาดไหน.. เธอไม่เหลือใครแล้ว.. บนโลกนี้เธอแทบไม่เหลือใครแล้วจริงๆ …

เพราะงั้น.. ได้โปรด…

“ได้โปรดปล่อยฉันทีเถอะ…”

เลทิเซียพูดทั้งน้ำตา.. หญิงสาวผมสีขาวดวงตาสองสีนั้นจ้องมองไปที่เลทิเซียด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง..

เธอเข้าใจอารมณ์ของหญิงสาวตรงหน้านี้ดีกว่าใคร.. เพราะครั้งนั้นเธอเองก็เจ็บปวดเหมือนกัน เจ็บปวดที่ได้สูญเสียคนสำคัญของตนเอง

สายตาที่เลทิเซียมองมาที่เธอนั้นมันเหมือนกับสายตาที่เธอมองไปที่คนที่ควบคุมทุกอย่างได้อย่างพระเจ้า..

จะว่าไป…เธอในตอนนี้ก็เป็นตัวตนแบบนั้นผู้ที่รังสรรค์ทุกสิ่ง.. และบัดนี้ก็มีคนขอร้องเธอเช่นที่เธอเคยขอร้องพระเจ้า..

ได้โปรดช่วยเธอคนนั้นด้วย..

สายตาของหญิงสาวผมสีขาวนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์อันมากมายยากที่จะบรรยายได้.. อย่างไรก็ตามในตอนที่เธอขอร้อง

พระเจ้าหาได้สนใจสิ่งมีชีวิตตนเดียวเช่นเธอไหม… และเธอเองในตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจหรือสงสารเลทิเซียที่ขอร้องอ้อนวอนเธอเช่นกัน

หญิงสาวผมสีขาวปล่อยมือออกจากแขนเลทิเซียเบาๆ .. แต่ทว่าพริบตานั้นเลทิเซียพยายามจะก้าวเท้าไปข้างหน้ากลับพบว่าไม่อาจเดินไปได้

“ฉันบอกไปแล้วว่า.. เรื่องราวนี้ฉันได้กำหนดว่าเธอต้องเป็นผู้ชม ไม่ว่าจะทำอะไรไปก็ไร้ความหมาย..”

“เธอในตอนนี้เหมือนกับฉันในตอนนั้นไม่มีผิด หากไม่ใช่คำขอของสึกุฉันก็ไม่คิดจะเหยียบย่างมาที่แห่งนี้หรอก”

“เอาเถอะ… ถึงแบบนั้นสิ่งที่ฉันพูดไปเธอเองก็รู้แล้วตั้งแต่แรกนั่นแหละ..ว่า..”

“ไม่ว่าเธอจะพยายามไปแค่ไหน.. ภาพตรงหน้าก็เป็นได้แค่การฉายซ้ำของประวัติศาสตร์จากโลกของเธอนั่นแหละ”

พอคำพูดคำนั้นหลุดออกมาจากปากของหญิงสาว ร่างกายของเลทิเซียหยุดชะงัก.. ปากเลทิเซียพูดขึ้น

“นี่เธอหมายถึงเรื่องอะไรกันน่ะ..”

หญิงสาวผมสีขาวไม่ได้มองเลทิเซียแต่มองไปที่ชาร์ล็อต..ปากของเธอค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ

“เธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ.. ตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน.. ทันทีที่เพื่อนคนนั้นของเธอแนะนำว่าตนเองเป็นเผ่าอสูรประเภทมนุษย์มีชื่อว่า…”

“มารี-อาน ชาร์ล็อต เดอ กอร์แด ดาร์มง ”

“ชื่อแบบคนฝรั่งเศส.. เทพธิดาสังหารก่อนที่จะยุคสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัวของฝรั่งเศส”

“ผู้ที่ตายใน ปีเดียวกันกับ มารี อ็องตัวแนต.. ด้วยกิโยตีน”

“ชาร์ล็อต กอร์แด น่ะ”

เสียงของหญิงสาวผมสีขาวดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าผ่าที่ผ่าลงกลางอกของเลทิเซีย ใช่แล้ว.. เธอรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว

ความลับของเผ่าอสูรนั้นเธอรู้ดีกว่าใคร..

“จุดผสานของกาลเวลา”

“ไม่ใช่ปัญหาระดับต้นกำเนิด.. แต่เป็นปัญหาระดับ ‘ฟิคชั่น’ เกิดจากการที่ ฉัน.. เธอและโรส.. มาอยู่ในโลกแห่งนี้พร้อมๆ กัน”

“ส่งผลให้โลกเดิมของเราถูกดึงดูดเข้ามายังจุดผสานของกาลเวลา เกิดเป็นเผ่าอสูรอันลึกลับ.. ไม่สิ จะพูดให้ถูกก็คือ การฉายซ้ำของประวัติศาสตร์”

“จะ โอโฮริ ทสึรุ.. ก็ดี ไม่สิ ควรเรียกว่า ทสึรุฮิเมะ ผู้ที่เปรียบดั่งโจน ออฟ อาร์คของญี่ปุ่น”

“ทสึรุฮิเมะนั้นเสียชีวิตเพื่อปกป้องปราสาทจนตัวตายพร้อมนักรบหญิงอีกสามสิบสี่คนหลังได้รับข่าวว่าสามีเสียชีวิต”

“ชาร์ล็อตกอร์แด สังหารคนหัวรุนแรงก่อนจะโดนประหารหลังจากนั้นสี่วัน”

ดวงตาของเลทิเซียเบิกกว้าง หัวใจสั่นสะท้าน.. มือสองข้างสั่นสายตาของเลทิเซียหันไปมองชาร์ล็อตที่อยู่ห่างไกลออกไป

และราวกับโชคชะตาฟ้าลิขิต สายตาของชาร์ล็อตเองก็หันมาประสบพบเจอกับเลทิเซียเช่นกัน.. คมดาบของกิโยตีนกำลังร่วงลงมา..

ในตอนแรกชาร์ล็อตเธอเบิกตากว้างเต็มไปด้วยความตกใจ.. แต่ยังไม่ทันได้ดีใจนั้นคมดาบก็ตัดฉับลงบนคอของเธอ

ทำเอาหัวเธอหลุดลอยกระเด็นออกจากบ่านั้น.. สีหน้าที่ตกตะลึงก็กลายเป็นรอยยิ้ม.. ปากที่เปิดขึ้นนั้นไร้เสียงโดยสิ้นเชิง

“โชคดีจริง..ที่เจ้าไม่เป็นอะไร เลทิเซีย”

“อ่า.. อ่า…ไม่.. ไม่!!!”

“มันต้องไม่ใช่แบบนี้ อ้ากกกกกกก”

………….

[ทุกอย่างน่ะ ถูกกำหนดฉากจบมาไว้ตั้งแต่ตอนที่พวกเธอปรากฏตัวในเรื่องแล้วสินะ – ผู้เขียน]​​​​

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน