การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 358

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 358 – การเดินทางข้ามเวลา

และในวันนั้นเอง.. วินาทีนั้นเอง… ไม่สิ คงจำกัดทุกสิ่งอย่างด้วยคำว่าเวลาไม่ได้ในดินแดนแห่งนี้เพราะ..ทันทีที่สายตาเลทิเซียกวาดผ่านที่แห่งหนึ่ง..

บนฟ้าที่มีเพียงความมืดที่แต่งแต้มด้วยแสงดาราที่รังสรรค์มาจากต้นกำเนิดที่แท้จริง.. มันอาจจะไม่ใช่บนฟ้าก็ได้แต่เป็นบนพื้น..

หรือด้านซ้ายหรือขวา.. เรื่องนี้ไม่มีใครรู้แม้แต่เลทิเซีย.. ทว่าทันทีที่เธอมองไปนั้นเธอกลับเห็นบันไดแสงบันไดหนึ่ง..

มันชัดเจนเหนือสิ่งอื่นใด… บันไดแสงนี้เป็นขั้นๆ … ต่อขึ้นไปจนถึงประตูสีขาวบานหนึ่ง ไม่รู้ว่าเลทิเซียตาฝาดไปเองหรือเปล่า

เพราะในทันทีที่เลทิเซียมองเห็นเธอราวกับมองเห็นคนคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่แสนจะธรรมดา ธรรมดาอย่างหาที่เปรียบ

คนคนนั้นเป็นสตรีผมสีไหนไม่อาจจะจำแนกได้ แต่รู้แค่ว่าเป็นผู้หญิงเธอคนนั้นกำลังนั่งจ้องมองหนังสือในมือ..

หนังสือในมือเธอนั้นพอเลทิเซียมองเห็นเธอราวกับเห็นโลกทุกอย่างทั้งใบ.. ไม่ว่าจะเป็นผืนหญ้า ดอกไม้ สิงสาราสัตว์..

…และ..เธอเห็นแม้แต่ชื่อตัวเองที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนั้น

แม้สตรีนางนั้นจะไม่ได้มองมาทางนี้ แต่เลทิเซียกลับรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังมองมาที่ตัวเองเสียอย่างน่าประหลาด!

“แม่มด” (Witch)

ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดขึ้นมาแบบนั้น แต่ทันทีที่ทุกอย่างบังเกิดขึ้นคำพูดที่เลทิเซียไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็หลุดออกมาจากปากอย่างน่าเหลือเชื่อ

แต่ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่ามามันเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป เพราะในแทบจะทันทีร่างกายของเลทิเซียก็ถูกเหวี่ยงดึงลงกลับคืนสู่ต้นกำเนิดดั้งเดิมของเธอ

ร่างกายของเลทิเซียสั่นสะท้านเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเมื่อเธอนึกถึงเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นก็ขนลุกอย่างช่วยไม่ได้

เธอรีบสะบัดความคิดทั้งหมดออกไป.. ก่อนที่จะก้มมองลงไปที่มือตัวเอง มือสองข้างนี้มีพลังแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง..

“นี่มัน…”

เลทิเซียพึมพำเบาๆ พลางวาดมือไปข้างหน้าเป็นแนวตั้งจากบนลงล่าง.. วินาทีที่เธอทำเช่นนั้นราวกับว่าภาพตรงหน้าเธอถูกฝ่ามือเลทิเซียตัดแยกออกจากกัน

ภายในรอยแยกที่เลทิเซียแยกออกนั้นข้างในมีกระแสบางอย่างที่พุ่งไหลผ่านราวกับกระแสน้ำเป็นแนวตรง

กระแสนี้ไม่ได้พุ่งออกมายังด้านนอกแต่ภายในนั้นกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยระลอกอันรุนแรง บางทีหากคนธรรมดาเข้าไปพวกเข้าคงจะไม่มีทางดับหรือสลาย

แต่ติดวนเวียนอยู่สายน้ำแห่งกาลเวลานี้จนท้ายที่สุดกก็จิตใจแตกสลายราวกับซากศพที่มีชีวิตเลยกระมัง

แต่สำหรับเลทิเซียนั้นเธอไม่ลังเลที่จะก้าวขาเข้าไปในรอยแยกนั้นทันทีพร้อมกับกล่าวพึมพำว่า..

