บทที่ 354 – เทพผู้สร้างและมารดาแห่งสรรพสิ่ง?
“อะไรนะ?”
พอกล่าวแบบนั้นเลทิเซียที่ราวกับหมดไฟกับชีวิตก็ผุดลุกขึ้นมาทันที เธอจ้องเขม็งไปที่อาจารย์ชิสุด้วยสายตาราวกับจะกลืนกิน
ช่วยเหลือ.. มันมีวิธีช่วยเหลือคนจากความตายได้ด้วยเหรอ.. ไม่ใช่ว่าเลทิเซียไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าความตาย
อันที่จริงตลอดห้าปีที่ผ่านมาเธอศึกษาวิธีชุบชีวิตคนที่ตายกลับมาแล้วมากมายหลากหลายวิธี แต่ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เปล่าประโยชน์
การชุบชีวิตคนตายล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้ นั่นคือกฎทุกทุกคนล้วนแล้วแต่จำเป็นต้องตาย
ไม่ว่าใครก็ไม่อาจฝืนฟ้าลิขิตนี้ได้ ถึงในตอนแรกเลทิเซียจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ได้รับการปลดผนึกพลังของทักษะทั้งหมด
มันมีอยุ่ลายทักษะที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมดวงวิญญาณ.. ซึ่งมันทำให้เลทิเซียได้รู้ถึงความจริงบางอย่างเกี่ยวกับโลกใบนี้….
สิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกนี้ ทั้งคน สัตว์ ต้นไม้ พืชหญ้าหรือดอกไม้.. ทุกอย่างล้วนมีสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณ
หากร่างกายคือกายหยาบที่ทำให้เราสัมผัสถึงโลกแห่งความจริง จิตวิญญาณก็เหมือนเปลือกข้างในที่ทำให้เราสวมใส่กายหยาบ
ซึ่งการเชื่อมโยงระหว่างกายหยาบและดวงวิญญาณคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ชะตากรรม’ ที่แสนสำคัญนี้..
ชะตากรรมมิได้เกิดขึ้นแค่การที่วิญญาณเข้ามาสถิตอยู่ในกายหยาบ.. แต่ยังเป็นการสลักตัวตนลง..
วิญญาณของเลทิเซียที่ดำรงอยู่ในกายหยาบของเลทิเซียได้ เพราะคนคิดว่านี่คือเลทิเซีย.. เลทิเซียคือคนตรงหน้านี้ คือคนที่เคยขี้ระแวงตรงหน้านี้
คือคนที่สูญเสียคนสำคัญไปมากมายนี้.. ส่งเหล่านั้นหลอมรวมกันเป็น ‘เหตุและผล’ ก่อกลายเป็นชะตากรรมที่ว่า..
เลทิเซียก็คือเลทิเซียนั่นเอง.. แน่นอนว่าเมื่อมีต้นเหตุก็ต้องมีผลลัพธ์.. หมายความว่าปัจจัยที่การดำรงอยู่ของเลทิเซียยังคงอยู่ได้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับเหตุและผล
เช่นว่า พ่อแม่ของเลทิเซียให้กำเนิดเลทิเซียขึ้นมา นั่นคือเหตุ.. และผลลัพธ์ของพ่อและแม่เธอคือ การที่เลทิเซียได้มีอยู่ทุกวันนี้ก็คือผลลัพธ์ของเหตุผลดังกล่าว
ใช่ทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนแต่งแต้มไปด้วยสิ่งที่เรียกว่าเหตุและผลหรือชะตากรรม ซึ่งหากถูกกำกับว่าเหตุนั้นไม่มีมาตั้งแต่แรก
ผลลัพธ์ย่อมไม่เกิดขึ้นด้วยเช่นกันนั่นเอง.. และนั่นแหละคือความสำคัญของสิ่งที่เรียกว่าชะตากรรม
และไม่มีคนธรรมดาที่ไหนสามารถลบชะตากรรมดังกล่าวได้ง่ายๆ .. แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือการสร้างเหตุกลับมาเพื่อให้ผลยังคงอยู่..
ยกตัวอย่าง ชาร์ล็อตตาย นั่นคือเหตุที่บังเกิดขึ้นบนโลกใบนี้.. และผลลัพธ์ก็คือ.. ดวงวิญญาณเธอจะต้องออกจากร่างกลับคืนสู่ความว่างเปล่า
การที่จะทำให้ไม่มีผลลัพธ์ดังกล่าวจำเป็นต้องไม่มีเหตุที่ว่าตาย.. ซึ่งนั่นก็เป็นแค่วิธีป้องกันไม่ใช่วิธีชุบชีวิตสักหน่อย
เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้ก็ยืนยันได้ชัดเจนยิ่งกว่าอะไรว่าการฟื้นคืนชีพนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้.. แต่แน่นอนว่านั่นคือความใจอันตื้นเขินของเลทิเซีย
ถึงแม้เธอจะศึกษาจนถึงแก่นนี้แล้วก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่เธอจะเข้าใจโลกใบนี้.. บางทีเรื่องความตายนี้คงไม่มีใครเข้าใจดีไปกว่าอาจารย์ชิสุกับผู้หญิงผมขาวตรงหน้านี้แล้ว
แน่นอนว่าในฐานะที่อาจารย์ชิสุเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนของเลทิเซีย นั่นก็เป็นธรรมดาที่เธอพอจะรู้ถึงการกระทำบางอย่างของเลทิเซีย
และรู้ด้วยว่าการศึกษาเกี่ยวกับความตายของเลทิเซียไปถึงไหนแล้วด้วย..
“สิ่งที่กำกับความตายน่ะ.. ไม่ได้มีแค่นั้นหรอกนะ”
“ก่อนอื่นข้าจะบอกว่าเมื่อคนเราตายจะเกิดอะไรขึ้น .. เมื่อคนเราตายชะตากรรมจากดวงวิญญาณและกายหยาบแยกจากกันนั้น”
“บัดนั้นดินแดนที่เรียกว่าปรโลกจะปรากฏขึ้น.. ปรโลกคือดินแดนที่มีเพียงคนตายเท่านั้นที่เขาไปได้”
“ดินแดนแห่งนี้จะคอยชำระล้างดวงวิญญาณให้เธอได้กลายเป็นวิญญาณที่ว่างเปล่าและหวนคืนสู่ต้นกำเนิดใหม่อีกครา”
“เธอรู้หรือไม่ว่า วิญญาณนั้นไม่สามารถถือกำเนิดใหม่ได้และไม่สามารถทำลายลงได้เช่นกัน บนโลกนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องตายเพื่อที่จะได้ไปเกิดเป็นคนใหม่หลังจากการชำระล้างดวงวิญญาณ”
พอพูดถึงจุดนี้อาจารย์ชิสุเธอเงียบลงไปเล็กน้อยเหมือนกับย้อนความคิดนึกถึงเรื่องบางอย่าง สายตาที่มองไปยังเลทิเซียนั้นกลับมากด้วยอารมณ์บางอย่าง
ราวกับเธอนึกถึงความทรงจำร้ายในอดีตของเธออย่างนั้นแหละ.. แน่นอนว่าความทรงจำนั้นของเธอคงไม่มีใครเข้าใจได้หากไม่มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเธอ
เลทิเซียเองก็มองเห็นสายตานี้ ทำให้เธอเกิดข้อสงสัยบางอย่างขึ้นมาว่า.. บางทีผู้หญิงคนนี้คงจำตายไปหลายรอบแต่กลับไม่ถูกชำระดวงวิญญาณดั่งที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตามเธอก็กล่าวต่อว่า
“แต่ไม่ใช่ว่าในตอนที่เธอตายนั้นเหตุผลและของเธอจะหายไป.. เพราะเหตุและผลที่เธอได้ไปพบปะหรือพบเจอกับผู้อื่นนั้นยังคงถูกผูกชะตากรรมเข้ากับดวงวิญญาณ”
“เหมือนกับที่เธอได้รู้จักกับชาร์ล็อต.. รู้จักกับทสึรุนั่นคือเหตุผลที่เธอยืนอยู่ตรงนี้ในตอนนี้ เธอได้เสียใจเพราะการสูญเสียเพื่อนคนสำคัญ สิ่งเหล่านี้เองก็เป็นเหตุผลที่ผูกเข้ากับทางดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิต”
“สรุปง่ายๆ คือ ชะตากรรมที่ขาดสะบั้นตอนตายนั้นเป็นเพียงความผูกพันธ์ระหว่างกายหยาบและดวงวิญญาณเท่านั้น แต่ตัวตนของเธอ ความเป็นตัวเธอจะยังคงอยู่จนไปถึงปรโลกและปรโลกจะทำหน้าที่กำจัดสิ่งเหล่านั้นออกไปให้หมด เพื่อเปลี่ยนเธอให้เป็นคนใหม่ที่ไม่ใช่เธอ ถือกำเนิดใหม่ในสถานที่แตกต่าง.. ซึ่งเธอก็จะไม่ใช่เธออีกต่อไป”
พอพูดมาถึงจุดนี้ดวงตาของหญิงสาวผมสีขาวก็หรี่ลง มองไปที่อาจารย์ชิสุเล็กน้อย ซึ่งเธอก็สังเกตสายตาของอีกฝ่ายได้เช่นกัน
สองคนยืนมองหน้ากันเล็กน้อย ผู้หญิงผมสีขาวก็ไม่ได้พูดอะไร
แน่นอนว่าทุกอย่างที่อาจารย์ชิสุพูดมาล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทุกอย่าง สำหรับเธอที่ผ่านวัฏจักรนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วจะมีใครรู้ดีไปกว่าเธออีกล่ะ
“วิญญาณไม่มีทางสลายหายไปหรือกลับคืนสู่ความว่างเปล่า..? พูดอีกอย่างก็คือ… พวกเธอไม่ตาย?”
เลทิเซียที่พอได้ยินคำที่บอกว่าไม่มีทางสลายหายไปไหลสอองข้างเธอกระตุก จ้องนิ่งไปที่อาจารย์ชิสุ พอได้ยินคำถามเธอก็พยักหน้า
“ถูกต้องแล้ว นี่คือสิ่งที่ถูกกำหนดมาไว้..ตั้งนานแล้วล่ะ แต่จะบอกว่าไม่ตายมันก็คงไม่ถูกซะทีเดียว ความจริงที่ว่าเธอตายสำหรับเธอมันก็ยังเป็นความจริง เธอไม่สามารถปฏิเสธความจริงนี้ได้อยู่ดี”
“ยกตัวอย่างหากเพื่อนสาวของเธอไปเกิดใหม่เป็นคนอื่น เธอไม่มีทางรู้ได้ว่าคนคนนั้นคือเพื่อนเธอหรือเปล่า เพราะวิญญาณนั้นเป็นวิญญาณคนอื่นไปแล้วล่ะ”
“เธอเองก็น่าจะเคยเห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ทะเลวิญญาณน่ะ”
อาจารย์ชิสุกล่าวขึ้นแบบนั้น ทำเอาเลทิเซียนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเองตายในตอนนั้น.. ในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทะเลสีขาว
ซึ่งทะเลสีขาวดังกล่าวนั้นหาใช่น้ำทะเลหรือของเหลวไม่ แต่เป็นกองทับถมดวงวิญญาณมากมายไร้ที่สิ้นสุดนั่นแหละ
“อ้อ อย่าเข้าใจผิดไป ตอนนั้นเธอไม่ได้ตาย เพราะในชิ้นส่วนเวหาอะไรนั่นทักษะทั้งหมดของเจ้าถูกปลดจากแนวคิดของโลกนี้ ทำให้เธอมีความต้านทานต่อความตายแทบทุกรูปแบบอยู่แล้ว แต่เพราะทักษะบางอย่างที่เกี่ยวกับดวงวิญญาณทำให้เธอไปสู่ดินแดนนั้น”
เธอพูดราวกับเห็นทุกอย่างที่เลทิเซียเห็น ซึ่งพอฟังมาถึงตรงนี้เลทิเซียก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกว่ามีใครสักคนมองเธออยู่
“และดินแดนแห่งนั้นนั่นแหละคือดินแดนที่ดวงวิญญาณจะไปอยู่หลังจาก่านดินแดนปรโลกมาได้ และจะรอวันถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ในฐานะคนใหม่”
พอพูดถึงขั้นนี้เลทิเซียก็นึกถึงคนชราคนนั้นอีกรอบหนึ่ง.. บางทีคนชราคนนั้นคงจะเป็นคนที่คอยตกเอาดวงวิญญาณขึ้นมาเพื่อให้พวกมันได้ไปเกิดใหม่
เพราะแบบนั้นคนชราถึงได้มองที่เลทิเซียแล้วถามว่า..เธอเป็นใคร.. ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่.. เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ
บางทีในสายตาของคนชราคงจะมองเห็นเส้นสายแห่งเหตุและผลพัวพันกันอย่างยุ่งเหยิงบนตัวเลทิเซียเลยรู้ทันทีว่า..
เลทิเซียไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้… เพราะเธอยังเป็นคนเลทิเซียอยู่นั่นเอง
แต่เมื่อพูดแบบนั้นแล้ว แล้วพวกเทพธิดาล่ะ.. มีหน้าที่อะไรกันแน่?
แม้เลทิเซียจะไม่ได้ถามแต่เหมือนเธอก็พอเดาเลทิเซียออกจากทางสีหน้าหรือท่าทาง เธอจึงพูดขึ้น
“ถ้าเรื่องของเทพธิดา ถามคนสร้างคงจะดีกว่าเนอะ.. ว่าไงล่ะ ริวคุง เทพธิดามีเพื่ออะไรกันนะ?”
พออาจารย์ชิสุพูดแบบนั้น เธอก็หันมาหาผู้หญิงผมสีขาวด้วยสายตาหยอกล้อ ผู้หญิงผมสีขาวพอถูกมองเธอก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
เลทิเซียเองก็หันไปพร้อมกัน ไม่ใช่ว่าเธอเดาไม่ออก.. ตอนนี้เลทิเซียก็พอจะเดาได้แล้วว่าผู้หญิงผมสีขาวคือใครกันแน่..
บางทีเธอคงเป็น.. เทพผู้ที่สร้างต้นกำเนิดแห่งนี้ขึ้นมา!
“เทพธิดามีไว้เพื่อกำกับและมอบดวงวิญญาณที่ผ่านทางมาเพียงแค่นั้นแหละ.. สำหรับฉันทักษะมันก็เป็นเหมือนโซ่ตรวนที่ทำให้คนธรรมดาต้องไม่ธรรมดา”
“แต่ฉันก็ไม่สนหรอกนะว่าคนอื่นจะเป็นไง ฉันแค่อยากให้สึกุได้ใช้ชีวิตแบบธรรมดาเท่านั้น ให้เธอได้มีสิทธิ์เลือกว่าจะมีพลังพิเศษหรือจะเป็นแค่คนธรรมดา”
“ที่ให้เทพธิดามอบทักษะให้ตอนก่อนดวงวิญญาณจะถูกส่งมาเกิดใหม่น่ะ ก็เพียงเพื่อให้คนพวกนั้นได้พิจารณาว่าดวงวิญญาณนี้ควรได้อะไรดี”
“ซึ่งสึกุเองก็….”
สายตาเธอมองไปที่อาจารย์ชิสุ ก่อนจะพูดต่อว่า
“ถ้าพวกเทพธิดาเห็นเธอก็คงมอบทักษะดีๆ ให้ เพราะความรัก.. ใช่ไหมล่ะ? คุณมารดาแห่งสรรพสิ่ง”
…….
….
..
โลกนี้สร้างมาเพียงเพื่อคนคนเดียว..