การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 362

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 362 – ทุกสิ่งทุกอย่าง

ภายใต้การปะทะกับตัวตนทั้งสามนั้นร่างกายเลทิเซียราวกับเรือเล็กในพายุกลางมหาสมุทร.. ดวงตาเบิกกว้าง..

ในโลกแห่งนี้มีสิ่งที่เรียกว่าภาพสะท้อนอยู่.. แน่นอนว่าตัวตนของโรสและผู้หญิงผมสีขาวนั้นอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

แน่นอนว่าพวกเขาย่อมเหนือกว่ากาลเวลาของต้นกำเนิดด้วย กล่าวคือใน อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตพวกเขาล้วนแล้วแต่มีเพียงหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง

การดำรงอยุ่ของพวกเขาไม่มีความเป็นไปได้ในรูปแบบต่างๆ ถามว่าทำไมงั้นเหรอ เพราะพวกเธอเหล่านั้นแข็งแกร่งที่สุดยังไงละ

หรือก็คือที่เลทิเซียเห็นนั้นหาใช่ตัวตนของพวกเขาในอีกโลกคู่ขนานไม่ แต่เป็นเพียงภาพสะท้อนของพวกเธอเท่านั้น

บางทีภาพสะท้อนนี้อาจจะเป็นพวกเธอที่ต้องการร้างขึ้นมาด้วยความจงใจ ไม่สิ เทพผู้สร้างต้องทำแบบนั้นเพื่อป้องกัน Time Paradox แน่อยู่แล้ว

เพราะตามคำอธิบายของเธอ เธอบอกมาว่าโลกนี้ถูกสร้างมาเพื่ออาจารย์ชิสุ หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาเธอก็คงไม่ต้องการแบบนั้นเป็นแน่แท้

ดังนั้นเธอถึงได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘ภาพสะท้อน’ ที่เหมือนกับผู้พิทักษ์คอยปกป้องเส้นเวลาของต้นกำเนิดที่แท้จริงแห่งนี้ไว้

บางทีอีกสองคนที่เหลือก็คงโดนผลกระทบของภาพสะท้อนนี้เช่นกัน ดวงตาของเลทิเซียเผยความเลื่อนลอยอย่างเห็นได้ชัด

ท่ามกลางพายุมรสุมที่พัดผ่านใส่ร่าง มือข้างหนึ่งเธอพยายามจะเอื้อมไปคว้าเอามือของอามาเระเอาไว้

แต่ทว่ามันกลับห่างไกลเกินไป ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป.. เลทิเซียทำได้เพียงหัวเราะสมเพชกับตัวเอง..

ท่ามกลางมรสุมแห่งกาลเวลาภาพต่างๆ ได้ลอยหวนคืนกลับมาอีกคราหนึ่ง… อาจจะเป็นเพราะอยู่ในกระแสน้ำแห่งกาลเวลา

หรืออาจจะเป็นเพราะสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น.. ใช่แล้ว..

ทุกอย่างที่พึ่งเกิดขึ้นมานั้น.. ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่สิ.. เรียกว่าทุกอย่างกำลังเดินซ้ำรอยสิ่งที่เคยเกิดขึ้นต่างหาก

ย้อนกลับไปตอนที่เลทิเซียเจอกับชาร์ล็อตในบททดสอบตอนเข้าโรงเรียนนั้น.. ตอนที่เลทิเซียได้มีความลับกับชาร์ล็อต..

นั่นคือเรื่องของพี่น้องฝาแฝด.. ในตอนนั้นชาร์ล็อตมีเรื่องโกหกเลทิเซียอยู่สองอย่าง.. หนึ่ง.. อันน่าไม่ใช่พี่สาวฝาแฝด..

แต่เป็นตัวเธออีกคนเอง สองจี้ที่มอบให้เลทิเซียนั้นเธอเคยบอกว่าเธอได้รับมาจากคนคนหนึ่งที่พาเธอที่หลงทางกลับบ้าน

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะปกปิดไม่บอกความจริง นั่นเป็นเพราะว่าในตอนนั้นพวกเธอทั้งสองไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น

อย่างไรก็ตามเป็นเพราะเหตุนั้นเลทิเซียจึงได้เลินเล่อคิดว่า.. จี้สีแดงนี้มีพลังบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ..

ซึ่งเลทิเซียที่คิดได้แบบนั้น เธอจึงวางแผนที่จะทำให้ชาร์ล็อตนั้นมีจี้สองอัน.. จี้อันหนึ่งที่ได้รับมาจากคนคนหนึ่งที่พาเธอที่หลงทางกลับบ้าน

ส่วนจี้อีกอันได้รับมาจากเลทิเซีย เพียงแค่นี้ชาร์ล็อตก็จะมีจี้เพียงแค่สองชิ้นเท่านั้น.. แต่ว่า.. ทุกอย่างกลับไม่ได้ง่ายแบบนั้น

เลทิเซียไม่ได้คิดให้มากกว่านี้ว่ามีโอกาสที่ชาร์ล็อตจะโกหกเหมือนกัน..

ไม่สิ.. หลังจากที่ผ่านประสบการณ์มากมายมาทำให้เลทิเซียได้รู้ว่าเผ่าอสูรคืออะไร.. เผ่าอสูรเกิดมาเพื่ออะไรแล้ว..

เธอก็น่าจะรู้ตัวให้เร็วกว่านี้ว่า.. ในเมื่อชาร์ล็อตไม่มีครอบครัวหรือไม่มีอะไรเลย.. ก็หมายความว่าเธอไม่มีบ้าน

และการที่จะมีคนคนหนึ่งพากลับบ้านแบบนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย.. ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าชาร์ล็อตถึงขั้นออกเดินทางหาคนคนนั้นพร้อมกับอันน่า

หากเลทิเซียคิดให้มากกว่านี้.. หากเลทิเซียไม่เชื่อคำพูดขอองชาร์ล็อตมากเกินไป.. หากเลทิเซียคิดเรื่องชาร์ล็อตให้มากกว่านี้ทุกอย่างจะไม่เป็นแบบนี้

ใช่แล้ว..คนที่ชาร์ล็อตตามหาอยู่ก็คือเลทิเซียเอง.. เลทิเซียที่ได้ย้อนเวลากลับมาเพื่อช่วยเหลือชาร์ล็อต

โดยการมอบจี้สีแดงให้..

เรื่องนี้หมายความว่ายังไงงั้นเหรอ?

หมายความว่า.. ในไทม์ไลน์อื่น..ชาร์ล็อตก็ได้ตายด้วยเหตุการณ์เดียวกันเลทิเซียในอีกโลกอื่นก็ได้มีความคิดแบบเดียวกับเลทิเซียในโลกนี้

เธอจึงได้ย้อนเวลามาเพื่อพยายามจะช่วยชาร์ล็อต แต่ก็เหมือนจะได้รู้ความจริงว่า.. จริงๆ แล้วจี้ที่เลทิเซียได้รับมาจากชาร์ล็อต..

คือจี้ที่ชาร์ล็อตได้รับมาจากเลทิเซียในอนาคตที่ย้อนกลับมาอีกที..

ลูป..แห่งกาลเวลา..

มือสองข้างของเลทิเซียสั่นไหว.. เลทิเซียไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไปแล้วเมื่อเธอสัมผัสกับข้อเท็จจริงนี้.. เธอก็ราวกับมองทะลุโลกคู่ขนานทั้งหมด

มองเห็นตัวเองในโลกคู่ขนานกำลังเลือกเส้นทางแบบเดียวกับเธอและพบเจอความจริงแบบเดียวกับเธอ..

ไม่ว่าจะย้อนเวลากี่ครั้ง.. อีกกี่ครั้ง.. ทุกอย่างก็จะเป็นเหมือนเดิม เลทิเซียได้รับจี้สีแดงมาจากชาร์ล็อต

และพอชาร์ล็อตตายเลทิเซียก็จะย้อนเวลากลับมาเพื่อเอาจี้สีแดงให้ชาร์ล็อตอีกครั้งหนึ่ง.. ซ้ำไป..ซ้ำมาไม่รู้จบไม่รู้สิ้น

ราวกับไม่มีโลกที่สามารถช่วยชาร์ล็อตได้เลยในความเป็นไปได้ที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้

“ทุกอย่างน่ะ..ถูกกำหนดมาตั้งแต่แรกแล้ว”

คำคำหนึ่งลอยขึ้นมาในหัวของเลทิเซีย ดวงตาของเธอสั่นไหวพร่าเลือนไปด้วยความสับสนและงุนงง..

“อ้ากกกกกกกกกก”

เลทิเซียทำได้เพียงกรีดร้องออกมาจากอก.. ใช่แล้ว.. เมื่อวันนั้นวันที่เลทิเซียได้รับจี้มาจากชาร์ล็อต.. เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน

เธอก็เคยได้รับข้อความจากตัวเองในอีกโลก.. ใช่ ข้อความของเลทิเซียกับอามาเระในอีกโลกที่ย้อนเวลามาเพื่อบอกเลทิเซีย

ที่เลทิเซียคาดไม่ถึงคืออามาเระ.. เพราะเสียงของอามาเระที่ขาดๆ หายๆ ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงของตัวเธอเอง..

เลทิเซียนึกว่าเป็นอามาเระในโลกนี้ปกติ.. เพราะในช่วงนั้นอามาเระเองก็เคยเรียกหาเลทิเซียอยู่นานครั้ง

และเสียง ‘อย่า..’ ที่เลทิเซียรู้สึกคุ้นเคยก็เป็นเสียงของตัวเธอเองอีกทีหนึ่ง.. ใช่แล้ว.. ทำไมมันถึงคุ้นเคยเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน..

เพราะมันคือเสียงของเธอเองยังไงละ..

ตอนแรกเลทิเซียคิดว่าเป็นการบุกรุกจากคนต่างแดน.. แต่มันไม่ใช่เลย.. มันคือตัวเธอเอง. ทำไมเธอถึงนึกไม่ออกทันทีล่ะ..

ทำไมถึงนึกไม่ออกว่าคนที่ไปหยุดเสียงนั้นเป็นถึงเทพผู้สร้าง.. ทำไมเธอถึงไม่นึกออกให้ไวกว่านี้…

เลทิเซียที่โดนพายุแห่งกาลเวลาพัดพานั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง.. เธอทำได้เพียงกรีดร้องพร้อมกับเจอปนมาด้วยเสียงหัวเราะที่สมเพชใส่ตนเอง

“จี้นี้คืออีกครึ่งชีวิตของเธองั้นเหรอ.. หึๆ .. ฮ่าๆ ”

“นั่นมันคำพูดของฉันเองเลยไม่ใช่เหรอ..”

“จะบอกว่า..ทุกอย่าง.. ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วยังงั้นเหรอ.. ไม่ว่าจะยังไงฉันก็จะยังเจอแบบนี้อย่างงั้นเหรอ.. ฮ่าๆๆๆ ”

เสียงหัวเราะที่อัดแน่นไปด้วยความบ้าคลั่งของเลทิเซียนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างถึงที่สุด

เปลี่ยนแปลงเหตุและผลโดยการหลอกลวงโลกใบนี้อย่างงั้นเหรอ..

น่าขำ.. น่าขำสิ้นดี.. สุดท้ายเธอก็ยังเดินตามความเป็นจริงที่ถูกวางเอาไว้ ถูกเขียนขึ้นมาไว้ไม่ใช่หรือไง

แม้แต่มือคู่นี้.. มือคู่นี้เองก็พลัดพรากไม่สามารถคว้าเอามือของอามาเระเอาไว้ได้..

เธอสิ้นหวังแล้ว..มีความหวังก็แล้ว..พบแสงสว่างแล้วสุดท้ายสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าตัวเลทิเซียกลับเป็นความจริงอันโหดร้ายที่กระแทกใส่ใบหน้าของเลทิเซียว่า

“เปล่าประโยชน์”

ทุกอย่างมันล้วนเปล่าประโยชน์.. เลทิเซียเหนื่อยแล้ว..

เธอเหนื่อยเต็มทีกับความเป็นจริงอันโหดร้าย..

เปลี่ยนแปลงไม่ได้.. ช่วยเหลือใครไม่ได้ พลังที่แข็งแกร่งที่เธอมี..มันมีไว้เพื่อใครกันล่ะ มีไว้ทำไมกันล่ะ

ในตอนแรก.. ตอนที่ขอพรกับเทพธิดานั้นเธอได้ขอว่าให้เธอมีพลังป้องกันทุกอย่าง ขอพรที่ทำให้ตัวเองเอาตัวรอดในโลกอันโหดร้ายแบบนี้ได้..

ใช่… เพื่อตัวเอง.. หรือจะผิดมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วที่เธอขอพรเพื่อตัวเอง.. บาปกรรมอย่างงั้นเหรอ..

“นี่คือบาปกรรมของคนที่ไม่เคยเชื่อใจคนอื่นแบบฉันงั้นเหรอ.. นี่คือบทลงโทษของฉันงั้นเหรอ..”

“พอกันที…”

เลทิเซียที่คร่ำครวญกับความว่างเปล่าตรงหน้ากลับไร้ซึ่งคำตอบจากผู้ใด.. ความสิ้นหวังที่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็จะเจอทางตัน

พยายามหาวิธีช่วยมาตลอดห้าปี.. กลับมาพบว่าทสึรุได้ตายไปแล้วไม่พอ ชาร์ล็อตยังกำลังจะถูกประหาร..

พอไปช่วยก็ไปทันพอดี แต่กลับถูกขัดขวางไว้ด้วยกำแพงที่สูงตระหง่าน..และบอกกับตัวเธอว่า.. มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้..

แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้หาทางย้อนเวลากลับมาช่วย.. แต่สุดท้ายที่อยู่ตรงหน้ากลับมีเพียงความจริงที่บอกว่า..ช่วยไม่ได้.. เปลี่ยนอะไรไม่ได้

นี่ต่างหาก..จะเป็นความสิ้นหวังที่แท้จริง..

ยิ่งพยายามกลับยิ่งไร้ประโยชน์

ตราบใดที่ยังพยายามความสำเร็จก็ต้องมางั้นเหรอ..

แล้วผลลัพธ์ของความสำเร็จอยู่ไหนกันล่ะ มีเพียงสิ่งที่ย้ำเตือนว่าช่วยไม่ได้ไม่ใช่หรือไงกัน..

“พอแล้ว..พอกันที..”

ดวงตาอันไร้ซึ่งแสงสว่างของเลทิเซียก็ค่อยๆ ปิดลง…..

………….

[มุมอธิบายสำหรับคนงง : เลทิเซียกับอามาเระในอนาคตโผล่มาครั้งแรกในบทที่ 34 ซึ่งปรากฏตัวครั้งแรกอามาเระเนียนเป็นตัวเองที่ยังไม่ตื่นเรียกหาเลทิเซียเพื่อหลุดพ้นจากการตรวจจับของ Time Paradox เพราะอามาเระใจเย็นกว่าเลทิเซียตอนนั้นเลยทำสำเร็จแต่เสียงขาดๆ หายเพราะต้องเลี่ยงมากๆ .. เลทิเซียก็ตะโกนว่า ‘อย่า..’ เพื่อดึงดูดความสนใจนั่นเอง…

เลทิเซียในอนาคตโผล่อีกครั้งในบทที่ 157-158 ในฐานะคนที่แข็งแกร่งที่สุด.. ซึ่งเหตุการณ์ในตอนนี้เป็นตอนย้อนอดีตของชาร์ล็อต.. ถ้าให้เรียงไทม์ไลน์คือ พอเลทิเซียในบทที่ 258 ย้อนไปในบทที่ 157-158 แต่พอตระหนักรู้บางอย่างเลยโดดข้ามเวลามาหยุดการมอบจี้ของชาร์ล็อตในบทที่ 34 ไม่งงเนอะ?

เพิ่มเกรดน่ารู้ที่ผมแทรกให้อีกสักหน่อยว่า.. ในบทที่ 157 กับบทที่ 259 ผมจงใจบรรยายให้เห็นสองมุมมอง.. เลทิเซียรู้สึกผิดที่ตัวเองไม่สามารถช่วยชาร์ล็อตในอนาคตได้ ได้แต่ยืนมอง.. แต่ชาร์ล็อตกลับคิดว่าเธอคนนั้นมองดูเธอถูกกลั่นแกล้งนั่นเอง..

เกรดอีกสักหน่อย.. ตอนที่พ่อของไอ้เด็กที่ผลักชาร์ล็อตตกเหวมันคิดว่าเป็นเพราะชาร์ล็อตมันเลยพยายามจะมาฆ่าชาร์ล็อต ซึ่งจริงๆ แล้วเลทิเซียเป็นคนทำ แต่เลทิเซียทำไปโดยใช้อารมณ์เป็นหลักเลยไม่รู้ว่าเพราะแบบนี้ชาร์ล็อตถึงได้มีสองบุคลิก.. กล่าวคือ.. ความฉิบหายทั้งชีวิตของชาร์ล็อตมีสาเหตุมาจากเลทิเซียแทบจะทั้งหมด]

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท