บทที่ 375 – ความสุข…?
ในขณะที่ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่ผลงานของเลทิเซียนั้นเอง เลทิเซียก็เงยหน้าขึ้นฟ้าในวินาทีถัดมา และก็ตามด้วยผู้คนที่แหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า
ราวกับถูกบางสิ่งบางอย่างดึงดูด.. และมันก็เป็นเช่นนั้นบนท้องฟ้าตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยม่านบางอย่างที่เปลี่ยนสีท้องฟ้าให้กลายเป็นสีดำ
ตามมาด้วยเสียงแตกตื่นและสับสนของชาวบ้าน ทว่าสเวนนั้นตอบสนองก่อนใครเพื่อน แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักรบผู้ผ่านศึกมากมายนับไม่ถ้วน
แต่ก็ยังเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้ เขารับรู้ถึงวิกฤตอันตรายได้แทบจะทันที ในตอนนั้นเองแสงสีแดงก็เปล่งออกมาจากแหวนของเขา
แหวนที่นิ้วเหมือนจะเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์บางอย่าง ซึ่งพอสเวนเห็นมันดวงตาเขาก็หดเล็กลง เขาตะโกนออกมาทันทีว่า…
“มีปีศาจอยู่แถวนี้!ทุกคนรีบหนีเร็ว!”
เสียงเขาราวกับสายฟ้าฟาด ทุกคนที่ได้ยินก็ต่างพากันสับสนเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันไรนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเงาสีดำมากมายพุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วสูง
เงาสีดำเหล่านี้ล้วนเป็นอันเดดที่ควีนสร้างมันขึ้นมา แม้ไม่แข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปจะเทียบได้
เพราะอย่างน้อยสิ่งมีชีบิตเหล่านี้ก็เป็นเหมือนเครื่องจักรสังหารที่ตายไม่ได้ ฆ่าไม่ได้!
“อ้ากกกกกกกก ช่วยข้าด้วย!!!”
เผลอพริบตาเดียวปีศาจที่เป็นอันเดดก็โจมตีถูกชายคนหนึ่งจนแขนของเขาขาดออกไป เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากแขนข้างนั้น
สเวนหน้าเปลี่ยนสี เพราะนี่พึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นปีศาจที่เป็นอันเดดไล่ล่าสังหารชาวบ้านอย่างโหดเหี้ยม
“อ้ากกกก ปีศาจ!หนีเร็ว หนี!!”
“มันมาอยู่ที่ได้ไง!”
“โอ้ย หลังข้า..!”
ทุกคนตกอยู่ในความวิตกกังวลอย่างรวดเร็ว คนเฒ่าคนแก่ต่างถูกวิ่งชนจนล้มไปกับพื้นไม่พอถูกเหยียบโดยคนอื่นด้วยซ้ำ
ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าสำหรับพวกเขาแล้ว ความน่ากลัวของปีศาจอยู่เหนือศีลธรรมในใจ ..
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมปีศาจถึงมาอยู่ที่นี่!”
สเวนกล่าวด้วยความสับสน พร้อมกับหยิบดาบเล่มหนึ่งออกมาโจมตีใส่อันเดดตัวหนึ่งจนสลายกลายเป็นธุลี
ภายใต้ความสับสนวุ่นวายนี้นั้นเอง เงาสีดำเงาหนึ่งก็พุ่งพรวดด้วยความเร็วที่เหนือทุกสรรพสิ่ง แม้แต่แสงก็ยังไม่อาจส่องกระทบร่างเขาได้
เพราะเขาราวกับเป็นผู้ที่เร็วยิ่งกว่าแสงจะสาดกระทบถูกตัว มองดูแล้วจึงเป็นเหมือนเงาสีดำที่พุ่งพรวดเข้ามา
แน่นอนว่าเงาสีดำนี้คือแม็กนัส ผู้ครองพอภพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ ของอาณาจักรมารของจอมมาร!
เคียวเล็กถูกควักออกมาตวัดใส่แขนสเวนอย่างรุนแรง ทว่าสเวนไม่ใช่เด็กอมมือ ดวงตาเขาเบิกกว้างแต่ก็ยังตอบสนองด้วยสัญชาตญาณ
ดาบในมือตวัดขึ้นเป็นแนวขวางปัดเคียวเล็กนั้นได้อย่างหวุดหวิด แม้จะเป็นการโจมตีที่รวดเร็วและเงียบเชียบ
แต่น่าเสียดายที่ทันทีที่เขาผลักแม็กนัสออกไปนั้น เสียงคำรามต่ำก็ดังขึ้นจากด้านหลังเขา ร่างของคาลริอุสโผล่พรวดออกมาจากความว่างเปล่า!
เขาไม่ได้ซ่อนตัวอยู่แถวนี้.. แต่เขาให้พลังของตัวเองไว้กับแม็กนัสต่างหาก เมื่อแม็กนัสโจมตีแล้วอีกฝ่ายรับได้..
เขาก็จะข้ามมิติมาเพื่อโจมตีจุดที่ทำให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวไม่ได้!
ดาบเล่มใหญ่ของคาลริอุสยกขึ้นมาและตวัดใส่ขาทั้งสองข้างของสเวน..
“เสร็จข้าล่ะ…”
มันพูดแบบนั้นพร้อมกับตัดไปที่ขาของสเวน! มันควรจะเป็นเช่นนั้นแท้ๆ ทว่ามันกลับตัดผ่านร่างของเขาไปราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น!
ดวงตาของคาลริอุสหดเล็กลง เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า พลันพบว่าสเวนลอยอยู่เหนือหัวตัวเอง!
เขาพึ่งพบว่าตนเองได้โจมตีภาพติดตาต่างหาก สเวนอาศัยจังหวะนี้ตั้งหลักของตัวเองและดีดตัวกลางอากาศถอยห่างออกไปนั้นเอง
“คิดว่าจะป้องกันการโจมตีข้าได้เป็นครั้งที่สองหรือเปล่าล่ะ?”
ร่างของแม็กนัสเปรียบดั่งภูตผีสีดำโผล่พ้นออกมาจากความว่างเปล่าด้านหลังของสเวนและโจมตีด้วยเคียวเล่มเล็ก
และไม่รอให้สเวนได้หลบการโจมตีของแม็กนัสด้วยซ้ำ คาลริอุสก็โดดพุ่งขึ้นมาเหวี่ยงดาบเล่มใหญ่ตวัดลงไปแนวตั้งใส่ร่างของสเวนที่ลอยอยู่กลางอากาศ
แม้ว่าคาลริอุสจะเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์มิติ แต่ร่างกายของเขานั้นกลับแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าปีศาจทั่วไปหลายเท่ามา
แน่นอนว่าโดยพื้นฐานแล้วปีศาจนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก แต่ทว่าคาลริอุสนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น
เพราะเขามีแค่เวทมนตร์มิติที่ใช้เคลื่อนย้าย ดังนั้นเขาจึงฝึกร่างกายให้เหนือกว่าปีศาจตนอื่นมาเยอะ.. และนั่นก็เพียงพอที่จะตัดร่างของสเวนให้แหลกเหลว!
“ระบำเวหา!”
สเวนที่ไม่อาจหลบหลีกหรือป้องกันเขาก็ตะโกนออกมา พริบตาเดียวนั้นรูปปั้นแกะสลักน้ำแข็งที่เป็นรูปจอมมารนั้นก็เปล่งแสงออกมา
โอบร่างของสเวนเอาไว้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างกายของเขาบิดเบี้ยวดาบในมือตวัดโค้งราวกับอสรพิษ
มันทั้งรวดเร็วและอ่อนหนุ่ม และแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน!ดาบในมือของเขาตวัดใส่เคียวของแม็กนัสเขาจึงกล่าวคำต่อว่า..
“สั่นสะเทือนผันเปลี่ยน!”
ก่อนที่จะโค้งงอมารับเอาดาบของคาลริอุส
“ไร้คม ไร้แรง ไร้อารมณ์”
ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที.. เกิดขึ้นไวจนเหมือนทุกอย่างมันหยุดเดิน แม้แต่เวลาก็ด้วย.. ความเร็วของสเวนนั้นทะลุขีดจำกัด
ไม่สิ.. หากแม็กนัสนั้นเร็วกว่าทุกอย่างจนเห็นทุกอย่างแทบหยุดนิ่ง แม้แต่แสงยังตามไม่ทันนั้น.. ที่สเวนทำเมื่อครู่ก็คือการทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง!
ระบำเวหา คือวิชาที่บิดาของเขาคิดมาเพื่อใช้ในการลอบโจมตีอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว เร่งประสาททุกอย่างให้ทุกอย่างหยุดนิ่งเสมือนควบคุมกาลเวลา
แม้เขาจะยังไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนั้น แต่ด้วยผลของงานประติมากรรมจอมมารของเขามันได้มอบพลังให้.. ทำให้เขาเหมือนได้รับพรวิเศษเพิ่มมา
แต่ก็แลกมาด้วยกับการที่มีเลือดไหลออกมาจากจมูกและหูสองข้างของเขา… ยังไงซะนี่ก็เป็นสถานการณ์เสี่ยงตาย ต่อให้เป็นเขาการจะรับมือกับผู้ครองพิภพทั้งสองคงยากไม่พอ
ยังโดนลอบโจมตีอีกต่างหาก.. แน่นอนว่าเลทิเซียยืนมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนกับว่าไม่ได้มีเรื่องราวอันตรายสุดแสนเกิดขึ้นอยู่หน้าตัวเอง
แต่ทว่าทันทีสเวนกระทำแบบนั้น เคียวกับดาบของปีศาจสองตนก็เกิดการสั่นสะเทือนจน… อาวุธหลุดออกจากมือพวกมันไปคนละทิศ
ดาบไปซ้าย!เคียวไปขวา!…
และเคียวนั้นหมุนควงไปทางเวโรเน่ ที่กำลังยืนอึ้งกับสถานการณ์เบื้องหน้าอยู่ ขาทั้งสองข้าสั่นไม่หยุด
ต้องทราบว่าเธอเป็นแค่เด็กธรรมดา นี่คงเป็นครั้งแรกที่เห็นเลือดและเสียงกรีดร้องโหยหวน หัวของเด็กที่เคยนินทาเธอกลิ้งอยู่บนพื้นพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง..
“นี่… นี่…”
“เวโรเน่ ระวัง!”
เสียงตะโกนดังมาจากด้านหลังเรียกสติของเธอกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เสียงนี้ไม่ใช่ของเลทิเซีย.. แต่เป็นเสียงของบิดาของเธอที่กำลังวิ่งมาทางนี้
ก่อนหน้านี้เขาตอบสนองก่อนใครเพื่อน พยายามจะวิ่งมาทางที่เวโรเน่ลูกสาวตัวเองอยู่ แต่เพราะการแตกตื่นของคนเลยทำให้เขาถูกขัดขวางไว้
แต่ต้องเข้าใจว่าการต่อสู้ของสเวนกับปีศาจสองตนมันพึ่งจะเริ่มไม่ทันถึงวินาทีด้วยซ้ำเคียวนั้นก็หมุนเคว้งมาทางเวโรเน่
เวโรเน่หันกลับไปเห็นหน้าของบิดาตัวเองที่กำลังแสดงสีหน้าตื่นตระหนักและกระวนกระวาย.. ราวกับเวลาของโลกทั้งใบไหลเดินช้าลง
“ท่านพ่อ…?”
เคียวนั้นพุ่งมาห่างจากหัวของเวโรเน่ไม่มาก.. เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้น เลทิเซียเดินมาจับเอาเคียวนั้นไว้พร้อมกับพูด
“ระวังหน่อยสิ”
เคียวนั้นไม่สามารถสร้างบาดแผลอะไรให้เลทิเซียได้แม้แต่น้อย กลับกันพอเลทิเซียจับมันไว้แล้วออกแรงบีบเบาๆ มันก็แตกสลายคามือของเธอ
“เลทิเซีย.. ข้า…”
เหมือนเวโรเน่กำลังสับสนกับอะไรบางอย่างอยู่นั้นเอง เสียง “เพล้ง” ก็ดังขึ้นสายตาของเลทิเซียหันกลับไปต้นเสียงทันที
ไม่ใช่การเปรียบเปรยหรือความรู้สึกที่คิดไปเอง.. แต่ทุกอย่างมันไหลช้าลง เบื้องหน้าเลทิเซียมีภาพของดาบเล่มใหญ่ที่ทำลายใส่เพื่อนๆ ของเธอ…
ทุกคน..ที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยมือคู่นี้และความรู้สึกจากในอกที่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่อยากจะมีความสุข อยากตะได้พบเจอกับภาพนี้…
มันพังทลายไปต่อหน้าต่อตา..
ความสุขนั้น..พังครืนลงต่อหน้าต่อตาของเธอ