“สเตฟานี่.. โคลเอ้.. เซเรส.. อันน่า.. ซิลเวีย.. ไวท์.. ทสึรุ.. ชาร์ล็อต…รอก่อนนะ.. ฉันจะไปช่วยพวกเธอเดี๋ยวนี้แหละ.. ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตนี้ก็ตาม”

เพียงพริบตาที่ร่างกายเลทิเซียเหยียบย่างเข้าสู่โลกแห่งกระแสกาลเวลา.. ร่างกายเลทิเซียราวกับเป็นกรวดในน้ำ..

ปากกระอักเลือดคำใหญ่ออกมาทันที.. สมองราวกับกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ .. แม้เลทิเซียจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่การทวนกระแสน้ำแห่งกาลเวลาระดับต้นกำเนิดที่แท้จริงนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ห่างไกลตัวเกินไป

แต่ทว่าเลทิเซียไม่เคยคิดจะยอมถอย เธอกัดริมฝีปากเบาๆ .. ยกมือขึ้นสร้างลูกบาศก์สีดำออกมาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับขยายให้มันห่อหุ้มร่างกายของเธอเอาไว้

ยังดีที่ผลออกมาเป็นบก เพราะกระแสน้ำแห่งกาลเวลาไม่สามารถทำอะไรเลทิเซียได้อีกต่อไป.. แต่ว่าวันนี้เธอรีดเค้นสร้างลูกบาศก์นี้ออกมาสองรอบแล้ว

ท่านี้ไม่ใช่ท่าที่ใช้พลังงานนิดหน่อย แต่ทุกครั้งที่ใช้ต้องใช้พลังทุกอย่างในร่างกายถึงจะสร้างมาได้ ดังนั้นเลทิเซียที่รีดเค้นพลังทั้งหมดออกมาถึงสองรอบแบบนี้มันส่งผลให้ผมของเธอยุ่งเหยิง

ร่างกายซูบผอมลงไปหลายส่วน.. สภาพของเธอในยามนี้ไม่น่าดูเท่าไหร่ ไม่มีแรงกระทั่งเงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำทำให้ผมของเธอปกปิดใบหน้าตัวเองเอาไว้

เธอก้าวเดินทวนกระแสกาลเวลาไปอย่างช้าๆ .. รอบด้านนั้นมีภาพฉากต่างๆ อยู่.. เป็นฉากที่ชาร์ล็อตตาย..

ก้าวไปอีกก้าวก็เป็นฉากที่ทสึรุต่อสู้และโดดลงทะเลสาบพร้อมกับคนอีกสามสิบสี่คนและทำลายสะพานทิ้ง..

ก้าวไปอีกก้าวก็เป็นภาพต่างๆ ในโลก.. ไม่ใช่แค่ทวีปที่เลทิเซียอยู่..

หนึ่งปีก่อน..สองปีก่อน..

ห้าปีก่อน..

สิบปีก่อน…

“เริ่มจากชาร์ล็อต..”

สิบห้าปีก่อน..

ยี่สิบปีก่อน….

ในขณะที่เลทิเซียมองภาพที่ไหลย้อนกลับไปเหล่านี้นั้น.. ตรงหน้าเธอพลันมีพายุลึกลับปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันจนแม้แต่เลทิเซียก็ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

ในตอนนี้เป็นเวลายี่สิบกว่าปีก่อน และก่อนที่เลทิเซียจะทันได้ตกใจ เสียงอามาเระที่ไม่ได้ยินมานานก็ดังขึ้นในหัวของเลทิเซีย

“เลทิเซีย ระวังพายุกาลเวลา!!”

แต่มันช้าไปหนึ่งก้าว พายุกาลเวลาโหมกระหน่ำซัดเข้าใส่ร่างเลทิเซีย จนจี้สีแดงที่อยู่ในมือหลุดออกจากมือไป

ดวงตาเลทิเซียหดเล็กลงแทบจะทันทีพร้อมกับตะโกนออกมาว่า

“ไม่นะ!”

เธอพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับจะคว้าเอาจี้ แต่ตอนนั้นเองภาพของต้นเหตุที่ทำให้เกิดพายุกาลเวลาก็ฉายออกมา..

ในป่าแถวอาณาจักรอาเดฟมีทารกคนหนึ่งใช้เวทมนตร์เร่งเวลาของโลกพร้อมกับยิงพลุที่สร้างจากพลังเวทออกมา หากว่ากันตามตรงทารกนั้นคงทำอะไรเลทิเซียในตอนนี้ไม่ได้..

แต่น่าเสียดายทารกนั่นคือเลทิเซียเอง! เพราะผลกระทบจากการเร่งเวลาของเลทิเซียทารกแถมยังยิงพลุเวทมนตร์ขึ้นมาแทบจะทันทีนั้นส่งผลให้เกิดพายุแห่งกาลเวลาขึ้น

ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเลทิเซียย้อนเวลามันเจอกับตัวเองในอดีตจึงส่งผลให้การระเบิดของพลุนั้นรุนแรงจนน่าตื่นตะลึง

ผสมผสานกับพลังอันพิลึกพิลั่นที่คิดว่าทารกนั้นก็เป็นเลทิเซีย ลูกบาศก์จึงกระตุ้นพลังเลทิเซียทารกขึ้นส่งผลให้พายุแห่งกาลเวลายิ่งแปรปรวนเข้าไปอีก

โชคยังดีที่เพียงพริบตาเดียวมันก็หายไปแล้ว… แต่ลูกบาศก์นั้นกลับสลายหายไปก่อนส่งผลให้เลทิเซียนั้นถูกพายุแห่งกาลเวลาพัดอย่างรุนแรง

แต่ก็ยังดีที่เหมือนจี้สีแดงจะลอยกลับมาเพราะกาลสลายของพายุกาลเวลาพอดี เลทิเซียจึงฉวยโอกาสคว้าเอาจี้สีแดงมาไว้ในมือพร้อมกับถูกพัดออกจากห้วงแห่งการย้อนอดีต..

……

และในดินแดนอันพิศวงนั้น..

ทันทีที่เลทิเซียจากที่แห่งนี้ไป..

โรส.. ก็ปรากฏตัวขึ้นมาในดินแดนอันพิศวงแห่งนั้น ผมสีทองยาวของเธอสยายออกไปราวกับโลกนี้ไม่มีแรงโน้มถ่วงหรืออะไรทั้งสิ้น

เธอมองไปยังทิศเดียวที่เลทิเซียมองไป.. แต่ว่าตรงนั้นมันราวกับไม่มีอะไรมาตั้งแต่แรกแล้ว..

ทว่าโรสก็ไม่ได้สนใจนานมากนัก.. เธอก็พูดขึ้น..

“เอาล่ะ.. แค่นี้..ทุกอย่างก็ใกล้จบแล้ว เราไปหลบอยู่ที่ไหนสักแห่งกันเถอะ..”

โรสกล่าวแบบนั้นก็สลายหายไปจากนั้น….

……

หลังจากที่อาจารย์ชิสุกับผู้หญิงผมสีขาวจากออกมาจากจุดที่เลทิเซียอยู่ ผู้หญิงผมสีขาวก็พูดขึ้น

“จริงๆ .. เธอไม่จำเป็นต้องบอกเธอคนนั้นก็ได้นะ เพราะยังไงอีกไม่กี่วันข้างหน้าเธอก็จะรู้วิธีด้วยตัวเธอเอง”

พอหญิงสาวผมสีขาวกล่าวแบบนั้น อาจารย์ชิสุก็มองไปที่อีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ.. เธอจ้องไปที่ผู้หญิงผมสีขาว

“บู้ๆ .. ฉันไม่ใช่มารดาแห่งสรรพสิ่งอีกแล้วนะ ตอนนี้ฉันคือชิสึกุต่างหากล่ะ.. ฉันจะไปรู้มุมมองของเทพแบบนายได้ไงล่ะ ริวคุง”

“อีกอย่าง.. ฉันแค่อยากจะช่วยเธอน่ะ.. เพราะว่า…”

หญิงสาวผมสีขาวจ้องไปที่อาจารย์ชิสุ.. ก่อนจะมองไปทางที่จากมาพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่าง

“เธอค่อนข้างเลอะเลือนแล้วนะเนี่ย”

“นายพึมพำอะไรน่ะ?”

“เปล่า.. ฉันแค่บอกว่าเธอเลอะเลือน.. แต่ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจว่าคนแก่อายุเยอะเลอะเลือนง่ายน่ะ”

“ห๊า… ร่างกายนี้น่ะ.. อายุไม่ถึงสามสิบเลยนะจะบอกให้.. ริวคุงนั่นแหละที่แก่”

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท